10 ม.ค. 2021 เวลา 03:50 • ธุรกิจ
Tim Cook เติบโตมา อย่างไร?
ถ้าย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราอาจจะรู้จัก ทิม คุก ในฉายา “เงาของ สตีฟ จอบส์”
แต่รู้ไหมว่า Apple ภายใต้การบริหารของ ทิม คุก ในตอนนี้
กำลังพุ่งทะยานสู่การเป็นผู้นำเทรนด์เทคโนโลยีของโลกแบบฉุดไม่อยู่
ในแบบที่ใครหลายคนอาจคิดไม่ถึงมาก่อน ว่าเขาจะทำหน้าที่แทน จอบส์ ได้ดีขนาดนี้..
นับตั้งแต่ปีที่ ทิม คุก เข้ามาบริหารบริษัท Apple
ในปี 2011 Apple มีรายได้ 3.2 ล้านล้านบาท
ในปี 2020 Apple มีรายได้ 8.2 ล้านล้านบาท
1
คิดเป็นการเติบโตของรายได้ 2.6 เท่า หรือเฉลี่ย 13.6% ต่อปี
นอกจากผลประกอบการที่เป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จแล้ว
ทิม คุก ยังเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ก้าวพ้นเงาการคิดค้นของ สตีฟ จอบส์
อย่างเช่น Apple Watch และ หูฟังไร้สาย AirPods
อะไร คือ รากฐาน แห่งความสำเร็จของผู้ชายคนนี้
THE BRIEFCASE จะนำทุกท่าน ไปส่องชีวิตของชายผู้นี้กัน..
“ทิโมที โดนัลด์ คุก” หรือ ทิม คุก เกิดวันที่ 1 พฤศจิกายน ในปี 1960 ที่เมือง โมบีล รัฐแอละแบมา สหรัฐอเมริกา
โดยคุณพ่อของ ทิม คุก ในขณะนั้น เป็นลูกจ้างให้กับบริษัทซ่อมแซมเรือของกองทัพในแอละแบมา ส่วนคุณแม่เป็นพนักงานในร้านขายยาแห่งหนึ่ง
ทิม คุก เข้าโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ ณ โรงเรียนในรัฐแอละแบมา
ซึ่งเขาได้รับการยอมรับจาก คุณครู และเพื่อนๆ ว่าเป็นเด็กที่ขยันที่สุดของชั้นปี
โดยอุปนิสัยของเขาในตอนนั้นคือ รักการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ และชอบการคิดวิเคราะห์ ที่เกี่ยวกับการคำนวณ อย่างวิชาคณิตศาสตร์ มีความขยันที่อยากจะเรียนรู้ และสามารถแก้โจทย์ปัญหาที่ยากๆ ได้ดี
อ่านถึงตรงนี้ เราอาจจะคิดว่า คุก คือเด็กเนิร์ด ที่หมกตัวอยู่กับแต่หนังสือ
แต่ความจริงแล้ว เขายังเป็นเด็กที่ขี้เล่น มีอารมณ์ขัน และชอบการเล่นกีฬาเป็นอย่างมาก
คุก มีความเชื่อตั้งแต่เด็กๆ ว่า การใช้ชีวิตให้สมดุล ทั้งเรียนรู้ให้เต็มที่ และ เล่นให้เต็มที่ จะทำให้เขาพัฒนาตัวเองได้รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ทำให้เขาในวัยเด็ก เป็นคนที่ทั้ง “เรียนเก่ง” และ “เล่นเก่ง” ในเวลาเดียวกัน
เขาเริ่มนำความเก่งของเขามาสร้างเป็นรายได้
โดยเริ่มจากการลงแข่งขันกีฬาต่างๆ เพื่อหารายได้เสริม เช่น แข่งขันฟุตบอล
1
นอกจากการชอบเล่นกีฬาแล้ว
คุก ยังชอบเล่นเครื่องดนตรีแบบเป่า อย่างทรอมโบน
และเขาก็มุ่งมั่นกับการขึ้นคอนเสิร์ตวงออร์เคสตรานักเรียน เพื่อหารายได้เสริมจากความชอบของเขา
2
นอกจากนั้นแล้ว เขาก็ยังทำงานพาร์ตไทม์ เช่น เป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ ทำงานในร้านอาหาร และช่วยงานแม่ที่ร้านขายยา
เขายังสร้างรายได้ในวัยเรียนจากงานอื่นๆ อีกมากมาย
อย่างเช่น การทำหนังสืออนุสรณ์ของโรงเรียนในช่วงมัธยมตอนปลายออกมาขายเพื่อนๆ
และยังสามารถดึงสปอนเซอร์ให้มาลงโฆษณาในหนังสือฉบับนี้ได้ด้วย
2
ชีวิตช่วงวัยรุ่นของ คุก ไม่ได้เติบโตมาอย่างสง่างามเหมือนผู้บริหารหลายๆ คน ในซิลิคอนแวลลีย์ สักเท่าไรนัก
1
เพราะ คุก ต้องเผชิญทั้งการเหยียดสีผิว การเหยียดเพศอย่างรุนแรง เพียงเพราะในขณะนั้น ทิม คุก ได้ยอมรับว่า เขาเป็นเกย์
2
เขายืนยันด้วยความเชื่อมั่นว่า การมีเพศสภาพที่ไม่ปกติ ไม่ใช่เรื่องผิด
เพียงแต่สังคมต้องให้การยอมรับ และปฏิบัติต่อทุกเพศสภาพอย่างเท่าเทียม
ทำให้เขาเป็นคนที่ยืนหยัดต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมในเรื่องนี้มาโดยตลอด
และทำให้เขามีบุคลิกแห่งความเป็นผู้นำที่โดดเด่นมากอย่างหนึ่ง คือ “ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น”
1
ซึ่งอุปนิสัยแห่งความเห็นอกเห็นใจของเขา
ก็ได้ส่งผลต่อสไตล์การบริหารคนที่ Apple อย่างในทุกวันนี้นั่นเอง..
