16 ม.ค. 2021 เวลา 04:27 • กีฬา
ทำไมลิเวอร์พูล กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึงเป็น 2 สโมสรที่เกลียดกัน นี่คือเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้เกมแดงเดือดในวันอาทิตย์นี้ทวีความเดือดยิ่งขึ้น
1
ตอนนี้บรรยากาศของเกมหงส์ vs ผี ที่จะเตะกันวันอาทิตย์นี้คึกคักมาก นั่นเพราะตั้งแต่พรีเมียร์ลีกก่อตั้งมาในปี 1992 ยังไม่เคยมีสถานการณ์ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับลิเวอร์พูล เจอกันตอนที่เป็นจ่าฝูง และรองจ่าฝูงแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ดังนั้นคุณค่าของเกมนี้ จึงไม่ใช่แค่ "เกมแดงเดือด" ธรรมดาเท่านั้น แต่ยังหมายถึง การไล่ล่าแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้ด้วย
1
บรรยากาศที่อังกฤษ (และที่ไทย) ตอนนี้แฟนทั้งสองฝ่าย ใส่กันอย่างเต็มเหนี่ยว ทุกคนต่างมั่นใจว่า ทีมตัวเองจะเป็นฝ่ายทำได้ดีกว่าในเกมวันอาทิตย์นี้
3
ถ้าลิเวอร์พูลชนะ แต้มจะกลับไปเท่าแมนฯยูไนเต็ด แต่ลูกได้เสียที่ดีกว่า จะทำให้พวกเขาเป็นจ่าฝูง แต่ฝั่งแมนฯยูไนเต็ดขอแค่เสมอเท่านั้น ก็จะยืดการเป็นจ่าฝูงต่อไปได้
1
เกมนี้เล่นที่แอนฟิลด์ และสถิติบอกว่า ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่เล่นในบ้านได้ดีที่สุดในซีซั่นนี้ (ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 0) แต่น่าสนใจคือฝั่งแมนฯยูไนเต็ด คือทีมที่เล่นนอกบ้านได้ดีที่สุดในซีซั่นนี้เช่นกัน (ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 0)
7
นี่คือการปะทะกันของยอดทีมที่เก่งในบ้าน กับยอดทีมที่สุดยอดเกมเยือน เจอกันในช่วงเวลาที่เหมาะสมจริงๆ
2
ผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร 23.30 วันอาทิตย์เดี๋ยวรู้เรื่องเลย แต่ก่อนอื่น เราไปย้อนถึง "แบ็กกราวน์" ของเกมนี้กันหน่อย ทุกคนรู้ว่าสองทีมนี้เกลียดกัน แต่คำถามคือ "ทำไม"
2
ที่อังกฤษเขามีการค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้ออกมาแล้วครับ ซึ่งแอดมินขอสรุปมาให้อีกครั้งนะครับ
1
"พาร์ก พาร์ก นายอาจกินหมาในบ้านเกิดที่เกาหลี แต่ก็ยังดีกว่าพวกสเกาซ์ ที่แดกหนู ในบ้านเอื้ออารี"
3
นี่คือ Chant หรือ เพลงเชียร์ที่แฟนแมนฯยูไนเต็ด ร้องเพื่อให้กำลังใจพาร์ก จี-ซอง ซึ่งเราฟังเพลงนี้ก็ตลกดี ที่คนอังกฤษ เขายังคิดว่าคนเกาหลีกินหมาเป็นอาหารหลักอยู่เลย!
ไม่ใช่แค่เพลงนี้เท่านั้น แต่ยังมี chant อื่นๆอีกมาก ที่แฟนผี แต่งขึ้นมาเพื่อล้อเลียนหงส์ โดยมีการนับจำนวนเพลง ปรากฎว่า เพลงที่เอาไว้ด่า หรือล้อเลียนลิเวอร์พูล มีจำนวนมากกว่าเพลงที่เอาไว้ล้อแมนฯซิตี้ คู่ปรับร่วมเมือง มันแสดงให้เห็นว่า ความเกลียดชังของสองทีมนี้ อยู่ในเลเวลที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
2
ตามปกติแล้ว คู่ปรับในฟุตบอลอังกฤษ ส่วนใหญ่มักจะเป็นทีมที่อยู่ในเมืองเดียวกัน คือเป็นเรื่องศักดิ์ศรี ว่าทีมไหนคือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองนั้นอย่างเช่น สเปอร์ส กับอาร์เซน่อล ก็วัดกันใครคือราชาของลอนดอนเหนือ หรืออย่าง แอสตัน วิลล่ากับเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ก็พิสูจน์กันว่าใครเจ๋งสุดในเมืองเบอร์มิงแฮม
แต่กับลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สองทีมนี้เป็นกรณีพิเศษ คือเกลียดกันข้ามเมือง และดีกรีความไม่ชอบหน้ากัน ไม่ด้อยไปกว่าดาร์บี้แมตช์เลย ซึ่งคำถามของเราก็คือ ทำไมสองทีมที่อยู่คนละเมือง ถึงเกลียดกันได้ขนาดนี้
[ 1-ความเจ็บใจที่ถูกขูดรีด ]
จุดเริ่มต้นของความเกลียดชัง ของทีมฟุตบอล มันมีจุดเริ่มต้นมาจากการปะทะกันระหว่างเมืองก่อน
ย้อนกลับไปในยุค 1800 ในอดีตลิเวอร์พูลคือเมืองท่าอันดับ 1 ของโลก และเป็นประตูออกสู่ทวีปอเมริกาเหนือ สินค้าทุกอย่างจะมีจุดเริ่มต้นลิเวอร์พูล แม้แต่เรือไททานิคก็ยังลงทะเบียนที่ลิเวอร์พูล (แต่เดินทางออกจากเซาธ์แฮมป์ตัน)
ส่วนแมนเชสเตอร์ คือเมืองอุตสาหกรรมที่รุ่งเรืองมากๆ ในการผลิตฝ้ายดิบ มีคำกล่าวว่าประชากร 1 ใน 4 ของโลกสวมใส่เสื้อผ้าที่ผลิตจากแมนเชสเตอร์
1
แต่ปัญหาของแมนเชสเตอร์ก็คือถึงจะมีกำลังผลิตมากแค่ไหน แต่การส่งออกไปทั่วโลกก็จำเป็นต้องใช้เรือ และแมนเชสเตอร์ไม่ติดทะเล ดังนั้นจึงช่วยไม่ได้ที่ต้องขนส่งสินค้าทางบก เอาไปขึ้นเรือที่ท่าลิเวอร์พูล ซึ่งเมืองลิเวอร์พูลก็เก็บค่าภาษีปากเรือแพงมาก
ลิเวอร์พูลไม่ต้องลงแรงผลิตอะไร เก็บเงินกินเปล่าอย่างเดียว ไม่ว่าจะนำเข้าหรือส่งออก พวกเขาเก็บกินเรียบ ซึ่งทางแมนเชสเตอร์ ก็คับแค้นใจมาหลายปีเพราะเหมือนถูกขูดรีด โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย ครั้นจะไปท่าเรือที่อื่นก็อยู่ไกลเกินไป ค่าขนส่งจะเพิ่มมากกว่านี้อีกเยอะ
2
นั่นทำให้สภาเมืองจึงตัดสินใจ ว่าจากนี้ไปแมนเชสเตอร์จะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างอีกแล้ว ในการประชุม ได้มีมติขุดคลองแมนเชสเตอร์ขึ้นมา ทะลุจากทะเลยาวมาถึงตัวเมืองแมนเชสเตอร์ โดยใช้เวลาในการขุด 7 ปี ระยะทาง 58 กิโลเมตร
3
คลองแมนเชสเตอร์ (Manchester Ship Canal) เปิดใช้บริการวันแรก 1 มกราคม 1894 ซึ่งขนาดของคลองกว้างใหญ่พอที่เรือใหญ่จะแล่นผ่านได้ เมื่อการขุดคลองเสร็จสิ้นทำให้คราวนี้เรือจากทั่วโลกไม่จำเป็นต้องแวะจอดที่ลิเวอร์พูลอีก แต่สามารถเอาสินค้าขึ้นหรือลงที่ท่าแมนเชสเตอร์ได้เลย
2
หลังคลองสร้างเสร็จ อำนาจทางเศรษฐกิจของเมืองลิเวอร์พูลก็ลดถอยลงไป และกลายเป็นแมนเชสเตอร์ที่มีความมั่งคังแทนที่ ความคับข้องใจที่ถูกขูดรีด และการเอาคืนอย่างเจ็บแสบ เริ่มสร้างรอยบาดหมางให้กับทั้งสองเมือง
2
[ 2- การเหยียดหยันกันจากทั้ง 2 ฝั่ง ]
ในอดีตแมนเชสเตอร์ เป็นเมืองอุตสาหกรรม คนทำงานที่โรงงานผ้าฝ้าย ส่วนลิเวอร์พูลเป็นเมืองท่าเรือ ผู้คนแต่งตัวหรูดูดี เป็นนักบัญชี เป็นนายหน้าของบริษัทประกันภัย ซึ่งทำงานเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าที่ท่าเรือ
จึงมีสำนวนที่คนเมืองลิเวอร์พูลชอบพูดกันว่า "Liverpool gentlemen imported cotton, Manchester men made it in to cloth" แปลว่าสุภาพบุรุษจากเมืองลิเวอร์พูลนำเข้าผ้าฝ้าย เอามาให้ผู้ชายจากเมืองแมนเชสเตอร์เอาไปทำเสื้อผ้า
เป็นการเหยียดหยันของคนเมืองลิเวอร์พูล ที่ชอบดูถูกคนแมนเชสเตอร์ว่าเป็นพวกใช้แรงงาน แต่ในเวลาต่อมา เมื่อบทบาทของท่าเรือลดลงไปจากเดิม ลิเวอร์พูลเองก็แปรสภาพจากเมืองท่าเรือ กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมเช่นกัน
ปัญหารุนแรงเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 เมื่อเศรษฐกิจของอังกฤษอยู่ในภาวะฝืดเคือง ขณะที่รัฐบาลเองก็ไม่ยื่นมือมาช่วยเหลืออะไรเมืองลิเวอร์พูล ส่งผลให้โรงงานอุตสาหกรรมต้องปิดตัวหลายแห่ง ผู้คนพากันตกงาน อดอยากหิวโหย ซึ่งตรงข้ามกับแมนเชสเตอร์ ที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ จนผู้คนแมนเชสเตอร์ได้ที มีโอกาสเย้ยหยันคืน
2
เพลงของพาร์ก จี-ซอง ที่ร้องว่า "พาร์ก พาร์ก นายอาจกินหมา ในบ้านเกิดที่เกาหลี แต่ก็ยังดีกว่าพวกสเกาซ์ที่แดกหนูในบ้านเอื้ออารี"
1
ท่อนตรงนี้ ก็มีที่มาจากการที่คนแมนเชสเตอร์เหยียดหยันคนลิเวอร์พูลว่ายากจน ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวกิน ต้องกินหนูสกปรกประทังชีวิต และไปใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเอื้ออาทร (Social council) นั่นเอง
การเหยียดหยันกันของทั้งสองฝั่ง โดนผลิตซ้ำๆ จากรุ่นสู่รุ่น เยาวชนรุ่นใหม่โตขึ้นมา ก็ซึมซับความเกลียดชังอันนี้ไปโดยปริยาย
[ 3- เรื่องฟุตบอล ]
ที่กล่าวมา ทั้ง 2 ข้อด้านบน ก็เป็นปัจจัยส่งเสริมความเกลียดชัง แต่ในที่สุดแล้ว มันคือเรื่องฟุตบอลเป็นหลัก เพราะถ้าเกลียดกันแค่เรื่องเมืองอย่างเดียว ลิเวอร์พูลก็ต้องเกลียดแมนฯซิตี้ หรือ แมนฯยูไนเต็ดก็ต้องเกลียดเอฟเวอร์ตันด้วยสิ
ในเรื่องฟุตบอลนั้น นี่คือการแย่งชิงความยิ่งใหญ่กันของสองทีม ที่ครองแชมป์ลีกสูงสุดมากสุดในอังกฤษ ย้อนกลับไปในยุคก่อนพรีเมียร์ลีกจะก่อตั้ง ลิเวอร์พูลคือทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีใครสู้พวกเขาได้และได้แชมป์ลีกสูงสุดถึง 18 สมัย ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีใครไล่ทัน
1
แต่พอแมนฯยูไนเต็ด มีอเล็กซ์ เฟอร์กูสันเข้ามาคุมทีม พวกเขาก็พัฒนาทีมจนแข็งแกร่งมากๆ และได้แชมป์ทุกอย่างที่มีบนโลก โดยเฉพาะลีกสูงสุด สุดท้ายก็ได้แชมป์ 20 สมัย แซงหงส์แดงจนได้
ตอนทีมปีศาจแดงได้แชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกๆ แล้วฉลองดีใจกันเกินหน้าเกินตา แฟนหงส์ ทำป้ายผ้าบอกว่า "แมนฯยูไนเต็ด พวกมึงค่อยกลับมาอีกที ตอนได้แชมป์ 18 สมัยนะ"
1
แล้วพอแมนฯยูไนเต็ดได้แชมป์สมัยที่ 18 ก็ทำป้ายเอาคืน บอกว่า "พวกกูมานี่แล้วไง"
1
แถมยังทำป้ายผ้าซ้ำอีกดอกด้วยว่า "ลิเวอร์พูล พวกมึงค่อยมาคุยกับกู ตอนได้แชมป์พรีเมียร์ลีกสักสมัยแล้วกัน" ซึ่งกว่าที่ลิเวอร์พูลจะพลิกกลับมาเป็นแชมป์ได้ก็ต้องรอจนถึงซีซั่น 2019-20 เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ในรายการถ้วยใบใหญ่ที่สุดของยุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ลิเวอร์พูลยังเหนือกว่ามาก คว้าแชมป์ไป 6 ครั้ง ส่วนแมนฯยูไนเต็ด ทำได้แค่ 3 ครั้ง ซึ่งจุดนี้ก็เป็นเรื่องที่แฟนลิเวอร์พูลยกมาเย้ยหยันได้เสมอ
ท้ายที่สุด อาจมีเรื่องประวัติศาสตร์มาเกี่ยวข้องบ้าง แต่เรื่องในสนามมันชัดเจนที่สุดอยู่แล้ว นี่คือการสู้กันของสองทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษ ศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่
บทสรุปในความสัมพันธ์ของ ลิเวอร์พูล กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งสองทีมมีเรื่องให้บลัฟให้โจมตีกัน ไม่มีใครยอมใคร
ถ้าไม่ใช่เรื่องสุดวิสัยจริงๆ อย่างเหตุฮิลส์โบโร่ หรือ เหตุไว้อาลัยโศกนาฏกรรมที่มิวนิค จะไม่มีการญาติดีกันเลย
สองทีมนี้ ไม่มีการซื้อขายนักเตะระหว่างกัน คนสุดท้าย คือฟิล คริสนัล ในปี 1964 ผ่านมาแล้ว 57 ปี ยังไม่มีใครข้ามฟากระหว่างสองทีมนี้โดยตรงอีกเลย
ลองคิดดูว่าโดยในช่วง 57 ปีนี้ ทีมที่เกลียดกันสุดๆ อย่างบาร์เซโลน่า กับเรอัล มาดริด ยังซื้อขายนักเตะให้กันมาแล้ว 9 คน แต่ลิเวอร์พูลกับแมนฯยูไนเต็ดไม่มีเลย
แน่นอน สองทีมนี้ไม่ขายนักเตะให้กัน แต่จะมีบางเคส ที่ผู้เล่นคนหนึ่งออกจากสโมสรไปแล้ว ไปอยู่ที่อื่นก่อน แล้วค่อยย้ายไปลิเวอร์พูลหรือแมนฯยูไนเต็ด ซึ่งนักเตะที่กล้าทำแบบนั้น ก็จะโดนแฟนบอลทีมตัวเองหมดรักไปโดยปริยาย
1
พอล อินซ์ ออกจากแมนฯยูไนเต็ดในปี 1995 ไปอินเตอร์ มิลาน จากนั้น 2 ปี เขากลับมาอยู่ลิเวอร์พูล ซึ่งก็ทำให้แฟนแมนฯยูไนเต็ดไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรกับอินซ์อีก
เช่นเดียวกับ ไมเคิล โอเว่น ได้บัลลงดอร์กับลิเวอร์พูล ย้ายไปเรอัล มาดริด ไปนิวคาสเซิล ก่อนจะมาอยู่กับแมนฯยูไนเต็ดในช่วงท้ายอาชีพเพื่อแชมป์พรีเมียร์ลีก โอเคว่าเขาอาจจะได้โทรฟี่จริงๆ แต่ความรู้สึกในใจของแฟนหงส์ที่มีต่อโอเว่นก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
1
แม้กระทั่ง กาเบรียล ไฮน์เซ่ เคยออกตัวว่าสนใจอยากย้ายไปลิเวอร์พูล จากสเตตัสฮีโร่ของปีศาจแดง เคยเป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสร กลายเป็นคนที่แฟนผีแดง ไม่ชอบหน้าไปในพริบตา
สองทีมนี้ไม่ต้องเฟคว่ารู้สึกดีต่อกัน เกลียดก็บอกว่าเกลียด แช่งก็แช่ง ด่าก็ด่ากันไปเลย
ลิเวอร์พูลมีเพลงด่า "Who the fuck are Man United" ที่ล้อเลียนมาจาก "Glory Glory Man United"
ส่วนแมนฯยูไนเต็ด มีเพลง "You'll never get a job" หรือมึงจะตกงานตลอดไป ที่ล้อเลียนชาวเมืองลิเวอร์พูล โดยใช้ทำนองของ "You'll never walk alone"
5
ความเกลียดชังของสองทีมนี้ถูกสร้างซ้ำไปเรื่อยๆ แล้วตอนนี้ไม่ใช่แค่ที่อังกฤษ แต่เป็นทั้งโลก แม้แต่ที่ไทย ยังล้อยังด่ากันแบบสุดตัว
1
และ เชื่อไหมว่าดีกรีความเกลียดชังของสองทีมนี้ จะคงมีไปเรื่อยๆ ตราบจนชีวิตของแฟนบอลอย่างพวกเราจะตายกันไปข้างเลยทีเดียวล่ะ
1
#Liverpool #ManchesterUnited
โฆษณา