8 ม.ค. 2021 เวลา 12:30 • กีฬา
กว่าเฟร์นันโด ตอร์เรสจะย้ายมาลิเวอร์พูลไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ หงส์แดงทำอย่างไรถึงกระชาก กล่องดวงใจของแอตเลติโก้ มาดริดมาได้ ไปย้อนอ่านเรื่องราวเมื่อปี 2007 กันอีกครั้ง
1
25 พฤษภาคม 2005 เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงชนะเลิศที่อิสตันบูล จบครึ่งแรกเอซี มิลานนำลิเวอร์พูล 3-0 ในวันนั้นเฟร์นันโด ตอร์เรส กัปตันทีมแอตเลติโก้ มาดริด นั่งชมเกมทางโทรทัศน์อยู่ด้วย
เมื่อเห็นครึ่งแรกสกอร์อยู่ที่ 3-0 ตอร์เรสปิดโทรทัศน์เขาคิดว่าดูต่อไปก็เสียเวลาเปล่า ไม่มีใครพลิกกลับมาชนะได้หรอก โดนนำ 3 ลูกในครึ่งแรกแบบนี้กับทีมอย่างเอซี มิลาน มันเกมโอเวอร์แล้ว
พอปิดทีวี ตอร์เรสก็ไปออกกำลังกายเพื่อฆ่าเวลา เพราะเขามีนัดดินเนอร์กับเพื่อนๆในคืนนี้พอดี
ราวๆ 1 ชั่วโมงหลังปิดทีวี ตอร์เรสออกกำลังเสร็จ อาบน้ำ แล้วไปเจอเพื่อนที่ร้านอาหารในเมืองมาดริด จากนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นจอทีวี สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงก็คือ สกอร์จาก 3-0 พลิกกลับมาอยู่ที่ 3-3 และเกมกำลังจะตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ
1
"ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเอาความแข็งแกร่ง และจิตใจฮึดสู้ขนาดนั้นมาจากไหน" ตอร์เรสเล่าความรู้สึก และจากนั้นเขาก็ดูต่อไปจนจบเกม หงส์แดงชนะจุดโทษ เอซี มิลานได้สำเร็จ คว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 5
1
"บทเรียนที่ผมได้จากวันนั้นก็คือสโมสรอย่างลิเวอร์พูล ไม่มีใครคิดจะถอดใจยอมแพ้ และพวกเขาสามารถทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้หมด"
1
จากจุดนั้นเอง ทำให้ตอร์เรสเริ่มสนใจลิเวอร์พูลอย่างจริงจังมากขึ้น นี่เป็นสโมสรที่มีคาแรคเตอร์เฉพาะตัวมาก ในเวลาต่อมา ตอร์เรสก็เริ่มติดตามหงส์แดงในหลายๆช่องทาง เขารู้สึกชื่นชอบทีมนี้ เพราะกว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างที่เห็น หงส์แดงเจอเรื่องหนักๆมาเยอะ ทั้งเฮย์เซล ทั้งฮิลส์โบโร่ แต่สโมสรก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ และเดินหน้าต่อไปอย่างแข็งแกร่งด้วย
2
เฟอร์นันโด ตอร์เรส เกิดที่เมืองฟูเอนลาบราด้า ชานเมืองมาดริด ซึ่งแน่นอน คนในเมืองส่วนใหญ่ก็เชียร์กันสองทีมคือ เรอัล มาดริด กับแอตเลติโก้ มาดริด แต่ตัวตอร์เรสตัดสินใจว่าจะเลือกเป็นแฟนทีมตราหมี ตามคุณปู่ ซึ่งแม้เพื่อนๆในโรงเรียนจะเชียร์เรอัล มาดริดกันหมด เขาก็ไม่ได้แคร์อะไร
2
ในสมัยประถม ห้องเรียนของตอร์เรส มีนักเรียน 30 คน เป็นแฟนเอสปันญ่อล 1 คน เป็นแฟนแอตเลติโก้ 1 คน (คือตอร์เรส) และที่เหลืออีก 28 คน เป็นแฟนเรอัล มาดริดหมดเลย
1
ตอร์เรส เริ่มเล่นฟุตบอลจากตำแหน่งผู้รักษาประตู แต่เปลี่ยนมาเป็นกองหน้าในวัย 7 ขวบ และจากนั้นมาก็ไม่เคยเปลี่ยนตำแหน่งอีกเลย ตอนตอร์เรสอายุ 10 ขวบ เขายิงประตูได้ 55 ลูกใน 1 ปี ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่เหลือเชื่อมากๆ สำหรับเด็กวัยนั้น และด้วยฝีเท้าที่โดดเด่น ทำให้หลายสโมสร อยากดึงเขาไปอยู่ด้วย แต่ตอร์เรส เลือกแอตเลติโก้ ทีมที่เขาเชียร์แต่แรก
2
ตอร์เรส พุ่งทะยานอย่างรวดเร็วมาก ในวัย 17 ปี (ซีซั่น 2000-01) เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงให้ทีมชุดใหญ่ของแอตเลติโก้ มาดริด จากนั้นในซีซั่น 2003-04 ตอนอายุ 19 เขาติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่ ต่อด้วยการถูกแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของแอตเลติโก้ มาดริด
2
ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลา และความสามารถอันยอดเยี่ยม ทำให้ตอร์เรส กลายเป็นเซเล็บของวงการฟุตบอลสเปน จะมีนักฟุตบอลสักกี่คนที่ได้เล่น MV ของวงร็อกชื่อดังในประเทศ El Canto del Loco แต่ตอร์เรสก็ได้รับคำเชิญนั้น (ให้นึกถึงสารัช อยู่เย็น เล่นเอ็มวีเชือกวิเศษ) จากนั้นก็ออกรายการโทรทัศน์เป็นว่าเล่น อายุยังไม่ 20 ปี แต่ตอร์เรสมีทั้งชื่อเสียงและเงินทองอย่างที่ใครๆก็อิจฉา
1
การที่สโมสรฟุตบอลจะปลุกปั้นเพชรเม็ดงามจากอะคาเดมี่ขึ้นมาเป็นสตาร์ดัง เป็นเรื่องไม่ง่าย ดังนั้นเจ้าของสโมสรแอตเลติโก้ มาดริด มิเกล-อังเคล กิล มาริน ไม่อยากจะขายตอร์เรสออกจากทีม เขาอยากให้ตอร์เรสอยู่กับทีมเดียวจนเลิกกลายเป็นตำนานผู้ยิ่งใหญ่ไปเลย
1
ดังนั้นเมื่อมีข้อเสนอใดๆ จากสโมสรอื่น เข้ามาให้ตอร์เรสพิจารณา ไม่ทันจะได้คุยอะไรทั้งนั้น สโมสรบอกปฏิเสธหมด โดยไม่ถามตอร์เรสด้วยว่าเขาอยากย้ายไปหาความท้าทายใหม่ๆหรือไม่ ซึ่งตอนแรกตอร์เรสก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะเขาเพิ่งเลื่อนชั้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ แต่พอผ่านไปนานๆ เข้าเขาเองก็เริ่มรู้สึกเช่นกันว่า ถ้าหากลองย้ายไปเล่นในลีกอื่น มันจะเป็นอย่างไรบ้างนะ เขาจะยิงประตูได้เยอะๆ เหมือนที่ยิงให้แอตเลติโก้ มาดริดหรือเปล่า?
