16 ม.ค. 2021 เวลา 04:49 • ปรัชญา
🚒. . . นิ ร า ศ ล่ อ ง ใต้ . . . 🚒
( ภ า ค ต่ อ แ ล้ว ต่อ อีก )
.
ตื่นมาแต่เช้าตรู่เสียงกู่เรียก
ไม่พร่ำเพรียกเพื่อนพ้องต้องตื่นหนา
รถสองแถวที่จองไว้เรียงหน้ามา
ด้วยจักพาชมความงามบนเขาไกล
.
ต่างคนต่างคึกคักเพยิดพยัก
บานเบิกหนักกระดี๊กระด๊าพาสดใส
กระโดดขึ้นรถกันอย่างฉับไว
บ้างเอนกายนอนต่อรอเวลา
.
อากาศเริ่มเพิ่มความเย็นหนาวยะเยือก
ด้วยแนวเทือกทิวเขาป่าใหญ่ไซร้
มองข้างหน้าไปตามแสงของไฟ
อ๊ะ อะไรที่ไหวผ่านคลานคลืบมา
.
รถชะลอช้าลงตรงเงานั่น
ชะเง้อหันมีคนบอกให้เงียบเสียง
โขลงช้างป่าออกหากินเดินตามเรียง
แค่ขอเพียงข้ามทางที่เคยเดิน
.
เพียงอึดใจเดียวเท่านั้นรถไปต่อ
ไม่รีรอด้วยเวลาเดี๋ยวจะสาย
ต่างภาวนาให้เดินทางอย่างปลอดภัยและขึ้นไปหวังสายหมอกยังหยอกรอ
.
ถือเป็นความโชคดีคนขับบอก
ด้วยเมฆหมอกยังลอยคว้างกลางเวหา
ค่อยค่อยเคลื่อนเยื่องย้ายกรายอุ้ยอ้ายมา
เตะสายตาเราอย่างจังนั่งมองเพลิน
.
.เรียนธรรมจากธรรมชาติ.
.
ดุจภูเขาบนยอดเขาเข้าทับซ้อน
ไออุ่นอ่อนโชยบางเบานุ่มนวลเหลือ
สีขาวโพลนแซมซ้อนเทาอ่อนเจือ
มองไม่เบื่อโอ้ทะเลมาเห่ใจ
.
ต่างคนต่างนิ่งมองดั่งมนต์สะกด
ความงามงดเพียงจดจำภาพนี้ไว้
ให้ตราตรึงฝังแน่นลงลึกก้นใจ
ปักหมายไว้ที่จิตนิจนิรันดร์
.
แต่ละวันภาพของทะเลหมอก
ไม่มีลอกเลียนกันให้หวั่นไหว
หนึ่งวันก็หนึ่งภาพเก็บกันไป
เอกลักษณ์ใจประทับไว้ไม่ซ้ำกัน
.
ดั่งทางเดินชีวิตของคนนั่น
ต่างคนหันบังคับหัวเรือตนไซร้
ให้ดำเนินเดินตามทางของตนไป
ตามที่ใจตนนั้นนั่นต้องการ
.
ธรรมชาติสอนเราในธรรมะ
มองลดละทุกสิ่งเปลี่ยนตลอดหนา
เพี้ยงเสี้ยวหนึ่งเล็กน้อยนิดกาลเวลา
ทะเลหมอกมาสอนตนวนเวียนกรรม
.
เขาพะเนินทุ่งรุ่งเช้านี้ตรึงใจนัก
ได้ประจักษ์ความงามล้ำดั่งภาพเขียน
ประทับไว้ในจิตดุจบทเรียน
ครั้งหนึ่งเพียรตะกายตื่นคุ้มชื่นใจ
.
ลงจากเขากลับทางเก่าเห็นมูลช้าง
กลายกลับร่างมีบางสิ่งบินโฉบไหว
อุ๊ย อุ๊ย นั่นฝูงผีเสื้อบินวนไว
สีสดใสทั้งเหลืองแดงแข่งกันโชว์
.
