9 ม.ค. 2021 เวลา 08:01 • ความคิดเห็น
วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องประสบการณ์ผู้ป่วย
ผู้ป่วยเกลือแร่ต่ำ จะค่อนข้างดูแลยาก แล้วก็คอยสังเกตตลอดเวลา เวลามีอาการเกลือแร่ต่ำจะรู้สึกหน้ามืดอาเจียนทันทีอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง
ถ้าผู้ป่วยมีอาการแบบนี้ต้องรีบเขา เม็ดโซเดียม หรือว่าเรียกกันสั้นๆก็ว่าเกลือเม็ด นั่นแหละค่ะ ต้องรีบให้กินทันทีประมาณ 2-3 เม็ดตามแพทย์สั่ง ถ้าไม่รีบให้กินต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเดียว
นี่แหละค่ะผู้ป่วยเกินแร่ต่ำแล้วต้องคอยสังเกตตลอดเวลาเขาจะมีอาการไม่เหมือนคนอื่น เมื่อก่อนตอนที่ฉันอยู่กับผู้ป่วยชนิดนี้ใหม่ๆ ดิฉันก็พลาดไปหลายรอบเหมือนกันต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลบ่อยครั้ง
หลังจากที่มีประสบการณ์นานวันเข้า ทำให้ดิฉันรู้จักผู้ป่วยชนิดนี้ดี จะค่อยถามผู้ป่วยบ่อยๆว่า อ่อนเพลียไหม พะอืดพะอมไหม ต้องคอยถามบ่อยๆ ถ้าอย่างนั้นถ้า ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล บ่อยๆ
ทำให้ ผู้ดูแลอย่างเรา ต้องไปอยู่โรงพยาบาลตามเขา รู้ไหมคะการอยู่โรงพยาบาลแต่ละครั้ง ผู้ป่วยไม่เท่าไหรแต่ผู้ดูแลอย่างเรา โคตรเหนื่อยเลยค่ะไม่ได้กินดีๆไม่ได้นอนดีๆ
มีพยาบาลเข้าๆออกๆทั้งคืน และก็มีเสียงรถเขียน อะไรต่ออะไรต่างๆต้องต้องนอนโรงพยาบาลขนาดนอนห้องพิเศษนะเนี่ย ยังอาการหนักขนาดนั้น ถ้าเป็นห้องธรรมดาผู้ดูแลอย่างเราคงจะบ้าตายไปละ
สงสัยต้องตายก่อนคนไข้แน่ๆเลย นี่แหละค่ะถึงว่าดิฉันไม่อยากปล่อยให้ผู้ป่วยของดิฉันเป็นอะไร บางครั้งมีคนถามว่า ดูแลมากขนาดนี้อยากได้หน้าไหม ใครอยากคิดอะไรก็คิดไป แต่สำหรับเรา 1 ไม่อยากนอนโรงพยาบาล 2 ถ้าทำให้ผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ ทำให้เรา เป็นผู้ถูกมองว่า
ไม่เก่งเลยไม่มีความสามารถเลย นี่แหละค่ะคนดูแลผู้ป่วย มีวิชาอะไรจะทำให้ผู้ป่วยสบายใจขึ้นหรือว่าอารมณ์ดีมากขึ้น เราก็ต้องแสดงออกมาให้หมด
บางครั้งแม้ว่าถูกมองว่าเราติงต๊อง หรือว่าบ้าบ้าบ๊องๆ ก็แล้วแต่คนจะมอง ว่าจะมองเราด้านอะไรจะมองเรามุมไหน ก็แล้วแต่ใจเขา ส่วนสำหรับเรา
เราจะแสดงละครบทได้ หรือว่าเป็นตัวอะไร ก็แล้วแต่เราจะแสดงมันออกมา ฉันชื่อว่าการอยู่กับผู้ป่วยเราต้องแสดงเป็นคุณเป็ดเชิญยิ้มนะคะ หรือว่านางเอกก็ได้ แต่ไม่ใช่นางเอกเจ้าน้ำตาหนา ถ้าแสดงบทนางเอกเจ้าน้ำตาทำให้ผู้ป่วยยิ่งเครียดกว่าเดิม