2
ทิม คุก ในวัยหนุ่ม ได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง ออเบิร์น ในสาขาวิศวกรรมอุตสาหกรรม
ซึ่งนี้ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เพราะ คุก ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของ ซัปพลายเชน การบริหารการลดต้นทุน และใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด
ระหว่างเรียน คุก ยังเคยโชว์ความสามารถโดยการเขียนโปรแกรม ที่จะทำให้ ไฟจราจรใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดปัญหาการจราจรได้มากเลยทีเดียว
คุก เรียนจบปริญญาตรี ในปี 1982
หนึ่งปี ก่อนที่บริษัท Apple จะ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์
ซึ่งในตอนนั้น คุก ก็ได้รับข้อเสนอให้เข้าร่วมงานจาก “IBM” บริษัทคู่แข่งที่สำคัญที่สุดของ Apple ในตอนนั้น ในแผนก PC ที่คอยดูแลเกี่ยวกับเทคโนโลยีสำหรับการผลิตคอมพิวเตอร์
2
เขาใช้เวลาอยู่กับ IBM ประมาณสิบกว่าปี และได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้บริหารระดับที่สองของบริษัท ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากหากเทียบกับพนักงานคนอื่นๆ
ความโดดเด่นของเขาที่ IBM ทำให้หลายบริษัทคอมพิวเตอร์รายใหญ่ในสมัยนั้นเริ่มแย่งกันดึงตัวเขาไปร่วมงานด้วย และสุดท้ายเขาก็มาร่วมงานกับ “Compaq” บริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ในสมัยนั้น
และก็เหมือนเคย..
ความโดดเด่นของ คุก ไปเข้าตา “สตีฟ จอบส์”
ที่ตอนนั้นดำรงตำแหน่ง CEO ของ Apple
จอบส์ ส่งคนมาทาบทาม คุก อยู่หลายต่อหลายครั้ง
แต่ คุก ก็ปฏิเสธกลับไปทุกครั้ง เพราะเห็นว่าอนาคตที่ Compaq ของเขาในตอนนั้น ก็ดูสดใสอยู่แล้ว
3
จนกระทั่ง 11 สิงหาคม ปี 2011
สตีฟ จอบส์ ได้ติดต่อตรงมาหา คุก และขอนัดพบเพื่อพูดคุย และชักชวนให้ไปร่วมงานกับแอปเปิลอย่างเป็นทางการ ในตำแหน่ง รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ (senior vice president for worldwide operations)
2
และเมื่อ คุก ได้พูดคุยกับ จอบส์ โดยตรง
เขาก็ตอบรับในข้อเสนอนั้นทันที เพราะเห็นถึงวิสัยทัศน์อันก้าวไกล และมุมมองที่แหลมคมในตัว สตีฟ จอบส์ ที่มุ่งมั่นจะสร้าง Apple ให้เป็นผู้ปฏิวัติเทคโนโลยีของโลก
และหลังจากที่ สตีฟ จอบส์ ได้ลาโลกนี้ไปในปี 2011
ทิม คุก คนนี้ ก็คือไพ่ใบสำคัญที่ จอบส์ ได้ทิ้งเอาไว้
และเขาก็สานต่อหน้าที่นั้นต่อมาจนถึงวันนี้ ในแบบที่ สตีฟ จอบส์ จะต้องไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
1
ถึงตรงนี้ ถ้าถามว่า รากฐานแห่งความสำเร็จ ของ ทิม คุก คืออะไร?
ก็คงสรุปสั้นๆ ได้ว่า
- เรียนให้เต็มที่ เล่นก็ต้องเต็มที่
1
พยายามสร้างสมดุลของการเรียนรู้ให้ได้
แล้วเราจะกลายเป็นคนที่มีพัฒนาการที่สุดยอดในหลายด้าน
เหมือนที่เขาชอบคำนวณก็ตั้งใจเรียนการคำนวณอย่างเต็มที่
และชอบกีฬา และดนตรี ก็ตั้งใจฝึกฝนสิ่งเหล่านั้นอย่างเต็มที่ด้วย
4
- อย่าหยุดมองหาสิ่งโอกาสในการทำสิ่งใหม่ๆ
1
เหมือนที่เขามองมองหาวิธีสร้างรายได้ใหม่ๆ ตลอดเวลาในวัยเด็ก
หรือในตอนที่เขาเอาความรู้มาเขียนโปรแกรมเพิ่มประสิทธิภาพให้ไฟจราจรแถวมหาวิทยาลัย
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ได้กลายมาเป็นพื้นฐานความคิดสร้างสรรค์ ในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ของเขาที่ Apple ในทุกวันนี้..
และทั้งหมดนี้ ก็คือเรื่องราวการเติบโต ของ ทิม คุก CEO คนปัจจุบันของ Apple
ที่ในวันนี้เขาได้พิสูจน์ให้ทั้งโลกได้เห็นแล้วว่า
เขาไม่ใช่คนที่หลบอยู่ใต้เงา ของ “ศาสดา” ในด้านนวัตกรรม อย่าง สตีฟ จอบส์ อีกต่อไปแล้ว
แต่เขาคือคนที่สามารถพา Apple ผงาดขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกได้
ด้วยสไตล์การบริหาร ที่สะท้อนออกมาจากตัวตนของเขา จริงๆ..
1
โฆษณา