17 ม.ค. 2021 เวลา 14:03 • นิยาย เรื่องสั้น
--แนะนำตัวค่ะ--
"เป็นครูค่ะ"
ถ้าใครถามว่าอยากเป็นอะไรในอนาคตย้อนไปสิบกว่าปี
เราจะตอบว่าอยากเป็นบรรณารักษ์ อยากเป็นนักเขียน
อยากเป็นบรรณารักษ์ เพราะอยากอ่านหนังสือใหม่ก่อนใคร
อยากเป็นนักเขียนการ์ตูน เพราะอยากมีเพื่อนเป็นนักเขียนการ์ตูน
อาชีพทั้งสองอย่างไม่ได้ถูกทำตามความฝันนะคะ
เพราะสายที่เลือกเรียนไม่ได้ ส่งเสริมทางไปแต่อย่างใด
แต่เลือกเรียนคอมพิวเตอร์ค่ะ
เพราะอยากได้คอมพิวเตอร์เป็นของตนเอง
1
แล้วครูล่ะมายังไง ?
มาเพราะโชคชะตาโดยแท้ค่ะ...
ความจำเป็นที่ห้อยท้ายคำ จริง ๆ คือความเกรงใจอาชีพอย่างสูง
เคยคิดว่าอยากทำอาชีพนี้ให้ดีกว่านี้
ศรัทธาคนที่เป็นครูอย่างมาก
คิดว่าคนอย่างเราจะไปทำอะไรได้ดีเท่า
หนทางการมาเกิดจาก การสมัครงานที่บริษัท IT แห่งหนึ่ง
เราได้งานด้วย ตอนนั้นถือว่าค่าแรงสูง บริษัทแม่อยู่สาทร
หน้าที่คือวิ่งไป support ในที่ต่าง ๆ ที่บริษัทรับเขียนโปรแกรม
ทางบริษัทจะอบรมให้กับ องค์กรนั้น ๆ หรือบริษัท ๆ นั้น ๆ ก่อน
หลังจากอบรม จะส่งเจ้าหน้าที่ไปเฝ้า ไปสังเกตการณ์
แก้ปัญหาเบื้องต้น ถ้าแก้ไม่ได้ก็รายงานศูนย์ใหญ่
เป็นการประสานงานระหว่าง user กับ programmer
สิ่งที่ได้จากงานแรกในชีวิต :
ทำให้เป็นคนช่างสังเกต คิดแก้ปัญหา เรียบเรียงคำพูด
คิดเองว่าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอดเวลา
เป็นรับฟังปัญหาระหว่างโปรแกรมเมอร์
และเอ็นยูสเซอร์ บางทีก็ผู้บริหารบางทีก็รับอารมณ์ด้วย😁
สำหรับงานเราคิดว่าไม่ยากนะ เราชอบ สนุกด้วย
ปกติเราเป็นคนใจร้อน แต่เมื่อทำงานเราจะกลายเป็นคนใจเย็น
เข้าอกเข้าใจปัญหาและผู้อื่น...(เฉพาะตอนทำงานนะ)
แล้วบางปัญหาที่แก้ไม่ได้ล่ะ ?
"ก็รอฮะ ทำไงได้ล่ะ อันไหนแก้ไม่ได้ก็จดไว้ก่อน"
ดึกแล้วถ้าทุกคนต้องนอน 5 โมงแล้วถ้าต้องกลับบ้านก็กลับก่อน
ใครมีหน้าที่ก็แก้ ก็ทำ ใครไม่มีก็กลับบ้านไปนอนเอาแรงไว้
เผื่อพรุ่งนี้ต้องใช้พลังเยอะ... ทำงานที่นี่ไม่เครียดนะคะ
หัวหน้าทีมเท่ สนุก ใจดี เลี้ยงพิซซ่า เราชอบมาก
ลาออกทำไม :
เราไม่ชอบเดินทาง หลังจากเราเดินทางไปตามศูนย์นั้น ศูนย์นี้
องค์กรนั้น องค์กรนี้ (เรานั่งรถเมล์ไปนะ เพราะประหยัด)
แล้วก็จบใหม่ขับรถไม่เป็น ตังค์ซื้อรถก็ไม่มี ยุคเราไม่มี google map นะ
ดูแผนที่บ้าง สอบถามจากสายรถเมล์บ้าง 1348 บ้าง
ถามทางจากคนอื่นบ้าง... ถ้านั่งรถแท็กซี่มันจะเปลือง
เราจะประหยัดถ้านั่งรถเมล์เอา
ผลคือไปหลาย ๆ ที่สายมาก บางที่ไปถึงเที่ยงเลย
พี่ ๆ ป้า น้า อาเขากินข้าวกันแล้ว
เข้าไปก็ยกมือไหว้ขอโทษนะคะ หนูหลงค่ะ หนูมาสายค่ะ
แต่ข้อดีคือที่ผ่านมาเราเจอแต่ลูกค้าใจดี เอ็นดู
ไม่โกรธ แล้วยังเอาข้าว เอาขนมมาให้กินอีก
บางทีมาจากบางเขน มาบางพลัด รถก็ติด ต่อรถผิดก็มี
ไปถึงวิ่งข้ามสะพานลอยเหนื่อยแฮก ๆ บางทีเห็นน้องหมาข้ามถนนชิว ๆ ก็อยากทำได้บ้างนะคะ แต่ก็กะจังหวะรถไม่เป็นเลยข้ามสะพานลอยดีกว่า/ซึ่งมันควร
พอเข้าบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง
"นั่งพักก่อน ๆ กลับยังไง
ป้าขับไปส่งมั๊ย บ้านป้าผ่านอนุสาวรีย์"
เจอแต่คนดี ใจดี โชคดีมากช่วงชีวิตนั้น
งานเราไม่ต้องสแกนเข้างานนะ แค่ไปดูแล้วรายงานกี่โมงก็ได้
แต่ทุกที่เราก็ไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
ทำมาซักพัก มันเหนื่อยสะสม บ้านก็ไม่ค่อยได้กลับ
เพื่อนก็ไม่ค่อยได้เจอ เหมือนชีวิตวิ่งผ่านด่านอยู่คนเดียว
โปรแกรมมาใหม่ก็ต้องเข้าฟัง
โปรแกรมเดิมทดลองใช้ก็เฝ้า error มีระยะเวลา update
ตังค์เยอะมาก ข้าว ขนมก็ไม่ต้องซื้อ สถานที่ ๆ ไปทำงาน
เขามักจะเลี้ยง ทำกับข้าวมาเผื่อ ถ้ารู้ว่าพรุ่งนี้มาอีก😊
แต่โดดเดี่ยวมากเลย
ไปลาออกดีกว่า :
ตอนนั้นคิดว่าอยากทำงาน office ที่ไม่ต้องวิ่งไปไหน
นั่งรถเมล์ไป office กินข้าวกับเพื่อนร่วมงาน
พบหน้าคนเก่า ๆ บ้าง เพราะที่ทำงานอยู่เจอคนใหม่ตลอดเวลา
เหตุผลลาออกไม่กล้าเขียน เพราะพี่ ๆ ที่ทำงานเก่าน่ารักทุกคน
เลยบอกแค่ว่าย้ายบ้าน 55+ เลยขอย้ายงาน (บ้าบอ)
พี่ๆเขาก็ใจดีถามว่าอยากทำงานใกล้ๆ บ้านไหมจะดูงานให้
ส่วนตัวเรามองว่าเอาเปรียบคนอื่นเขา ก็ขอบคุณพี่และบอกไม่เป็นไร
ยังไม่จบค่ะ ยังไม่ถึงอาชีพครู ยังไปผ่านอีกอาชีพนึงค่ะ
เป็นเลขานุการต่อมาค่ะ คราวนี้ก็ยังเดินทาง
แต่นั่งรถตู้ของเจ้านายค่ะ ก็ยังเดินทางอยู่ร่ำไป คราวนี้ไปพักที่ต่าง ๆ นานกว่าเก่าอีก...งานส่วนมากไปคนเดียวเลยทีนี้
จนสุดท้ายมาเป็นครูค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าจำเป็น
เพราะถูกผลักดันอย่างปฏิเสธไม่ได้
แต่ทุกวันนี้ทำทุกอย่างด้วยความรักในอาชีพค่ะ
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ ^^
ถ้ามีโอกาสจะมาเขียนถึงอาชีพที่ 2 และ 3 ค่ะ
💓🙏💓🙏💓
โฆษณา