6 ม.ค. 2021 เวลา 13:41 • นิยาย เรื่องสั้น
#จันทร์เจ้าขาตอนพิเศษ,
#ที่มาตัวละครตอนที่4,
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
จันทร์เจ้าขา ตอนพิเศษ หรือ ที่ผมเรียกเองว่า จันทร์เจ้าขา (1.5) .. จะเป็นจันทร์เจ้าขาอีกเล่ม ที่ผมตั้งใจ จะออกถัดมา..ต่อจากจันทร์เจ้าขา เล่มที่ 1 ครับ
โดยจะเป็นเรื่องสั้น ที่ปู
เรื่องราวที่มาที่ไป รวมถึงเรื่องราวความเชื่อมโยงของแต่ละตัวละครในจันทร์เจ้าขา ระหว่างเล่มที่ 1 และเล่มที่ 2 ครับ..
ซึ่งผมจะพยายามลงให้ได้ในทุกวันพุธ และวันอาทิตย์ ของแต่ละสัปดาห์ทาง Blockdit ก่อนที่จะรวมเล่มในโอกาสต่อๆไป นะครับ..
และตอนพิเศษในวันนี้จะย้อนกลับมาถึงเรื่องราวของครอบครัว คุณหนูฆฤณ..ซึ่งเงาประวัติศาสตร์ คือ
ครอบครัวของพระยาเทพประชุน ปลัดทูลฉลอง กรมพระกลาโหม (ตำแหน่งในขณะนั้น) ครับ
ผมขอส่งความสุขให้เพื่อนๆ ด้วยจันทร์เจ้าขา ตอนพิเศษในค่ำคืนนี้ กันนะครับ 😇🎶🎵❤️💙
สุขสันต์คืนวันพุธนะครับ
..
..
บทที่1 ตอนที่ 4(1):คุณหนูฆฤณ
#บริเวณท่าน้ำเรือนของคุณหนูฆฤณเมื่อหลายปีก่อนหน้าพุทธศักราช2426
กระแสน้ำเชี่ยวกราก สีแดงโคลน..ในฤดูน้ำหลากปีนี้
ทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาดูขุ่น ทึบไปด้วยตะกอนมากกว่าทุกๆปี..
สีแดงของน้ำ ก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำปนสีน้ำตาล..
จนแลดูคล้ายสีโลหิตที่แห้งเกรอะกรัง ..ไหลเชี่ยวแรงอย่างน่ากลัว..
“ดูสีน้ำสิเจ้าคะ..ช่างเป็น อาเพท อัปมงคล อะไรเช่นนี้นะเจ้าคะ..”
แม่นมแจ่ม แม่นมของคุณหนูฆฤณ ..เอ่ยกับคุณหญิงเกษร.. ด้วยน้ำเสียงนบนอบ..แต่ราวกับมีเรื่องอะไรอึดอัดใจ..แน่นอยู่ในอก..
“ และยิ่งเมื่อวันก่อนนะเจ้าคะ..มีศพของหญิงผู้เคราะห์ร้าย วาสนาน้อย ..ลอยตามน้ำมาติดที่ท่าน้ำของเรือนของเจ้าคุณท่านอีก..”
แม่นมแจ่มพูดต่อ ด้วยน้ำเสียงที่ระมัดระวัง พร้อมกับมองอย่าง นบนอบ..มาที่คุณหญิงท่าน..
“เพียงชั่วแว่บหนึ่ง ขณะที่พวกบ่าวผู้ชายนำร่างนั้นขึ้นมาจากน้ำ..
นะเจ้าคะ..
แจ่มนี้เห็นเต็มตาเลยเจ้าค่ะ
ศพนั้น มีใบหน้างามซีดขาวราวกับพระจันทร์..แต่กลับช่างงามชวนมอง และดึงดูดใจ เย้ายวนชวนให้ค้นหายิ่งนัก..เจ้าค่ะ
ชุดเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ ก็ช่างดูแปลกตาไม่เหมือนกับชาวพระนครทั่วไป ..ดูคล้าย จะเป็นชาวพายัพ แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เสียทีเดียว เจ้าค่ะ..
และขณะที่ แจ่มกำลังมองอยู่นั้น..นะเจ้าคะ
ทันใดนั้นเอง ..ศพนั้น ก็ลืมตา จ้องมาที่แจ่ม ด้วยสายตาแห่งอำนาจ
พร้อมกับขยับปาก พูดอะไรบางอย่างกับแจ่ม ว่า..
* นี่เป็นเรื่องสำคัญ.. จงพาบุตรแห่งท้าวเวสสุวรรณ มาพบข้า โดยเร็ว*
และเพียงชั่วแวบหนึ่ง ศพนั้นก็หลับตาลงเป็นปกติ
..แล้วถูกยกออกไป จากท่าน้ำน่ะเจ้าค่ะ..”
คุณหญิงเกษร หันขวับกลับมามองแม่นมแจ่มแทบจะในทันที.. ด้วยสายตาที่จับจ้องราวกับพญาอินทรีย์ ผู้ทรงอำนาจ ..พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า..
“แม่แจ่ม เล่าว่า ศพนั้น พูดกับแจ่ม ว่าอย่างไรกันนะ..”
แม่แจ่มก้มหมอบกราบตัวสั่น..พลางพูดตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ว่า..
“ศพของหญิงแปลกหน้าผู้นั้น พูดกับแจ่มว่า..
* นี่เป็นเรื่องสำคัญ.. จงพาบุตรแห่งท้าวเวสสุวรรณ มาพบข้า โดยเร็ว* .. น่ะเจ้าค่ะ”
..
..
คุณหญิงเกษร ฟังอย่างสงบและครุ่นคิด อยู่ครู่หนึ่ง.. ก่อนจะพูดกับแม่นมแจ่ม ว่า
“มีเพียงท่านพี่.. ตัวข้า และท่านเจ้าคุณสันติ เท่านั้น ที่รู้เรื่องบุตรแห่งท้าวเวสสุวรรณนี้..
แจ่มเอ๋ย จงรีบพาข้า ไปที่ศพหญิงคนนั้น โดยเร็วเถิด..”
แม่นมแจ่ม ยังคงหมอบกราบคุณหญิงเกษรท่านอย่างซาบซึ้ง เหมือนว่าได้คลายความกังวล กับสิ่งอาถรรพ์ที่ได้ประสพพบเจอมา..
ซึ่งอาจจะเป็น ด้วยว่า คุณหญิงท่าน นั้นนับเป็นผู้มากด้วยอำนาจและบารมี ที่คอยปกป้องคุ้มครองบ่าวไพร่ในเรือนนี้ ..เสมอมา
และคุณหญิงท่าน ยังได้ถ่ายทอดลักษณะอันพิเศษนี้ ให้กับคุณหนู
ฆฤณบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่าน..อีกด้วย...
“รีบไปกันเถิดเจ้านะเจ้าคะ คุณหญิงท่าน.. แจ่มเกรงว่า หากไปถึงมืดค่ำ อาจจะเสียการณ์ได้น่ะเจ้าค่ะ”
แม่แจ่ม เอ่ยเร่งเร้าพลางเงยหน้าขึ้นมองคุณหญิงท่าน
..
ที่ในขณะนี้ เดินจ้ำนำหน้าแม่นมแจ่ม อยู่หลายวา
“มัวแต่ชักช้า พิรี้พิไร อยู่นั่นแล้ว แม่แจ่ม.. ข้าไม่รอเจ้าแล้วนะ..”
..
..
..
“ผิดทางเจ้าค่ะ คุณหญิง..”
แม่นมแจ่ม.. อมยิ้มชี้มือไปอีกทาง ..คนละทิศกับคุณหญิงเกษรที่เดินจ้ำๆอยู่ พลางนึกในใจ ว่า
“คุณหนูฆฤณ ก็คงจะได้ลักษณะพิเศษที่หลงทิศหลงทาง ทุกครั้ง ..มาจากคุณหญิงท่าน เช่นนี้ สินะเจ้าคะ..
ทูลหัวของแจ่มทั้งคู่เลยนะเจ้าคะ “
..
..
#ณ.ลานฌาปนกิจศพอนาถาวัดบางยาง(วัดบางขวางในปัจจุบัน)
ภาพตรงหน้า ที่ปรากฏต่อคุณหญิงเกษร และแม่นมแจ่ม ณ.ลานฌาปนกิจ ในขณะนี้ คือ..
กองศพอนาถาจำนวนหลายสิบศพ.. ถูกห่อด้วยเสื่อบ้าง ไม่มีเสื่อบ้าง..วางกองไว้ระเกะระกะ ดูน่าเอนจอนาถ
..อยู่ข้างๆ กับกองไม้ฟืนที่ถูกเตรียมก่อไว้ เพื่อที่จะฌาปนกิจศพอนาถา ที่มากมาย เหล่านี้..
กลิ่นซากศพ ที่ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ในยามนี้.. ยิ่งชวนให้น่าสะอิดสะเอียน ขนลุกขนพอง ยิ่งนัก..
“พุทโธ่ พุทถัง.. แล้วอย่างนี้ แจ่ม มิต้องไล่พลิก ไล่เปิดทุกศพ กันรึเจ้าคะ.. โอยย”
แม่นมแจ่ม พูดพลาง ถอนหายใจด้วยความอ่อนใจ..
แล้วจึงหันไปมองคุณหญิงท่าน.. ที่บัดนี้ กำลังประนมมือ ขึ้นกล่าว สัจอธิษฐาน ด้วยเสียงอันดัง ขึ้นว่า..
“บัดนี้ข้า..คุณหญิงเกษร..
ภริยาของพระยาเทพประชุน ผู้ซึ่งเป็นบิดามารดา ทางฝ่ายโลกของหนูฆฤณ ..บุตรสาวทางฝ่ายวิญญาณของท่านท้าว
เวสสุวรรณ ..
ได้มายืน ณ.สถานที่ แห่งนี้ ตามปรารถนาของวิญญาณผู้ตาย ที่ปรากฏประจักษ์ต่อบ่าวหญิงของข้า..
ขอให้วิญญาณผู้ตาย ..ผู้ประสงค์จะแจ้งข่าวอันสำคัญ ต่อบุตรท่านท้าวเวสสุวรรณ .. จงปรากฏ ต่อข้า ตามสัจอธิษฐานนี้ ด้วยเทอญ..”
ทันทีที่สิ้นเสียง สัจอธิษฐานของคุณหญิงเกษร ..เสียงขานรับ จากดวงวิญญาณ และบรรดาเทวดาอารักษ์ ก็เปล่งขึ้น พร้อมกันตอบรับสัจอธิษฐานนั้นว่า..
“..สา..ธุ..”
จากนั้นเมฆบนฟ้า ก็เคลื่อนตัวปิดปกคลุมหนาจนทั่วฟ้าทำให้พื้นที่บริเวณนั้นมืดลง ดูประหนึ่งยามค่ำในคืนเดือนมืด..
และในขณะเดียวกัน ก็มีลมกรรโชกแรงพัด..
ตีฝุ่นขึ้นกระจาย คละคลุ้ง
..อยู่พักหนึ่ง..
จนเมื่อลมนั้น ..ค่อยๆสงบพร้อมกับฝุ่นที่ค่อยๆลดเบาบางลง..
เบื้องหน้าของ คุณหญิงเกษร และแม่นมแจ่ม ก็ค่อยๆ ปรากฏร่างเล็ก บอบบางของสาวงาม ที่ลอยเข้ามาใกล้.. กลิ่นซากศพ ที่มีอยู่ก่อนหน้า ก็ถูกซ้อนทับ ด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ป่า ที่โชยอ่อน
พร้อมกับเสียงหวานใส ดังกังวานขึ้น ว่า..
“ข้า..*เล-ปยีน (คำแปล:ลมแรง) หัวหน้าเหล่าภูตลม ผู้รับใช้อันซื่อสัตย์แห่ง
ตระกูลนัตกะต่อว์ ..
ขอน้อมคำนับ ต่อธรรมบารมีและสัจอธิษฐาน ของมารดาฝ่ายโลกนี้ของคุณหนูฆฤณ..
..
..
ข้าได้หลบซ่อนในศพหญิงอาภัพคนหนึ่ง ที่จมน้ำและได้อาศัย ร่างนี้เป็นดั่งนาวา ให้ข้าหลบซ่อนเร้น จากสายตาของนัตโยนบาเยง..
ข้าต้องขอขอบคุณสวรรค์ จริงๆ..ที่ทำให้ข้าสามารถ
มาพบกับครอบครัวของคุณหนูฆฤณ ตามจิตอธิษฐานได้ในที่สุด..”
ภูตลม เล-ปยีน ยืนโค้งคำนับนิ่งสงบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดต่อ ว่า ..
“ เป็นที่ทราบกันในหมู่ภูตและเทพ ทั้งหลาย ว่า..ท่าน
ท้าวเวสสุวรรณเป็นผู้ตั้ง
ชื่อ บุตรสาวบุญธรรม ของท่านว่า *ฆฤณ ซึ่งแปลว่า ผู้ส่องสว่าง หรือ ดวงอาทิตย์
ก็เพื่อให้ ..เป็นดั่งดวงไฟประทีปแห่งชีวิต ที่ส่องสว่าง และจะเป็นอีกหนึ่งกำลังที่สำคัญ ต่อไปในภายภาคหน้าของสยาม..
ท่านท้าวเวสสุวรรณเองนั้นทรงเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ดูแลปกครองทางทิศเหนือ และ
เป็นผู้ดูแลควบคุมไฟวิญญาณ รวมถึงไฟแห่งการพิพากษา..ดังนั้น การตั้งชื่อบุตรสาว ว่าเป็นผู้ส่องสว่าง
จึงแสดงให้เห็นถึง ความรักความเมตตาอันสูงสุดของท่านท้าวฯ ที่มีต่อคุณหนู
ฆฤณ..มากจริงๆ
ซึ่งข้ามายังที่แห่งนี้ ก็ด้วยการธุระสำคัญที่มีต่อคุณหนูฆฤณ..
ด้วยว่า..บัดนี้ ตระกูลนัตกะต่อว์ ได้ถูกเจ้าชายเมกุฏิ์ สังหารเสียหมดทั้งสิ้นทุกคนในตระกูล..ที่ถ้ำประตูบาดาลดอยศิลา..
แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งชีวิต แห่งสายเลือดบริสุทธิ์ ตระกูล
นัตกะต่อว์ที่รอดชีวิตได้ คือ
มะตีริน้อย..
หากคุณหนูฆฤณ คือ ไฟ..
คือความยิ่งใหญ่ ..คือชีวิต..
มะตีริน้อยแห่งตระกูลนัตกะต่อว์ ก็คือร่างทรงผู้ควบคุมลม มาตั้งแต่ราชอาณาจักรลึกลับโบราณเรื่อยมา จนถึงราชอาณาจักรล้านนาในปัจจุบัน.. และผู้ควบคุมกลไกปิดเปิดประตูบาดาล..
ทางเข้าออกของเหล่าแม่ทัพนาคโบราณ..
ในเวลานี้ ข้า เล-ปยีน
มาที่นี่ ก็เพื่อส่งสาส์นสำคัญ ต่อคุณหนูฆฤณ ว่า..
๑ลมอาศัย ไฟคุ้มครอง
คอยปกป้อง,
ไฟอาศัย ลมเสริมช่อง
ส่องไสว,
โยนบาเยง สร้างทัพผี
อย่างเร็วไว,
มุ่งทำลาย มะตีริ คนสุดปลาย..ให้ดับขันธ์,
๒มีเพียงคุณ หนูฆฤณ
จะช่วยได้,
ไฟและลม รวมทำลาย
มนต์อาถรรพ์,
ในภายหน้า ล้านนาสยามจักรวมกัน,
ด้วยสายใย ไฟลมนั้น
รวมเป็นหนึ่ง..
..
..
และหากเมื่อเวลานั้นมาถึง
เมื่อมะตีริน้อย ร้องเรียกหาความช่วยเหลือ..
ขอจงส่งพระคาถาที่จะเชื่อมกันระหว่างตระกูลนัตกะ
ต่อว์แห่งลม ให้กับ คุณหนู
ฆฤณ ท่องซ้ำตามลมหายใจว่า *โสตัตตะภิญญา*
ขอจงจำ และส่งสิ่งที่ข้าบอกนี้ ให้กับคุณหนูฆฤณ ด้วยเถิด..ขอจงมีสุขสวัสดี..
..ลาก่อน ”
..
..
เมื่อสิ้นเสียงประโยคสุดท้าย ของภูตลม เล-ปยีน
ร่างนั้นก็ค่อยๆ..จางหาย คล้ายกับหิ่งห้อย ที่ใช้เรี่ยวแรงครั้งสุดท้ายในการส่งสาส์น ..ก่อนที่จะแตกสลาย ดับไปในที่สุด..
ขณะท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆหนา ก็ถูกสายลมแรงพัดเปิดออก จนกลับมาเป็นฟ้าสว่างปกติในที่สุด..
คงมีแต่..เพียงกลิ่นหอมจางของดอกไม้ป่าเท่านั้น ที่ยังคงหอมรัญจวนอยู่ทั่วบริเวณ..
คุณหญิงเกษรหันไปเรียก แม่นมแจ่มที่ยังคงตกตะลึงต่อเหตุการณ์เบื้องหน้าเมื่อสักครู่ ว่า..
“แจ่มมม ..ขอเจ้าช่วยหยิบเอากระบอกจดหมายที่มีตราของท่านท้าวเวสสุวรรณในตะกร้าที่เจ้าถือ.. ส่งมาให้ข้าเถิด..”
แม่นมแจ่ม สะดุ้งเฮือก ก่อนที่จะกระวีกระวาด รีบหยิบกระบอกจดหมายนั้นส่งให้คุณหญิงท่าน..
คุณหญิงเกษร หยิบกระบอกจดหมายนั้น มาถือกระชับในมือ ..ก่อนที่จะหยิบมีดแกะสลักจากตะกร้าขึ้นมา
พลางสลักด้วยจิตที่ตั้งมั่นเป็นคำ ว่า..
“เมื่อถึงเวลา*ฆฤณ * มะตีริ * เปล่งเสียงพร้อมว่า*สาธุ*
โสตัตตะภิญญา*
ลงข้างปลอกฝากระบอกจดหมายนั้น..
แล้วจึงยื่นส่งคืนกลับให้ แม่นมแจ่ม พร้อมกับพูดสำทับว่า..
“แจ่ม.. ขอเจ้าเก็บรักษาไว้ให้ดี และจงมอบให้คุณหนูฆฤณติดตัวไว้..
เมื่อคุณหนูฆฤณ ถึงวัยจะเข้าไปอยู่ประจำที่เรือนคัดสรร ของครูแม่ช้อย..”
แม่นมแจ่มตอบรับ และกระบอกจดหมายใส่กลับเข้าไปยังตะกร้านั้นอีกครั้ง..
“เหตุการณ์ในวันนี้ .. มีเพียงเจ้า กับข้าเท่านั้น ที่รู้เรื่อง
ขอจงอย่าแพร่งพรายต่อผู้ใด.. ข้าไม่อยากให้ท่านพี่ต้องทุกข์ใจถึงอนาคตของ
ฆฤณมากกว่านี้..
เหตุการณ์คราเมื่อ แม่มดจ่าย ก็ทำให้ท่านพี่ทุกข์ใจมากเพียงพอแล้ว..เข้าใจหรือไม่.. แจ่มม”
..
..
“เจ้าค่ะ” แม่นมแจ่มตอบรับอย่างเข้าใจ .. พลางก้มลงจับตะกร้าให้กระชับ..
แล้วจึงเงยหน้าขึ้น.. เอ่ยเรียกคุณหญิงเกษร อย่างนบนอบ อีกครั้งว่า..
“คุณหญิง เจ้าคะ.. คุณหญิงเจ้าคะ..”
คุณหญิงหันกลับมามองแม่นมแจ่ม แล้วยิ้มถามว่า
“ฮึ..ยังมีสิ่งใด สงสัยอีกรึ
..แจ่มมม..? ”
แม่นมแจ่มยิ้มกว้าง ให้คุณหญิง พร้อมกับตอบว่า..
“มิได้เจ้าค่ะ คุณหญิง..
เรือนเรา อยู่ทางนี้เจ้าค่ะ..”
แม่นมแจ่ม อมยิ้มพลาง ชี้มือไปอีกทิศกับที่คุณหญิงเกษร เดินนำหน้าอยู่ในขณะนี้..
“ทูลหัวของแจ่ม รักที่สุดแล้วเจ้าค่ะ..”
..
..
จบบทที่ 1 ตอนที่ 4(1)
..
..
..
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
ร้อยเรียงจันทร์เจ้าขาตอนพิเศษ
(T.Mon)
6/1/2021

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา