17 ม.ค. 2021 เวลา 05:03 • ไลฟ์สไตล์
เด็กราม
ผมไปเรียนคำแหง ด้วยความกลัว ผสมกับความจน ใช้ชีวิตเรียนที่รามคำแหง แบบเร่งรัดจริง ๆ ผสมกับความเร่งรีบ ไปด้วย
ลานพ่อขุน ที่นี่มีเรื่องราวมีตำนาน มากมาย
ปี 2541 ถึง 2544 ราว 3 ปีกว่า ๆ ที่ไปใช้ชีวิตเด็กกรุงเทพ เด็กราม อย่างที่บอกล่ะครับ ผมออกจากบ้านด้วยความจน และความกลัว เป็นภาระที่แยกไว้ทั้ง 2 บ่า คิดเสมอว่า ฐานะทางบ้านยากจน ถ้าจะได้เงินมาจากทางบ้าน ก็ต้องขายข้าว หรือไม่ก็ต้องขายควาย นั่นล่ะ คือความจริง
แนวคิดวนเกษตร ที่ได้จากประสบการณ์ รั้วราม
เพราะความกลัวเรียนไม่จบ จึงเป็นแรงผลักดัน ให้ผมขยันอ่านหนังสือเป็นพิเศษ อ่านตำราเรียน หนังสือเรียนเล่มหนา ๆ จนจบ เกือบทุกเล่มที่ซื้อมาอ่านประกอบ นอกจากขยันอ่าน แล้วยังขยันไปนั่งเรียน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอาจารย์มาเชคชื่อ ผมก็อดทนนั่งดูทีวี ที่ถ่ายทอดสัญญาณ จากอาจารย์มา อย่างสนใจ
ผลการเรียนที่ออกมา ในเทอมแรก จึงเป็นที่พึงพอใจ ในสมัย นั้น ได้เกรด G มา 5 วิชา เทอมถัดไปได้เรียนฟรี เพราะเขาว่า ให้ทุนเรียนดี จบเทอม 1 ถึงได้เบาใจหน่อย คิดแล้วว่า เราเรียนจบแน่นอน ความกลัวหายไป แต่ความจน ยังคงอยู่
พอถึงปีที่ 2 เริ่มทำกิจกรรมนักศึกษามากขึ้น แต่ก็ยืนอยู่บนความระมัดระวัง ในการใชีชีวิตเช่นเดิม ชีวิตเด็กกิจกรรมในรั้วรามคำแหง ภายใต้ ค่ายรามอีสาน เป็นที่ขัดเกลาหล่อหลอมความคิด ความรู้ ทัศนคติในการใช้ชีวิตโดยแท้ ที่นี่ให้ชีวิตผม ให้มุมมอง เปิดโลกให้ผมอีกใบหนึ่ง
ทักษะการทำงานชุมชน ที่รามคำแหงปูพื้นฐาน
การเดินทาง ไปพบปะผู้คน มากมาย พื้นที่มากมาย ปราชญ์ชาวบ้าน นักต่อสู้ผู้เสียสละ ผู้รับผลกระทบจากผลพวงการพัฒนาของรัฐ ผู้ถูกกดขี่ อะไรต่อมิอะไร เข้ามามากมายในชีวิต ทำให้เรา ได้เรียนรู้ ได้ฝึกฝนพัฒนาตนเอง ในหลายๆ แบบหลาย ๆ ทักษะ จนหล่อหลอมให้เป็นเราในวันนี้
กินง่าย อยู่ง่าย เรียบง่าย กินได้หลักคิดมาจากรามคำแหง
ไม่มีรามไม่มีเรา
เปลวเทียนให้แสง รามคำแหงให้ทาง
โฆษณา