ที่อุนจิของพี่ช้างคือสวรรค์
ผีเสื้อนั่นต่างมาหากินอาหาร
ในทุกกองต่างจองจับจ้องบนจาน
สุดเบิกบานสราญรื่นชื่นด้วยคน
.
1
.
ดูพวกเจ้าไม่สนใจใครยืนเฝ้า
ถ่ายรูปเอามาโชว์กันสนั่นไหว
แต่ทั้งฝูงก็ไม่ตื่นตระหนกใจ
เวียนวนในอาหารจานเด็ดเธอ
.
มองผีเสื้อแล้วพาให้จิตสะท้อน
กลับมองย้อนตัวเองอีกสักหน
ผีเสื้อไม่ได้สนใจสิ่งนอกตน
เฝ้าแลยลเฉพาะหน้าว่าทำอะไร
.
1
แตกต่างจากเหล่าผู้คนสนใจนอก
ใครเล่าบอกสิ่งใดให้ฉงน
เฝ้าติดตามแต่เสียงนอกนั้นชอบกล
ไม่แลตนเสียงข้างในไร้การมอง
.
อนิจจาชีวิตมนุษย์นั่น
ลืมคืนวันลืมเวลาของตนไซร้
ลืมมองจิตจริตตนที่ข้างใน
ลืมจนได้แม้กระทั่งลืมลมปราณ
.
ลงจากเขาเข้าที่พักหลับสักงีบ
ไม่เร่งรีบอาบน้ำท่าเสร็จเรียบร้อย
กะจะนอนแต่ที่ไหนเสียงเจี๊ยวลอย
เงี้ยหูหน่อยได้ยินเสียงตูมตูมตาม
.
ชะโงกมองชะเง้อจ้องช่องหน้าต่าง
ที่ด้านล่างมากผู้คนลงเล่นน้ำ
ได้เวลาเขื่อนเปิดให้ไหลลงลำ
ตลิ่งล้ำเจื่องนองในคลองเต็ม
.
ชิงช้าที่เมื่อเช้ายังเหงาหงอย
บัดนี้คอยไกวแก่วงด้วยแรงไหว
โยกขึ้นลงโยงกระชับอย่างฉับไว
คนล่างไซร้โน้มดึงตึงจึงปล่อยไป
.
คนที่นั่งบนชิงช้าร้องหวีดหวิว
กรีดเสียงกิ่วลิ่วลอยเสียวสันหลัง
ประเดี๋ยวขึ้นประเดี๋ยวลงอ่อนกำลัง
สนุกจังเพียงนั่งมองยังสุขใจ
.
บ้างกระโดดจากริมฝั่งดังตูมใหญ่
ห่วงยางไกลดำผุดว่ายแวกถลา
แข่งขันกันเพื่อจะไปชกชิงมา
เกาะกันพาให้ล่องไหลไปตามแรง
.
ทั้งพายเรือล่องแก่งแข่งสายน้ำ
ต่างพายจ้ำเฮฮาพาครึกครื้น
สนุกสนานหายเหนื่อยพาชุ่มชื่น
พลอยระรื่นไปกับเขาแค่เฝ้ามอง
.
.
ได้เวลาบ่ายคล้อยท้องเริ่มหิว
ต้องเดินหิ้วท้องขึ้นมาจากริมน้ำ
กระโดดโลดโผนมากไปไม่ดีงาม
หมดแรงตามถามหาอาหารทาน
.
พอเสร็จสรรพท้องอิ่มเริ่มหาวง่วง
เวลาล่วงเลยแล้วต้องการพัก
อีกหนึ่งคืนที่แก่งเที่ยวอย่างหนัก
แต่ประจักษ์สัจธรรมล้ำเลิศดี
.
.ข อ ง ฝ า ก..
.
*************************************
* ขอบคุณทุกการอ่าน *

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา