17 ม.ค. 2021 เวลา 05:00 • กีฬา
[ THAI LEAGUE LEGEND : KITTIPOL PAPHUNGA ]
กิตติพล ปาภูงา "โคตรบอลที่ไม่เคยติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่"
เนื้อหาที่จะนำพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับนักเตะระดับ 'ตำนาน' ของ ไทยลีก ซึ่งเราขอย้ำตรงนี้ว่าจะเน้นผู้เล่นที่โลดแล่นตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นไป อันเนื่องมาจากว่านั่นคือฤดูกาลแรกที่ลีกฟุตบอลสูงสุดแห่งสยามประเทศเป็นอาชีพอย่างแท้จริง
ว่าแล้วตำนานที่ 'Cheerball' จะจัดมาให้คุณซึมซับถึงเรื่องราวของเขาในวันนี้คือมิดฟิลด์ที่ว่ากันว่าเล่นฟุตบอลได้คลาสสิกมากที่สุดคนหนึ่งในยุคของเขา...กิตติพล ปาภูงา
ถอยเวลากลับไปราวๆ ปี 2000 ไม่มีใครในฟุตบอลนักเรียนไม่รู้จัก กิตติพล ปาภูงา กองกลางอัจฉริยะผู้มีเซนส์ลูกหนังอันเหลือร้าย
เด็กหนุ่มจากร้อยเอ็ด หอบความฝันมาคัดฟุตบอลกับโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ตั้งแต่อายุเพียง 11 ขวบ ซึ่งเหตุที่เลือกที่นี่ก็เพราะคุณพ่อของเขาได้ข่าวคราวจากเพื่อน จึงอยากให้ลูกชายได้ร่ำเรียนในสถาบันชั้นนำของประเทศ แม้ว่าเวลานั้นจะต้องจ่ายเงินค่าเทอมเกือบครึ่งแสนก็ตาม
 
พรสวรรค์ที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ในวัย 11 ขวบ นั่นแหละ กิตติพล โชว์สกิล 'เดาะบอล' ได้มากกว่า 500 ครั้ง ต่อหน้าบรรดาโค้ชของโรงเรียน ซึ่งนั่นเองคือจุดสร้างความประทับใจในแรกพบกับทีมชงโคสีม่วง
กิตติพล ร่ำเรียนในสถาบันลูกหนังชั้นนำของประเทศได้จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 4 ก็ได้ทุนเรียนฟรี ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เจ้าตัวภูมิใจมาก เพราะก่อนหน้านี้ตั้งแต่ ประถมศึกษาปีที่ 5 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ครอบครัวของเขาคงต้องจ่ายค่าเทอมมาตลอด
"จน ม.4 ผมได้ทุนนักกีฬา เรียนฟรี นี้เป็นอีกหนึ่งอย่างในชีวิตที่ผมภูมิใจมากๆ ไม่ต้องรบกวนเงินพ่อแม่ ซึ่งที่ผ่านมา 5 ปีเต็มๆ ที่ต้องจ่ายเงินค่าเทอมเรียนเองเฉลี่ยปีละเกือบแสนบาทเลยทีเดียว" นี่คือคำบอกเล่าจากมิดฟิลด์อัจฉริยะที่เผยผ่านเพจ 108 ฟุตบอล
เขาติดทีมรุ่น 18 ปี ของโรงเรียน กรุงเทพคริสเตียน ตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี แถมยังพาทีมฟาดแชมป์ฟุตบอลขาสั้นมาไม่หวาดไม่ไหว
พออายุ 18 เขาก็เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพกับสโมสร กรุงเทพคริสเตียน นั่นแหละ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นบนเส้นทางลูกหนังอาชีพของ กิตติพล
ทันทีที่จบการศึกษาจากรั้วม่วง-ทอง กิตติพล ได้โควต้าช้างเผือกที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นห้วงเวลาเดียวกับที่ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ทำหน้าที่เฮดโค้ช และก็เล่นให้ทีมจามจุรีอยู่นานพอสมควรตั้งแต่ปี 2005-08
ไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2009 คือจุดพีกสุดในชีวิตการค้าแข้งของ กิตติพล เลยก็ว่าได้
การย้ายจาก จุฬา ยูไนเต็ด สู่ บีอีซี เทโรศาสน ได้ทำให้แฟนฟุตบอลชาวไทย ได้รู้จักชื่อของ กิตติพล ในฐานะ 'โคตรบอล' มากกว่าเดิม
เขาไม่ใช่คนที่วิ่งเยอะ แต่ทุกการเคลื่อนไหวนั้นเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ แถมการออกบอลแต่ละครั้งนั้นหวังผลได้เสมอ ไม่ว่าจะลูกสั้นหรือยาว ความแม่นยำเกือบ 100 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว
โดยเฉพาะการวางระยะไกลที่ กิตติพล มีเทคนิคสุดล้ำกับการเปิดบอลแบบติด 'สปิน' ที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมเล่นต่อได้อย่างง่ายดาย
ซีซั่นแรกของเขากับ บีอีซี เทโรศาสน แม้จะจบที่อันดับ 4 ของตาราง ไทยพรีเมียร์ลีก แถมยังเป็นเพียงรองแชมป์ เอฟเอ คัพ 2009 แต่ฟอร์มของ กิตติพล นั้นโดดเด่นเป็นสง่าจนถูกรับเลือกให้เป็น 'กองกลางยอดเยี่ยม' ประจำฤดูกาล
ทว่าความที่ กิตติพล มีไลฟ์สไตล์นอกสนามที่ครื้นเครง เขาจึงถูก ธชตวัน ศรีปาน ซึ่งเป็นกุนซือของทีมมังกรไฟในเวลานั้นเตือนว่าถ้าอยากจะเล่นฟุตบอลในระดับสูงให้ยาวๆ ควรจะเพลาๆ เรื่องความสนุกลงหน่อย
1
"ช่วงที่อายุ 23-24 ปี บอกได้เลยว่ากินได้-เล่นได้-ซ้อมได้ สบายมาก แต่พอ 27-28 เริ่มไม่ใช่แล้ว รู้ตัวเลยว่าถ้ากิน-เที่ยวเมื่อไหร่ มันส่งผลต่อระบบหายใจ ส่งผลต่อจังหวะฟุตบอล คือมันพังไปหมด บางทีมาในเวลาซ้อม มันทำไม่ได้ตามใจนึก จนรู้ตัวเองว่าไม่ไหว ก็เลยเลิกดีกว่า ตอนนั้นน่าจะอายุ 33" นี่คือข้อความที่เขาเคยกล่าวไว้
1
จากฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในสนาม การท่าเรือ เอฟซี คู่แข่งในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 2009 เลยยื่นเงินมากถึง 4 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมากในยุคนั้นเพื่อขอซื้อตัว กิตติพล ไปร่วมทัพ และแน่นอนว่าถูกปฏิเสธแบบไม่ใยดีจาก บีอีซี เทโร ศาสน ที่ยืนกรานเซย์โนท่าเดียว
ทว่าจุดเปลี่ยนสำคัญของเขาอยู่ในฤดูกาล 2010 กิติพล ในวัย 27 ปี ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจนต้องพักยาว และใครจะรู้ว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้เจ้าตัวไม่สามารถกลับคืนสู่วันวานได้อีกเลย
เลกที่สองของซีซั่น 2010 เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2009 จ่ายเงินเกือบ 4 ล้านบาท เพื่อขอซื้อ กิตติพล ซึ่งยังบาดเจ็บอยู่มาร่วมทีม จนเป็นข่าวใหญ่โตอยู่พักใหญ่ในเวลานั้น
1
ชีวิตในรั้วกิเลนผยองของ กิตติพล ก็ไม่ได้เป็นดังหวัง เขาไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงได้ จนต้องย้ายไป แบงค็อก ยูไนเต็ด ในปี 2013 ต่อด้วย แอร์ฟอร์ซ (2014), เชียงใหม่ เอฟซี (2014) และปิดฉากชีวิตค้าแข้งในวัย 32 ปี กับ อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2015
สำหรับผลงานในนามทีมชาติ เป็นเรื่องเหลือเชื่อมากๆ ที่ กิตติพล ไม่เคยติดทีมชุดใหญ่ เพราะไม่ว่าจะเยาวชนรุ่นใด หมอนี่มีชื่ออยู่เสมอ รวมถึง เอเชียนเกมส์ 2006 ที่โดฮา
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะในยุคนั้นกองกลางทีมชาติไทย มีทั้ง สุเชาว์ นุชนุ่ม, ดัสกร ทองเหลา, สุรัตน์ สุขะ, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว และรวมไปถึง ณรงค์ชัย วชิรบาล ที่แต่ละรายมีสไตล์แตกต่างกันออกไป นั่นเองทำให้โอกาสของ กิตติพล ในทัพช้างศึกถูกจำกัดลงเหลือนิดเดียว
แม้จะไม่เคยได้แชมป์ ไทยลีก แบบมีส่วนร่วมกับทีมแบบเต็มๆ และไม่เคยได้สัมผัสเกมทีมชาติไทยชุดใหญ่ ทว่า กิตติพล ก็ถูกเพื่อนร่วมอาชีพ รวมไปถึงแฟนฟุตบอลไทย ที่ได้เห็นการเล่นของมิดฟิล์เชิงสูงคนนี้ต่างก็ยกหมอนี่ให้เป็นหนึ่งในกองกลางที่คลาสสิกที่สุดในยุคของเขา
และนี่คือส่วนหนึ่งของเรื่องราว 'ตำนานนักเตะ' ไทยลีก ที่ 'บอลไทยชัดชัด' นำมาฝากคุณ
กิตติพล ปาภูงา...
 
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา