16 ม.ค. 2021 เวลา 02:45 • สุขภาพ
ด่วน !! นอร์เวย์เสียชีวิต 23 คน หลังฉีดวัคซีน Pfizer เข็มที่ 1 กำลังเร่งสอบหาความเกี่ยวข้องในรายละเอียด
1
มีรายงานข่าวว่า พบผู้เสียชีวิต 23 คนในประเทศนอร์เวย์ หลังจากเริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรกของบริษัท
Pfizer (และมีบางส่วนของบริษัท Moderna)
2
ทางการกำลังเร่งสอบสวนในรายละเอียด ว่ามีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนมากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ตามพบว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิต 23 คนนั้น 13 คนเป็นกลุ่มที่พักอาศัยอยู่ในบ้านพักคนชรา(Nursing Home) และมีอายุมากกว่า 80 ปี ซึ่งเป็นปกติ ที่จะต้องมีโรคประจำตัว และสภาวะร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง
1
ในเบื้องต้น ได้พบความเกี่ยวข้องของการเสียชีวิตกับผลข้างเคียงของวัคซีนที่เกิดขึ้น ได้แก่ การมีไข้สูง คลื่นไส้อาเจียน และมีถ่ายเหลว
1
ทางการของนอร์เวย์ ยังไม่ได้ประกาศเตือนเป็นพิเศษ ถึงการชะลอหรือห้ามการฉีดวัคซีนดังกล่าว
3
เพียงแต่จะได้มีคำแนะนำ ไปถึงแพทย์ผู้ทำการฉีดวัคซีน ให้พิจารณากลุ่มผู้สูงอายุ โดยเฉพาะที่มีโรคประจำตัวหรือมีการเจ็บป่วยอย่างรุนแรง ว่าควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่ โดยให้พิจารณาถึงผลได้และผลเสียที่จะเกิดขึ้นจากวัคซีน
1
สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ทางการนอร์เวย์ก็เพิ่งรายงานผู้เสียชีวิต 2 ราย หลังจากฉีดวัคซีน ซึ่งพบในบ้านพักคนชราเช่นกัน
ขณะนี้ได้มีการฉีดวัคซีนในนอร์เวย์ไปแล้วกว่า 30,000 คน ซึ่งเริ่มฉีดมาตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2563 โดยวัคซีนส่วนใหญ่เป็นของบริษัท Pfizer และมีส่วนน้อยเป็นของบริษัท Moderna
ทางการนอร์เวย์แจ้งว่า ขณะนี้ยังต้องถือว่า มีความเสี่ยงต่ำสำหรับการรับวัคซีนในภาพรวม และการพบการเสียชีวิตนั้น ก็เกิดขึ้นเฉพาะกลุ่มเปราะบาง คือ ผู้สูงอายุที่อยู่ในบ้านพักคนชรา
1
ซึ่งปกติก็มีการเสียชีวิตในบ้านพักคนชราดังกล่าว เฉลี่ยสัปดาห์ละ 400 คนอยู่แล้ว
1
ในรายละเอียดของผู้ที่เกิดผลข้างเคียงจากวัคซีนในบ้านพักคนชรา ประกอบด้วย
มีผู้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง 29 ราย เสียชีวิตไป 13 ราย (มีผู้เสียชีวิตนอกบ้านพักคนชราอีก 10 ราย)
ในผู้ที่มีผลข้างเคียงดังกล่าวเป็นผู้หญิง 21 คน ผู้ชาย 8 คน
16 คน ที่ไม่เสียชีวิตนั้น
9 คน มีอาการรุนแรง ทั้งอาการแพ้ และมีไข้สูงมาก
7 คน มีอาการเจ็บปวดอย่างมากบริเวณที่ฉีด
ทางบริษัท Pfizer ได้แจ้งว่า ให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับการเสียชีวิตครั้งนี้ ของผู้ได้รับวัคซีนในนอร์เวย์ และกำลังทำงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อหาข้อเท็จจริงในรายละเอียดกับองค์กรแพทย์ของนอร์เวย์
ขณะนี้ นอร์เวย์มีผู้ติดเชื้อกว่า 57,000 คน และเสียชีวิตแล้วกว่า 500 คน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้สูงอายุ
จึงจำเป็นที่นอร์เวย์ จะต้องสืบหาข้อเท็จจริงให้ได้ข้อยุติว่า ผู้เสียชีวิตดังกล่าวทั้งหมด เสียชีวิตจากวัคซีน หรือเสียชีวิตจากเหตุอื่น ที่เรียกว่า Coincidence
และในส่วนที่เสียชีวิตจากผลข้างเคียงของวัคซีนจริง นั้น มีจำนวนที่มีนัยสำคัญ จนจะต้องออกมาตรการพิเศษ ในการกำหนดวิธีการฉีดวัคซีนหรือไม่ เช่น จะไม่ฉีดในผู้สูงอายุบางกลุ่ม ที่มีลักษณะความเสี่ยงสูง
ขณะนี้ วัคซีนโควิดทุกตัวในโลก ที่ได้รับการทยอยอนุมัติให้ฉีดกับประชาชนทั่วไปนั้น
ที่จริงแล้ว เป็นการอนุมัติให้ฉีดได้เป็นกรณีเฉพาะ
ที่เรียกว่าการฉีดในสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งสิ้น(EUA)
ซึ่งก็คือ การวิจัยวัคซีนยังไม่เสร็จสิ้นตามมาตรฐาน แต่ด้วยโควิด-19 มีภาวะการระบาดที่รุนแรง มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก
จึงทำให้ทุกประเทศเห็นพ้องต้องกันว่า ต้องยอมที่จะให้วัคซีนซึ่งมีความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง คือผ่านเฟสสามแล้ว สามารถนำมาฉีดกับประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉินได้
1
แต่จำเป็นจะต้องเก็บข้อมูล หลังการทดลองเฟสสามที่อาจจะเรียกว่าการทดลองเฟสสี่ ไปอีกอย่างน้อยสองถึงห้าปี
3
ในระหว่างนี้ จะมีรายงานผลข้างเคียงของการฉีดจากบริษัทวัคซีนที่ติดตามทุกเดือน แล้วจะมีการพิจารณาไปตลอดระยะเวลาว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงการอนุญาตให้ฉีดวัคซีนหรือไม่อย่างไร
อย่างไรก็ตาม โควิด-19 จำเป็นที่จะต้องมีภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นในโลก ก่อนที่วิถีชีวิตทุกคนจะกลับมาใกล้เคียงกับปกติ
การจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ในโรคโควิด-19 ได้ ต้องมีประชากรโลกมีภูมิคุ้มกัน(ไม่ว่าจะโดยทางธรรมชาติคือเจ็บป่วยแล้วหายเอง หรือได้รับวัคซีน) อย่างน้อย 60% หรือ 4,500 ล้านคน
3
ดังนั้นวัคซีนจึงยังเป็นคำตอบสำคัญ สำหรับการแก้ปัญหาเรื่องนี้
เพียงแต่ว่าในระหว่างฉีดวัคซีนไปนั้น ก็จำเป็นจะต้องติดตามข้อมูลความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงของวัคซีนอย่างใกล้ชิดและเป็นระบบไปด้วย ว่ายังคงมีความคุ้มค่ากับการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในภาพรวมของโลกหรือไม่อย่างไร
ถ้าผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นการแพ้อย่างรุนแรง หรือเกิดการเสียชีวิตขึ้น มีจำนวนน้อยที่พอจะยอมรับได้ การฉีดวัคซีนก็จะเดินหน้าต่อไป
แต่ถ้าการฉีดวัคซีน มีผลข้างเคียงที่มีนัยสำคัญ ก็อาจจะทำให้ต้องชะลอหรือยุติการฉีดวัคซีนชนิดนั้น
ตรงนี้เป็นปัญหาที่ยุ่งยากมากทีเดียว เพราะไม่มีหลักเกณฑ์ หรือตัวเลขที่ชัดเจนว่า จำนวนผู้มีผลข้างเคียงรุนแรง หรือจำนวนผู้เสียชีวิตที่เกิดจากวัคซีนนั้น มากเท่าไหร่ จึงจะถือว่ามีนัยสำคัญ จนต้องทำการหยุดการฉีดวัคซีนครับ
เพราะแต่ละคน ย่อมมีความรู้ ความเชื่อ ทัศนคติ และประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องความเสี่ยง โดยเฉพาะในเรื่องการฉีดวัคซีน ที่แตกต่างกันออกไป
บางคนก็ยอมรับในตัวเลขของความเสี่ยงได้สูง บางคนก็ยอมรับตัวเลขของความเสี่ยงได้ต่ำ
ผลก็จะออกมาเป็นความหลากหลายของประชาชน
ที่ตัวเลขเดียวกันนั้น บางคนก็ตัดสินใจฉีด บางส่วนก็ตัดสินใจไม่ฉีด
ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนหมู่มาก
และในครั้งนี้ จะเป็นการเร่งฉีดวัคซีนนับร้อยนับพันล้านคน จึงมีคนเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลายแน่นอนครับ
Reference
โฆษณา