17 ม.ค. 2021 เวลา 20:54 • กีฬา
จบไม่ลง ! หงส์เจ๊าผีเข้าโครงการแบ่งคนล่ะแต้ม
1
ลิเวอร์พูล เปิดบ้านรับมือ แมนฯ ยูไนเต็ด ในศึกแดงเดือด ยกแรก ประจำฤดูกาล 2020-21 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ศึกแดงเดือดล่าสุดนี้น่าจับตามอง
เป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสถานะของ "ปีศาจแดง" ที่เปลี่ยนไปจนก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้
แมนฯ ยูไนเต็ด นำเป็นจ่าฝูงด้วยผลงานที่เริ่มคงเส้นคงวามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กองเชียร์ "ปีศาจแดง" มีความหวังมากขึ้นในการได้เป็นผู้ชนะในแดงเดือดบ้างหลังเป็นเบี้ยล่างมาตลอดหลายปีหลังมานี้
บวกกับความจริงที่ว่า ลิเวอร์พูล ไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมรบเต็มอัตราศึก เพราะขาดเซนเตอร์แบ็กธรรมชาติในทีมทั้ง 3 คน ต้องใช้มิดฟิลด์มายืนขัดตาทัพ รวมถึงดาวรุ่งจากทีม ยู-23
"หงส์แดง" แข็งแกร่งเหลือเกินใน แอนฟิลด์ พวกเขาพกสถิติไร้พ่ายในบ้านในลีก 67 นัด ขณะที่ "ปีศาจแดง" ห้าวเหลือเกินนอก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพราะไม่แพ้ใครนอกบ้านในลีกติดต่อกัน 15 นัดเข้าไปแล้ว
ปรากฎว่าสุดท้าย ทั้งคู่แข็งแกร่งในแบบของตัวเองจนสุดท้ายทำอะไรกันไม่ได้ แบ่งแต้มกันไปด้วยสกอร์ 0-0
และที่คือประเด็นน่าสนใจจากเกมแดงเดือดล่าสุดที่ แอนฟิลด์
- เกมรุกฝืดไม่เลิก
มันเป็นเกมที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ ลิเวอร์พูล ทำประตูใน พรีเมียร์ลีก ไม่ได้ โดยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มี.ค. ปี 2005 เลยด้วย
บรรดาตัวหลักในแนวรุกยังอยู่กันพร้อมหน้าทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ แต่ทั้ง 3 คนกลับทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐานกันอย่างพร้อมเพรียง
ปกติแล้ว หนึ่งใน 3 คนนี้มักจะผลัดกันขึ้นมาโชว์ฟอร์มฮีโร่ยิงประตูชัยบ่อยๆ แต่มันกลับไม่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้
ฟีร์มิโน่ ได้โอกาสเหน่งๆ ในเขตโทษก็ยังดีไม่พอ ซาลาห์ กับ มาเน่ ก็คุกคามเกมรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้ ถึงขั้นที่เอาสลับฝั่งกันก็ไม่ได้เห็นผลอะไร
- ฟูลแบ็ก VS ฟูลแบ็ก
แบ็กขวา-ซ้ายของ ลิเวอร์พูล เล่นตามเกมของตัวเอง นั่นคือพยายามดันสูงขึ้นไปช่วยเหลือเกมรุกให้ได้มากที่สุด
แต่ทั้ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ไม่สามารถสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับ "ปีศาจแดง" ได้มากกอย่างที่คิด
การครอสบอลแทบไม่เข้าเป้า จังหวะแม่นๆ ของ โรเบิร์ตสัน ก็โดน แฮร์รี่ แม็คไกวร์ สกัดก่อนถึง ฟีร์มิโน่ เข้าชาร์จเต็มๆ
ขณะเดียวกัน ฟูลแบ็กของ "ปีศาจแดง" ทำได้ดีเกินคาดทั้ง 2 ฝั่ง เหมือนได้รับการกำชับมาว่าไม่ต้องเติมเกมรุก ให้ปักหลักในพื้นที่ตัวเองเป็นหลัก อารอน วาน-บิสซาก้า กับ ลุค ชอว์ โชว์ฟอร์มเด่นในการช่วยเหลือทีมตลอดทั้ง 90 นาที
- เกมรับเฉพาะกิจ
เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล ยังคงไม่ได้ โฌแอล มาติป หายเจ็บกลับมาประจำการหลังบ้านอีกครั้ง เป็นเหตุให้ต้องทำการตัดสินใจครั้งสำคัญในการจัดแนวรับ
ปรากฎว่า คล็อปป์ ยังวางใจ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในการจับคู่กับ ฟาบินโญ่ ปล่อยให้เซนเตอร์แบ็กธรรมชาติดาวรุ่งเป็นสำรองต่อไปก่อน
คล็อปป์ ปรับการจัดแนวรับด้วยการให้ ฟาบินโญ่ มายืนเซนเตอร์แบ็กฝั่งขวา หลักๆ แล้วก็คือเพื่อปิดกั้นช่องว่างระหว่างเขากับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่มักชอบเปิดพื้นที่เวลาเติมเกมรุกจนกลับลงมาไม่ทัน
ลิเวอร์พูล ไม่เสียประตู คู่ปราการหลังถือว่าทำผลงานได้ดี แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้า คล็อปป์ ได้ใช้ทั้งคู่ในตำแหน่งถนัดในแดนกลาง
- อลีสซง เซฟกู้ชีวิตหงส์
แม้ว่าแบ่งไปฝั่งละ 1 แต้ม แต่ต้องยอมรับว่าคนที่เสียดายกับการวืดคว้า 3 คะแนนเต็มย่อมเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด
"ปีศาจแดง" ไม่ได้ครองบอลมากมาย แต่ก็สร้างโอกาสเซตเกมขึ้นมาทดความเหนียวหนึบของ อลีสซง ได้หลายต่อหลายครั้ง
โดยเฉพาะในครึ่งหลัง อลีสซง งัดฟอร์มซูเปอร์เซฟป้องกันลูกยิงของทั้ง บรูโน่ แฟร์นานด์ส กับ ปอล ป๊อกบา
เป็นอีกครั้งที่ อลีสซง ตอกย้ำความสำคัญของตัวเขาใน แอนฟิลด์ เพราะนอกจากจังหวะเซฟแล้ว ยังมีการอ่านเกมจนออกไปตัดบอลสวยๆ ได้อีกหลายครั้งด้วย
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา