12 ม.ค. 2021 เวลา 09:30 • ข่าว
'อมก๋อย' โด่งดังเป็นกระแสขึ้นมาอีกครั้งคลิปวีดีโอของยูทูปเบอร์สาว 'พิมรีพาย' workpointTODAY พามาดูปัญหาที่ประชาชนในพื้นที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ต้องเผชิญกัน
1
[1]โครงการผันน้ำยม 70,000 ล้าน โดยรัฐวิสาหกิจจีน
โครงการสร้างอุโมงค์ผันนี้ำจากแม่น้ำยวมไปยังเขื่อนภูมิพลเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าและชลประทาน ต้นทางคือบริเวณแม่น้ำสองสี “แม่น้ำเงา” และ “แม่น้ำยวม” สร้างอุโมงค์ยักษ์ตัดอมก๋อยที่ยังต้นน้ำที่จะไหลลงเขื่อนภูมิพลเพื่อนำน้ำมาเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าและบริการจัดการน้ำเพื่อทำการเกษตรใต้เขื่อน
อย่างไรก็ดี ระหว่างทางต้องขุดอุโมงค์ยาวตลอดตัดพื้นที่หลายหมู่บ้านในอ.อมก๋อย ทำให้ประชาชนในพื้นที่กังวลว่าที่ดินที่อยู่อาศัยยจะถูกเวนคืน กังวลว่าการขุดเปิดช่องออกมาเอาดินออกมากองจนทำการเกษตรไม่ได้ ไม่ไว้ใจเรื่องการบำรุงรักษาว่าถ้านานวันไปจะสร้างความเสียหายหรือไม่ ตลอดจนเรื่องการชดเชยหากต้องมีใครสละที่ดินไป
งบประมาณโครงการนี้ มีมูลค่าราว 70,000 ล้านบาท ตอนนี้บริษัทต้าถัง ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนประมูลได้ อัพเดทล่าสุดมีนาคมปีที่แล้วนายวีระกร คำประกอบ กมธ. พิจารณาศึกษาแนวทางบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซีว่า อยู่ในขั้นตอนที่บริษัทจีนกำลังจะยื่นทีโออาร์ส่งให้รัฐบาลไทย ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย จีนจะใช้เวลาก่อสร้างทั้งสองโครงการไม่เกิน 3 ปี
[2]โครงการเหมืองถ่านหินกะเบอดิน
ที่หมู่บ้านกะเบอดิน มีการสร้างเหมืองถ่านหินซับบิทูมินัสเพื่อป้อนอุตสาหกรรมผลิตปูนซีเมนต์ ทำให้ประชาชนกังวลว่าสภาพแวดล้อมเปลี่ยนจากการเบี่ยงทางน้ำเพื่อเปิดทางให้ขุดเจาะ มีปัญหามลพิษทางน้ำและอากาศ ตามมาด้วยปัญหาสุขภาพของคนในชุมชน
เรื่องนี้สำนักข่าวสิ่งแวดล้อม รายงานว่า ชัยยุทธ สุขเสริม หัวหน้ากลุ่มกำกับดูแลผู้ประกอบการ สำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เขต 3 เชียงใหม่ กล่าวเมื่อปี 2019 ว่าการทำเหมืองแร่ถ่านหินในพื้นที่จะไม่ทำให้เกิดปัญหาฝุ่นควันเพราะถ่านหินจากเหมืองอมก๋อยจะถูกเคลื่อนย้ายไปเผาที่ลำปางเพื่อใช้งานในอุตสาหกรรมผลิตปูนซีเมนต์
อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากการดำเนินอุตสาหกรรมเหมืองในประเทศไทย ก็มีหลายตัวอย่างที่ทำให้ประชาชนกังวลเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะตัวอย่างที่ผ่านเมาเรื่องความโปร่งใสในการทำให้กระทบสิ่งแวดล้อมที่สุดและการชดเชย เยียวยา ฟื้นฟู ก็ยังมีหลายพื้นที่ที่เป็นปัญหาให้เห็น
[3] นโยบายทวงคืนผืนป่าผลักกลุ่ชาติพันธ์ออกจากพื้นที่ทำกิน
ปี 2557 คสช.ออก “นโยบายทวงคืนผืนป่า” ตามคำสั่ง คสช. ที่ 64 และ 66/2557 ทำให้เกิดการยึดที่ดินทำกินในหลายพื้นที่ พื้นที่อมก๋อยก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งผลกระทบที่ตามมาก็คือคนที่อยู่ในป่าที่ไม่มีโฉนด โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธ์ที่ทำไร่ อยู่กินด้วยเศรษฐกิจรากฐานไม่มีที่ดินทำกิน ส่งผลให้เศรษฐกิจของพวกเขาเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการหางานรับจ้าง ส่งผลกระทบถึงวัฒนธรรมวิถีชีวิตชาติพันธ์ุและเข้าสู่วงจรเศรษฐกิจแบบยากจน
โครงการทวงคืนผืนป่าเป็นโครงการที่ทำให้เกิดการตั้งคำถามของแนวคิดการอนุรักษ์ป่า ในส่วนของแนวคิดเบื้องหลังนโยบายนี้มองว่าการอนุรักษ์ป่าคือการเอาคนออกมาทั้งหมด กั้นพื้นที่ป่าไว้ ป่าก็อยู่ส่วนป่า คนก็อยู่ส่วนคน แต่ในขณะเดียวกันก็เริ่มมีเทรนการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน ที่มองว่าป่ากับคนอยู่ด้วยกันได้ โดยชุมชนพื้นถิ่นที่ตั้งหลักปักฐานกับป่ามาเวลาเนิ่นนานนี่แหละจะเป็นผู้อนุรักษ์ป่าได้ดีที่สุด
คำถามที่ถามตรงกันจากทั้ง 3 โครงการคือการกำหนดนโยบายจากส่วนกลางมีความเป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมเพียงใด เช่น โครงการการพัฒนาขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบถึงสิ่งแวดล้อมในพื้นที่แต่ผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งเสียสละทรัพยากรกลับได้รับประโยชน์น้อยหรือได้รับแต่ผลเสีย จึงนำมาซึ่งการเรียกร้องในการฟังเสียงสิทธิชุมชน การกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่น เพื่อให้เจ้าของพื้นที่เป็นผู้ตัดสินใจใช้ทรัพยากรของตนเองเพื่อประโยชน์ของตนเอง
#workpointTODAY
โฆษณา