"สโมสรต่างชาติที่ผมชอบดูมากๆ คืออาร์เซน่อล ในยุคนั้นมีเดนนิส เบิร์กแคมป์, เอียน ไรท์, เดวิด ซีแมน, โทนี่ อดัมส์, นิโกลาส์ อเนลก้า และ เธียร์รี่ อองรี ยุคแรกๆ แถมยังมีอาร์แซน เวนเกอร์เป็นโค้ช พวกเขาเป็นทีมที่น่าดูจริงๆ เวลาผมเตะบอลเล่นกับเพื่อนที่สวนในฟูเอนลาบราด้า ผมจะสมมติตัวเอง เป็นนักเตะอาร์เซน่อลอยู่ตลอด"
"ยิ่งตอนโฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส ย้ายไปอาร์เซน่อล ผมตามติดพวกเขาอย่างใกล้ชิดเลย เรเยสย้ายไปเล่นกับใคร ยืนในตำแหน่งไหน คือผมสนใจมาก"
จากนั้นทีมที่ 2 ที่เขาชื่นชอบก็คือลิเวอร์พูล โดยจุดเริ่มต้นคือเกมยูฟ่าคัพ นัดชิงชนะเลิศปี 2001 ที่หงส์แดงเอาชนะอลาเบส ทีมจากสเปนอย่างสุดมันส์ด้วยสกอร์ 5-4 และติดตามมากขึ้นตอนที่ราฟาเอล เบนิเตซ ไปคุมทีมในซีซั่น 2004-05 และมาชื่นชอบเอาสุดๆ ตอนยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกที่อิสตันบูล
4
สิ่งที่ตอร์เรสรู้สึกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวก็คือ เขาชื่นชอบสไตล์ของฟุตบอลอังกฤษ มากกว่าฟุตบอลสเปน
"เกมที่อังกฤษเร็วกว่า และเข้มข้นกว่า กองหน้ามีโอกาสทำประตูกันเยอะกว่า ขณะที่นักเตะก็ดูจะมีความตุกติกน้อยกว่า ในอังกฤษผู้เล่นไม่ชอบพุ่งเรียกจุดโทษ พวกเขาตั้งใจเล่นเพื่อให้กรรมการเจองานที่ง่ายขึ้น และพวกเขาก็ไม่ชอบโวยวายขอผลประโยชน์ไปซะทุกครั้ง นั่นทำให้เกมมันต่อเนื่อง คือคนดูบอลอังกฤษ มันจะไหลลื่น และสนุกกว่าจริงๆ"
3
"โอเค มันมีการเสียบกันหนักๆจริง แต่นักเตะที่โดนเตะก็ไม่คร่ำครวญ พวกเขาลุกขึ้นแล้วเล่นต่อ ไม่เหมือนบางลีกที่นักเตะเวลาโดนชนนิดหน่อยก็จะล้มกลิ้งไปทั่วสนาม เพื่อให้แฟนบอลตัวเองกดดันกรรมการ"
2
นับจากปี 2005 เป็นต้นมา ที่ลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ยุโรป โมเมนตั้มของโลกฟุตบอลก็เริ่มเทไปที่ฝั่งอังกฤษ ความนิยมของบอลอังกฤษพุ่งสูงมาก นักเตะดังๆทั่วโลก ก็ย้ายไปค้าแข้งที่อังกฤษกันมากมาย ซึ่ง ณ จุดนี้ ตอร์เรสเอง ก็อยากย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ลีกด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักแอตเลติโก้ มาดริด เขารักมาก แต่ส่วนหนึ่งคือเบื่อกับสไตล์ของบอลสเปน และอีกส่วนคือ แอตเลติโก้ มาดริด ณ เวลานั้น อยู่ในช่วงขาลง ทีมทรงๆอยู่กลางตาราง คือต่อให้ตอร์เรสยิงเยอะแค่ไหน ก็ไม่ช่วยให้ทีมได้แชมป์อะไรอยู่ดี ตอร์เรสกลายเป็นนักเตะมือเปล่า ที่ไม่มีแชมป์อะไรสักอย่างติดมือแม้แต่รายการเดียว
1
อันดับของแอตเลติโก้ มาดริด ในช่วง 3 ปีที่ตอร์เรสลงเล่นในลาลีกามีดังนี้
2002-03 อันดับ 12 : ผลงานตอร์เรส ยิง 13 ลูก ดาวซัลโวสโมสร
2003-04 อันดับ 7 : ผลงานตอร์เรส ยิง 19 ลูก ดาวซัลโวสโมสร
2004-05 อันดับ 11 : ผลงานตอร์เรส ยิง 16 ลูก ดาวซัลโวสโมสร
ว่าง่ายๆคือแอตเลติโก้ มาดริดในช่วงนั้น ตอร์เรสแบกทีมอยู่คนเดียว ยิงประตูได้เยอะ และสม่ำเสมอมาก แต่ด้วยองค์ประกอบทีมที่ไม่ดีพอทำให้เขาไม่ได้แชมป์อะไรเลย
เมื่อถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2005 เป็นครั้งแรกที่ตอร์เรส เริ่มคิดอยากย้ายทีมอย่างเป็นจริงเป็นจัง เขาอายุ 21 ปีแล้ว คิดว่าได้เวลาเหมาะสมที่จะมูฟไปหาทีมที่ใหญ่ขึ้น มีเพื่อนร่วมทีมที่ดีขึ้น ที่จะสามารถยกระดับให้เขากลายเป็นนักเตะระดับโลกได้ง่ายกว่าเดิม
3
และเมื่อดูจากสไตล์การเล่นแล้ว พรีเมียร์ลีกก็ตอบโจทย์สุด ในทีมชาติสเปนชุดฟุตบอลโลก ก็มีนักเตะถึง 5 คนที่ย้ายไปเล่นในอังกฤษ ประกอบด้วย หลุยส์ การ์เซีย, ชาบี อลอนโซ่ และ เปเป้ เรน่าของลิเวอร์พูล กับเชส ฟาเบรกาส และ โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส ของอาร์เซน่อล
ตอร์เรส เหลือสัญญากับสโมสรอีก 3 ปีก็จริง แต่เขาก็แย้มเป็นนัยๆ กับสื่อมวลชนว่า เขาอยากหาความท้าทายใหม่ นั่นเป็นสัญญาณให้หลายๆทีม ยื่นข้อเสนอกันมาอย่างมากมาย
แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ แอตเลติโก้ มาดริด ปัดตกทุกข้อเสนอ เชลซีเป็นทีมแรกที่ยื่นเข้ามาด้วยราคา 20 ล้านปอนด์ โดยเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่ตอนนั้นเป็นโค้ชทีมสำรอง ได้แนะนำให้โชเซ่ มูรินโญ่รีบเซ็นก่อนโดนทีมอื่นแย่ง ซึ่งมูรินโญ่ก็เชื่อ ไปขอเงินจากโรมัน อบราโมวิช เพื่อดึงหัวหอกรายนี้มาเสริมทัพ
1
ปรากฏว่า เอ็นริเก้ เซเรโซ่ ประธานสโมสรแอตเลติโก้ ตอบกลับไปว่า "ทางที่ดีอบราโมวิชควรไปหานักเตะในอังกฤษ หรือที่รัสเซีย เขาจะไม่ข้องเกี่ยวอะไรกับเรา และเราจะไปทำธุรกิจเรื่องตอร์เรส เขาจะถอนเงินจากธนาคารเท่าไหร่ก็ได้ ตามแต่ใจเลย แต่เงินก้อนนั้นไม่ได้ผลกับเราแน่นอน"
2
เชลซีไม่ยอมแพ้ ยื่นข้อเสนอครั้งที่ 2 ด้วยเงิน 24 ล้านปอนด์ โดนปฏิเสธอีกรอบเช่นกัน นั่นทำให้พวกเขาถอดใจ เลิกต่อสู้ แล้วไปหากองหน้าคนอื่นแทน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าสู่ตลาดบ้าง ด้วยเงิน 24 ล้านปอนด์บวกนักเตะอีก 1 คน แต่แอตเลติโก้ มาดริดปฏิเสธ ตามด้วยนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ยื่นไป 26 ล้านปอนด์ ก็โดนปฏิเสธเช่นเดียวกัน
นอกจากทีมในพรีเมียร์ลีกแล้ว ยังมีอินเตอร์ มิลาน, โอลิมปิก ลียง และยูเวนตุส ที่ยื่นข้อเสนอเช่นกัน แต่โดนปัดเรียบ โดยเฉพาะอินเตอร์ถึงขนาดยื่นคริสเตียน วิเอรี่บวกเงินก้อนโต แต่แอตเลติโก้ มาดริดก็ยังเซย์โน
ถ้าเป็นนักเตะคนอื่น เจอแบบนี้ อาจพร้อมหักกับทีม แต่ตอร์เรสเองก็รักแอตเลติโก้ มาดริด ดังนั้นเขาจะทำนิสัยเกเร งอแงอยากย้ายทีมไม่ได้ จึงได้เพียงแค่อดทนและรอคอยโอกาสเท่านั้น
6 กุมภาพันธ์ 2007 สโมสรลิเวอร์พูลมีการเปลี่ยนเจ้าของใหม่ โดยทอม ฮิคส์ กับ จอร์จ ยิลเลตต์ สองนักธุรกิจชาวสหรัฐฯ เข้ามาเทกโอเวอร์ทีม และพวกเขาเปิดตัวด้วยการเอาใจผู้จัดการทีม ราฟาเอล เบนิเตซ โดยยืนยันว่า พร้อมให้งบประมาณในระดับสถิติสโมสร เพื่อซื้อกองหน้าตัวไหนก็ได้ที่เบนิเตซอยากได้
1
คนที่เบนิเตซ หมายตาเอาไว้มี 2 คน คือเฟร์นันโด ตอร์เรส และ ซามูแอล เอโต้ สองคนมีสไตล์ความเร็วจัดจ้าน และยิงคมกริบเหมือนกัน แต่ตอร์เรสได้เปรียบที่อายุน้อยกว่า ใช้งานได้นานกว่า (23 ปี กับ 26 ปี) แต่อีกมุมเอโต้มีประสบการณ์จัดจ้านกว่า เคยได้แชมป์ยุโรปมาแล้วด้วย
อย่างไรก็ตาม เบนิเตซมองในเรื่องบรรยากาศในห้องแต่งตัว ตอร์เรสเป็นคนง่ายๆ ไม่ดราม่าเยอะ เข้ากับคนได้ดี ตรงข้ามกับเอโต้ ที่มีบุคลิกภาพที่แข็งกร้าวพอสมควร ซึ่งเบนิเตซก็กังวลว่า อาจส่งผลลบ ระหว่างกลุ่มนักเตะด้วยกันเองมากกว่า ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเดินหน้าลุย เจรจาซื้อตัวตอร์เรส
สถิติสูงสุดก่อนหน้านั้นที่ลิเวอร์พูลเคยซื้อผู้เล่น คือฌิบริล ซิสเซ่ ในราคา 14 ล้านปอนด์จากโอแซร์ แต่กับดีลของตอร์เรส เจ้าของทีมคนใหม่ จะให้เงินสูงถึง 26.5 ล้านปอนด์ทำลายสถิติเดิมที่เคยจ่ายอย่างราบคาบ
1
แต่แน่นอนเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา คำถามคือทำอย่างไร แอตเลติโก้ มาดริดจะยอมคุยต่างหาก
2
วิธีของราฟาเอล เบนิเตซ คือคุยกับนักเตะ ก่อนที่จะคุยกับสโมสร จริงอยู่มันเป็นอะไรที่ผิดหลักทั่วไป เพราะในขั้นตอนการซื้อขายที่ถูกต้อง สโมสรต้องตกลงค่าตัวกันได้ก่อน จึงจะมีสิทธิ์คุยกับนักเตะเรื่องค่าเหนื่อย แต่ราฟาเห็นวิธีการทำงานของแอตเลติโก้ มาดริด และรู้ว่า ถ้าเดินหน้าดุ่มๆไปตรงๆ มีแต่จะโดนปฏิเสธกลับมา
ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีเกลี้ยกล่อมให้ตัวตอร์เรส อยากย้ายมาอยู่ลิเวอร์พูลเอง จากนั้นตัวตอร์เรสก็จะค่อยๆ แสดงออกถึงจุดยืนที่ชัดขึ้นเรื่อยๆ และแอตเลติโก้ มาดริด ก็จะยอมปล่อยตัวในที่สุด โดยที่ลิเวอร์พูลไม่ต้องไปกดดันอะไรมากเลย
3
ในช่วงเดือนมีนาคม 2007 ราฟา โทรหาตอร์เรส และบอกเจตจำนงชัดเจนว่า "อยากได้ตัว" มาร่วมงานด้วย และยืนยันว่า ตอร์เรสจะกลายเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร แสดงว่าลิเวอร์พูลให้คุณค่าคุณสูงถึงระดับนั้น
นอกจากนั้น ยังให้นักเตะทีมชาติสเปน ที่อยู่ลิเวอร์พูลทั้งเปเป้ เรน่า และชาบี อลอนโซ่ ช่วยกันเกลี้ยกล่อม โดยทั้งคู่บอกตอร์เรสว่า สไตล์ฟุตบอลอังกฤษ สนุกกว่าสไตล์ฟุตบอลที่สเปน