นี่แหละค่ะชีวิตของดิฉัน ดิฉันอยู่กับผู้ป่วยมา 20 ปี แม้ว่าจะป่วยทางจิต ป่วยทางกาย ป่วยอะไรก็แล้วแต่ ดิฉันรับมือได้หมด ยกเว้นญาติของผู้ป่วยอยากจุจี้ให้มากนักเท่านั้นแหละ สำหรับผู้ป่วยจู้จี้แค่ไหนเราก็รับมือได้
ไม่ใช่ว่าเป็นคนเอาแต่ใจนะ แต่เราก็รับมือกับผู้ป่วยค่อนข้างจะเหนื่อยพอสมควร แต่ต้องมารับสู้รบตบมือกับญาติอีกข้างหนึ่ง มันเหนื่อยไม่ไหวเท่านั้นเองค่ะ ดิฉันเป็นคนดูแลผู้ป่วยหรือว่าเฝ้าไข้ 24 ชั่วโมง ไม่เคยมีวันหยุดวันลา
บางครั้งเป็นไข้ เราก็ต้องกินยาพาราแล้วก็สู้งานต่อ นี่แหละค่ะถ้าความเข้าใจ เขาก็จะเข้าใจถ้าคนที่ไม่เข้าใจ เขาก็ไม่เข้าใจค่ะ เคสที่ดิฉันรักงาน ดิฉันจะถามตลอดว่า เป็นผู้ป่วยชนิดไหน เป็นเคสชนิดไหน ถ้าเป็น ผู้สูงอายุธรรมดา
เงินเดือนจะน้อยดิฉันไม่รับแบบนั้น ถ้าแบบว่าป่วยด้วยสูงอายุด้วย แบบนั้นดิฉันชอบค่ะ มันค่อนข้างจะท้าทายมากๆ ชอบงานที่ท้าทาย เมื่อก่อนคนอื่นชอบว่าดิฉันทำไม่ได้หรอกดิฉันเป็นคนใจร้อน ดูไหมคะ คนเราใจร้อนต้องมีเหตุผล
ใจร้อน มันมีหลายสาเหตุ เราควรจะใจร้อนไหมในเวลางาน ถ้าเราใจร้อนในเวลาทำงาน ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็พังอ่ะสิคะ เราต้องควบคุมตนเองให้ได้ เราต้องสั่งตัวเองให้ได้ ถ้าเรา ควบคุมตนเองไม่ได้
เราก็ไม่สามารถควบคุมผู้อื่นได้เช่นกัน มีเพื่อนของดิฉันอยู่ 2 คนเมื่อก่อนฉันรับงานที่โรงพยาบาล โรงพยาบาลวชิระ ซึ่งผู้ป่วยเป็นผู้ป่วยขาหัก แล้วเขาก็ค่อนข้างจะอารมณ์ดุ แล้วอาละวาดทั้งคืนทั้งวัน ขนาดพยาบาลเขายังถอดใจเลย
เพื่อนของดิฉันไปส่งแล้วก็ไปเห็น เพื่อนของฉันถามว่าแกแกไหวไหม ฉันว่าแกไม่ไหวนะ ถ้าแกไว้ฉันจะเอาดอกไม้มาขอขมาลาโทษแกเลย ฉันก็ได้ตอบเพื่อนไปว่าฉันจะอยู่ 5 ปีเลยค่อยดูชี ตอนนั้นก็ดูท่าทางไม่คิดที่จะอยู่ 5 ปีจริงๆหรอค่ะ แต่ก็ด้วยความประชดเพื่อน
แล้วมีอยู่วันหนึ่งดิฉันกำลังทำงานอยู่ อาจารย์ของดิฉันโทรมาว่า แล้วเพ็ญกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้อยู่ที่ไหน ดิฉันตอบอาจารย์ของฉัน ไปว่าอยู่กทม ดูแลผู้ป่วยขาหักอยู่
เหมือนอาจารย์กำลังรู้ว่าเรากำลังเหนื่อยใจแล้วก็ลำบาก อาจารย์ท่านก็เลยบอกว่า ถ้าหากเพ็ญอดทนกับ ผู้สูงอายุ ที่กันหลังเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วก็กำลังอารมณ์เสียอย่างมากได้
เพ็ญก็สามารถ ปฏิบัติธรรมได้ก้าวหน้าอีก 1 ขั้นตอน แล้วนะรู้ไหม การปฏิบัติธรรมต้องอดทนอดกลั้น ไม่ตอบโต้ผู้อื่น หัดข่มใจตนเองให้อยู่ในร่องในรอย ที่เราขีดไว้ ใจของเราเกเรหนา เพราะฉะนั้นเราต้องอบรมแล้วก็สั่งสอนใจของเราที่มันเกเร
การที่เพ็ญได้อยู่กับผู้สูงอายุก็คือบททดสอบทั้งจิตใจว่าเพ็ญจะแข็งแกร่ง ก้าวหน้าหรือว่าล้มเหลว รู้ไหมพระพุทธเจ้าเคยสอนว่า ช้างศึกสงคราม ต้องได้รับการฝึกมาอย่างมากหมาย พร้อมที่จะรองรับธนูได้ทุกด้าน
ด้วยไม่มีการเจ็บปวด แม้ว่าเจ็บปวดแค่ไหนก็ต้องอดทน แล้วก็สู้ต่อ จำคำสอนของพระพุทธองค์เอาไว้ ไม่ใช่คำสอนของอาจารย์นะ ได้ยินแบบนี้แล้วทำให้เราเปลี่ยนเป็นคนละคน ตอนนั้นก็สู้มาถึงทุกวันนี้
ตอนนี้คุณยายท่านก็ไปสวรรค์ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ก็กลับมาดูแลคุณตาท่านต่อ ด้วยความสั่งเสียของคุณยายท่าน ก่อนท่านจะจากโลกนี้ไป ไม่มีใครได้เห็นลมหายใจสุดท้ายของท่านเลย
แม้แต่ลูกๆของท่าน ก็ไม่มีใครเห็นสักคนนอกจากดิฉันเอง ท่านสั่งเสียว่า แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าทิ้งอาจารย์เด็ดขาดอยู่ดูแลอาจารย์ จนลมหายใจสุดท้ายของอาจารย์นะ เพราะว่าคุณยายท่านจะเรียกสามีท่านว่าอาจารย์ตลอด
คุณยายท่านยังบอกอีกรอบนึงว่า ถ้าเพ็ญลาออก ตอนอาจารย์ยังไม่สิ้นลมหายใจ ยายจะเป็นผีไปลากขาเพ็ญถึงที่บ้าน แม้ว่าแพ็ญจะไปอยู่ที่ไหนยายก็จะไปลากขาเพ็ญเลยนะ ตอนนั้นก็ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าท่านจะพูดจริง
แล้วท่านพูดตอนเช้าเฉยๆ ท่านก็ย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ตอนนั้นยังมีน้องๆคนหนึ่งที่เป็น ผู้ช่วยของดิฉันเอง ให้น้องเขาตามดิฉันมาอีกรอบนึง แล้วก็มาย้ำเตือนอีกรอบนึงว่า ที่ยายพูดตอนเช้าจำได้ไหม อย่าทิ้งอาจารย์ไปไหน
ดิฉันก็คิดว่าคุณยายท่านล้อเล่น ล้อเล่นกับคุณยายว่ากำลังจะกลับบ้านเชียงใหม่แล้วเหมือนกันนะเนี่ย คุณยายท่านก็พูดอีกว่า ยายจริงจังนะรับปากก่อน แล้วดิฉันก็ตอบคุณย้ายไปว่าโอเคโอเค หนูจะอยู่ที่นี่จนกว่าอาจารย์ จะหมดลมหายใจก็แล้วกันนะคะ
คุณยายก็ยิ้มยิ้มแล้วก็แค่นี้แหละ รู้ไหมคะกำลังพูด ประมาณ 9:00 น ถึงเวลา 11:00 น คุณยายท่านก็บอกว่ายายหายใจไม่ออก ไม่รู้ยายเป็นอะไร ตอนนั้นดิฉันดูท่าทางความดันตก รีบโทรหารถกู้ชีพทันที 1669 แล้วพอ 1669 มาถึง เอาขึ้นรถไป
ไปไม่ถึง 250 เมตรเลย แล้วท่านก็สิ้นลมหายใจ ท่านยังหันมามองหน้าดิฉันว่า ยายตายตาหลับแล้วยายไปก่อนนะยายเหนื่อย แล้วดิฉันถามคุณยายว่าทำไมไม่รอลูกของคุณยายก่อนละ คุณยายบอกว่ายายรอไม่ไหวแล้วพยายามปัด เครื่องปั๊มหัวใจ
ดิฉันก็รู้สึกซาบซึ้งแล้วก็ดีใจที่คุณยายไว้ใจ ให้ดิฉันเห็นลมหายใจสุดท้ายของท่าน นี่แหละค่ะคนเราการที่มาเจอกันแต่ละคนมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ดิฉันคิดว่าคุณยายท่านเคยเป็นแม่ดิฉันมากก่อน
คนเราเกิดมาแล้วกี่ภพกี่ชาติเราไม่รู้ ตอนนั้นที่มาเจอกันใหม่ๆยอมรับว่าท่าน ค่อนข้างจะงอแง แล้วก็ค่อนข้างดุ แต่หลังจากรู้จักท่านท่านเป็นคนน่ารัก แล้วก็อ่อนโยนต่างหากเล่า คนเราต้องใช้ใจมองกัน ถ้าเรามองแค่เปลือกนอกเราจะไม่มีทางรู้จักคนได้
ต้องมองเข้าไปลึกๆต้องค้นหา แล้วก็ค่อยๆรู้จักคนๆหนึ่ง ว่าเขาเป็นยังไงเขาเคยผ่านอะไรมา กว่าเขาจะมาทำทุกวันนี้เขาให้รับความทุกข์อะไรมาบ้าง เขาเคยผ่านอะไรมาบ้าง เราต้องเข้าใจแล้วก็เข้าถึงแล้วก็เห็นใจค่ะ
ความเข้าใจเข้าถึงแล้วก็เห็นใจใช้ใจมองกัน ทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น เท่านั้นแหละค่ะสวัสดีท่านผู้อ่านวันนี้ยาวหน่อยนะคะ กำลังพ่นยาให้คนละท่าน แล้วก็มานั่งตรงนี้รอให้ยาพ่นเสร็จ ก็ยังพอมีเวลาเขียนอะไรนิดหน่อย
เท่านั้นแหละค่ะแต่บางบ้านก็ไม่ค่อยมีเวลาจริงๆเราต้องเอาใจใส่และดูแลท่านให้มากๆ ต้องดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิต ผู้สูงอายุถ้าเขาไม่รับสุขภาพกายแล้วก็สุขภาพจิตที่แข็งแรงสมบูรณ์ เขาก็จะห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ
ไม่ใช่ว่าทำตามแค่หน้าที่อย่างเดียวนะคะ เราต้องใช้หัวใจทั้งงาน การที่เราใช้หัวใจทำงาน งานก็จะออกมาดีแล้วก็จะละเอียด ทำงานกะนาที่กับทำงานด้วยหัวใจมันต่างกันค่ะ มีคนถามดิฉันว่าเช็ดอุจจาระปัสสาวะ
ไม่เหมือนอุจจาระหรอ เช็ดไปได้อย่างไหน ดิฉันตอบตรงๆเลยค่ะเหม็น แต่ดิฉันก็มีความสุข ที่ได้ทำมัน รู้สึกว่าการที่เราได้ทำอะไรให้ใครสักคนหนึ่งที่เขาช่วยตนเองไม่ได้ รู้สึกว่าเป็นบุญเป็นกุศลอย่างยิ่งนะคะ
แล้วแต่เราจะทำเราจะทำบาปก็ได้นะวันเดียวกัน เราจะทำบุญก็ได้ในที่เดียวกัน สมมุติว่าเราเช็ดอุจจาระ แล้วเราก็บ่นว่าเขาไปด้วย แล้วเราก็จะได้บาป บาปที่มันเกิดขึ้นโดยไม่มีประโยชน์อะไรเลย แล้วเช็ดอุจจาระแล้วก็รู้สึกสงสารเมตตากรุณา เราก็จะได้บุญกุศลทันที นี่แหละบุญเกิดขึ้นก็ด้วยใจบาปเกิดขึ้นก็ด้วยใจ
มนุษย์เราใจเป็นใหญ่ ใจต้องการสิ่งใดถ้าเราทำตามมันไปเรื่อยๆ มันก็จะยิ่งต้องการ ด้วยไม่มีวันสิ้นสุด นี่แหละค่ะเราต้องหายับยั้งจิตใจของตนเอง แล้วก็เมตตากรุณาผู้อื่นให้มากๆมองคนอื่นเป็นญาติคนหนึ่งของเรา เท่านั้นแหละค่ะ สวัสดีค่ะทุกๆท่านที่ผ่านเข้ามาเห็น รักและเคารพท่านผู้อ่านเสมอนะคะ คอมเม้นกันได้เป็นกำลังใจ
ว่างเมื่อไหร่จะไปตอบนะคะ ถ้าตอบช้าไปหน่อยก็อย่าว่ากันต้องขอประทานอภัยล่วงหน้าเอาไว้ก่อนค่ะ
โฆษณา