1
ตอร์เรสเองก็ประทับใจราฟาเป็นการส่วนตัว รวมถึงชื่นชอบลิเวอร์พูลตั้งแต่เหตุการณ์อิสตันบูลแล้ว ดังนั้นเขาจึงมีความรู้สึกดีๆเกิดขึ้น และคิดขึ้นมาว่าก็ไม่เลวนะถ้าเขาได้ย้ายไปเล่นที่แอนฟิลด์ในอนาคต
21 เมษายน 2007 ในเกมระหว่างเรอัล โซเซียดัด กับแอตเลติโก้ มาดริด เกิดเรื่องฮือฮาขึ้น เมื่อช่างภาพถ่ายรูปซูม จับภาพปลอกแขนกัปตันของตอร์เรส ด้านในเขียนเป็นประโยคภาษาอังกฤษว่า You'll never walk alone ซึ่งเป็นมอตโต้ของลิเวอร์พูล ซึ่งทีมตราหมีก็ต้องอึ้งกันไปข้าง เพราะการซ่อนประโยคแบบนี้เอาไว้ สื่อให้เห็นเจตนาว่าเขาชอบลิเวอร์พูลหรือเปล่า
ตอร์เรสให้คำอธิบายในเรื่องนี้ว่า เขามีกลุ่มเพื่อนอยู่ 6 คนที่โตมาด้วยกัน โดยอีก 5 คน สักคำว่า You'll never walk alone (คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย) เอาไว้ที่ท่อนแขน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพระหว่างกัน แต่ตอร์เรสไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะเขาเป็นผู้เล่นของแอตเลติโก้ ดังนั้นเพื่อนๆ จึงให้ปลอกแขนซ่อนคำว่า You'll never walk alone อยู่ด้านใน
4
ตอร์เรสอธิบายเหตุผลแบบนี้ แต่คนก็เชื่อปนไม่เชื่อ คืออะไรจะจงใจให้ช่างภาพเห็นพอดีขนาดนั้น หลายคนมองว่าตอร์เรส ทำแบบนี้เพื่อเป็นการบอกแอตเลติโก้ทางอ้อมว่า ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่เขาสนใจจริงๆ และถ้าลิเวอร์พูลยื่นข้อเสนอมา ก็ไม่ควรบอกปฏิเสธเหมือนครั้งก่อนๆอีก
ลิเวอร์พูลตะล่อมตอร์เรสไปเรื่อยๆหลายเดือน จนถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2007 อีก 4 นัดสุดท้ายก่อนจบฤดูกาล ก็เกิดจุดแตกหักสำคัญ เมื่อแอตเลติโก้ มาดริด ลงเล่นเกมลาลีกา กับบาร์เซโลน่า และแพ้ไปคาบ้านด้วยสกอร์ 6-0 ปิดโอกาสได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้ง
1
ซึ่งเท่ากับว่า ตอร์เรสเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของแอตเลติโก้ มาดริด มา 5 ปี แต่นอกจากจะไม่ได้แชมป์แล้ว แค่ถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกก็ยังไม่เคยไปเล่น มันกลายเป็นปมในใจเขาเหมือนกัน เพราะนักเตะระดับท็อปที่ไหน จะไม่ได้เล่นในรายการแชมเปี้ยนส์ลีกบ้าง
ยิ่งอีก 3 วันต่อมา 23 พฤษภาคม 2007 ลิเวอร์พูลลงแข่งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงชนะเลิศกับเอซี มิลานที่เอเธนส์ คือแม้หงส์แดงจะแพ้เกมนั้น แต่มันก็ทำให้ตอร์เรสต้องทบทวนตัวเองอย่างหนัก ว่าเขาควรอยู่แอตเลติโก้ มาดริดต่อ หรือย้ายไปหาทีมที่การันตีว่าจะได้เล่นแชมเปี้ยนส์ลีกทุกปี
2
หลังจากแพ้แชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงที่เอเธนส์ เบนิเตซคิดว่าได้เวลาที่เหมาะสมแล้ว ที่จะยื่นข้อเสนอให้แอตเลติโก้ มาดริดพิจารณา เขายื่นข้อเสนอ 26.5 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าสูงมากแล้ว
1
ก่อนที่แอตเลติโก้จะตอบปฏิเสธ ตอร์เรสโทรไปหาประธานสโมสรเอ็นริเก้ เซเรโซ่ แล้วบอกว่า อย่างน้อย อยากให้ลองคุยกับพวกเขาดูก่อน ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ตอร์เรส เทกแอ็กชั่นด้วยตัวเองแบบนี้ ปกติสโมสรว่าอย่างไร เขาก็ว่าตามนั้น ไม่หืออือ แม้จะโดนปฏิเสธข้อเสนอ แต่คราวนี้ตอร์เรสอยากให้แอตเลติโก้รู้ว่า เขาสนใจทีมนี้จริงๆ
เมื่อตอร์เรสเอ่ยปากมาแบบนี้ ทำให้แอตเลติโก้ มาดริด ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องยอมเปิดฉากการเจรจากับลิเวอร์พูลอย่างเป็นทางการ
1
19 มิถุนายน ราฟาเอล เบนิเตซ จากฝั่งลิเวอร์พูล , กิล มารินจากแอตเลติโก้ มาดริด, มานูเอล การ์เซีย กีลอน เอเยนต์จากฝั่งนักเตะ นัดเจอกันเพื่อคุยเรื่องดีล ที่โรงแรมวิลล่ามันย่าใจกลางกรุงมาดริด
โดยลิเวอร์พูลยื่นข้อเสนอ 26.5 ล้านปอนด์ ให้แอตเลติโก้ มาดริดพิจารณา อย่างไรก็ตาม ทีมตราหมียังไม่ค่อยพอใจตัวเลขเท่าไหร่ เพราะพวกเขาต้องจ่ายเงินส่วนแบ่งให้ตอร์เรส 10% (2.6 ล้านปอนด์) ตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ และเรียกร้องเงินเพิ่ม แต่ราคานี้สำหรับลิเวอร์พูลก็เยอะสุดเท่าที่จะจ่ายได้แล้ว
2
แต่ปัญหานี้คลี่คลายได้ เพราะฝั่งตอร์เรส ยืนยันว่า ไม่ขอรับส่วนแบ่ง 10% ที่เป็นของเขา และสโมสรสามารถเก็บเงินก้อน 2.6 ล้านปอนด์เอาไว้ได้เลย เขาแค่ขอโอกาสในการย้ายทีมแค่นั้น
2
เช่นเดียวกับค่าเหนื่อยที่ตอร์เรส ยืนยันกับลิเวอร์พูลว่า พร้อมจะรับอยู่ที่ 90,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ น้อยกว่ากัปตันทีมสตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ได้รับอยู่ 120,000 ปอนด์ คือเขาเป็นนักเตะหน้าใหม่ที่เพิ่งย้ายไป อยู่ๆจะให้เงินเดือนมากกว่าตำนานของสโมสร มันจะกลายเป็นความไม่สบายใจกันมากกว่า
2
เมื่อตอร์เรสไม่รับส่วนแบ่ง 10% ฝั่งแอตเลติโก้ มาดริด ก็เริ่มยอมรับความเป็นไปได้แล้ว คราวนี้ลิเวอร์พูลใส่ทีเด็ดอีกหนึ่งอย่าง ด้วยการให้สิทธิ์ทีมตราหมี ซื้อตัวหลุยส์ การ์เซีย เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งวัย 29 ปี ในราคาแค่ 4 ล้านปอนด์เท่านั้น
คราวนี้ แอตเลติโก้ มาดริด ต้องหยุดคิดอย่างจริงจังมากๆ เพราะหลุยส์ การ์เซีย ก็ดีกรีทีมชาติสเปนเหมือนกัน การเสียคีย์แมนชาวสเปนตัวหนึ่ง และได้ทีมชาติอีกคนมาทดแทน ก็ไม่ใช่อะไรที่แย่จนเกินไป อีกอย่างหลุยส์ การ์เซีย ที่เอาไปขายในราคาตลาดจริงๆ ก็อัพราคาเป็น 10 ล้านปอนด์ได้สบายๆ
1
สุดท้ายหลังจากทบทวนข้อเสนอ แอตเลติโก้ มาดริด ตอบตกลง ได้เวลาที่พวกเขาจะปล่อยตอร์เรสให้ก้าวต่อไปข้างหน้าแล้ว
ราฟา เบนิเตซ โทรศัพท์หาตอร์เรสทันที และบอกว่าตอนนี้สองสโมสรดีลกันได้แล้ว ขอให้ตอร์เรสรีบกลับมาตรวจร่างกายที่ลิเวอร์พูลให้เร็วที่สุด ทำให้ตอร์เรสที่กำลังพักร้อนอยู่ รีบบินมาที่อังกฤษทันที
3 กรกฎาคม 2007 ตอร์เรส มาถึงเมลวู้ด เขาเข้ารับการตรวจร่างกายกับดร.มาร์ก วอลเลอร์ แพทย์สโมสร ปรากฎว่า ช่วงท้ายซีซั่นตอร์เรส มีอาการบาดเจ็บ และพอปิดซีซั่นช่วงพักร้อน เขาก็ไม่ได้มีเวลาทำกายภาพบำบัดอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ดังนั้นผลเทสต์ในรอบแรก จึงมีความน่ากังวลใจอยู่
ราฟาเดินมาถามว่า "ข้อเท้าของนายเป็นอะไรหรือเปล่า" ซึ่งตอร์เรสก็อธิบายไป ว่าไม่ใช่อาการเจ็บเรื้อรัง เพียงแต่เขาไม่ได้ทำกายภาพบำบัดอย่างจริงจังแค่นั้น ดร.วอลเลอร์ ขอให้ตอร์เรสทดสอบอีกรอบ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งตอร์เรสตกลง เขาอยากย้ายมาอยู่จริงๆ และคราวนี้เขาตรวจร่างกายผ่านเรียบร้อย แต่แพทย์สโมสรก็ย้ำว่าตอร์เรส ต้องเข้าคอร์สเรียกความฟิตอย่างเข้มข้นตั้งแต่ก่อนเปิดซีซั่น
1
เมื่อทุกอย่างเคลียร์แล้ว ตอร์เรสเซ็นสัญญา 6 ปี กับลิเวอร์พูล รับค่าจ้าง 90,000 ปอนด์ต่อวีก และเบนิเตซก็ถามว่า งั้นเอาไงดี เปิดตัววันนี้เลยไหม แต่ตอร์เรสตอบกลับไปว่า "ผมเป็นนักเตะลิเวอร์พูลแล้ว แต่ผมต้องกล่าวคำอำลากับแฟนๆแอตเลติโก้ก่อน" ตอร์เรสจะย้ายไปทั้งๆแบบนี้ไม่ได้
1
เบนิเตซเข้าใจ และอนุญาตให้ตอร์เรสบินกลับสเปนได้ ในวันรุ่งขึ้น 4 กรกฎาคม 2007 ตอร์เรส จัดงานแถลงข่าวที่สนามบิเซนเต้ กัลเดร่อน เวลา 10 โมงเช้า เพื่อกล่าวอำลาแฟนๆตราหมีอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีแฟนบอลจำนวนมาก มาส่งเขาไปอังกฤษ พร้อมทั้งตะโกนคำว่า "อย่าไป" แต่ทุกอย่างดีลจบไปแล้ว ตอร์เรสก็จำใจต้องแยกจากสนามที่เขารัก เพื่อก้าวต่อไปของอาชีพ ในวันนั้นตอร์เรสก็น้ำตาซึมอยู่เหมือนกัน
1
แต่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เขาต้องรีบบินมาที่อังกฤษทันที เพราะเวลา 15.00 น. ของวันเดียวกัน ต้องเปิดตัวในการเป็นนักเตะใหม่ของหงส์แดง โดยเบนิเตซให้เสื้อหมายเลข 9 กับตอร์เรส ซึ่งเคยเป็นของตำนานอย่างเอียน รัช และ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ มาก่อน แน่นอน ในฐานะกองหน้าตัวความหวังของสโมสร เบอร์นี้ก็คู่ควรแล้ว
1
หลังจากอยู่แอตเลติโก้ มาดริดมา 1 ทศวรรษ ในที่สุด เฟร์นันโด ตอร์เรสก็พร้อมแล้วที่จะสร้างตำนานบทใหม่ของเขากับโลกใบใหม่ ที่สโมสรลิเวอร์พูล
#Torres
โฆษณา