20 ม.ค. 2021 เวลา 01:50 • ปรัชญา
เคยถูกบังคับให้เข้าร่วมโครงการ"คนละครึ่งแบบไม่เต็มใจ"
สัญญากับตัวเองมาตลอด ว่าวันใดฉันโตพอที่จะกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้ ฉันจะไม่บังคับใครให้แชร์คนละครึ่งฉันจะให้เขาเต็มร้อยไปเลยเพราะไม่อยากให้ใครต้องมาทนรับกับสิ่งที่ได้" เพียงคนละครึ่ง "เท่านั้น
คำสัญญาที่1.# ถ้าไม่พร้อมจะไม่มีลูก
ยังจำได้สมัยเมื่อยังเป็นเด็กต้องนอนร้องไห้ เพราะเสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกัน เสียงบ่นว่าที่มีให้ฟังทุกวัน เสียงถกเถียงแก้ตัว ที่ร้ายแรงที่สุดคือแบ่งลูกกัน"คนละครึ่ง"(ทันสมัยมัยละ) 2:2 คนโต 1,2ไปกับพ่อ 3,4อยู่กับแม่ เราเป็นคนโตและน้องชายคนที่สอง ให้ไปกับพ่อ ทั้งสองคนไม่ถามสักนิดว่าอยากไปมัย เพราะคนที่ไปกับพ่อต้องออกจากบ้าน ความเจ็บปวดจากคนละครึ่ง ครั้งแรกในชีวิต
1
คำสัญญาที่2. ถ้ามีลูกจะเข้าใจลูกให้มากที่สุด
ฉันสัญญากับตัวเองว่าจะให้ชีวิตที่ดีสุดกับลูก เพื่อให้ลูกของฉันไม่เกิดเหตุการณ์เหมือนที่เคยเจอมาก่อน จะไม่ทะเลาะกับแฟนเพื่อจะถามว่าเมื่อคืนเขาไปไหน ทำไมไม่กลับบ้าน จะไม่ถามว่า สิ้นเดือนนี้จะทำยังไง เมื่อค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ หนี้สินที่มี คนที่เคยยืมเงินไป ไม่กล้าทวงแต่กล้าให้ยืม ฉันเตือนแล้วก็ไม่ยอมฟัง ถ้าจะให้ใครยืมไปต้องคิดว่าเงินส่วนนี้คือสูญ แต่มิตรภาพยังคงเดิมทำได้มัย กับหนึ่งเหตุการณ์ ที่เราต้องแบ่งความรู้สึกคนละครึ่ง กับความปรารถนาที่ต้องการ กับสิ่งที่ได้รับ "คนละครึ่งทาง"..เสมอ
1
เมื่อฉันต้องเป็นพ่อแม่ ย่อมแตกต่างกับพ่อแม่ของเรา และลูกเราก็ไม่ใช่เรา (😥😅) แต่ละคนล้วนมีข้อจำกัดข้อดีข้อเสียและประสบการณ์ชีวิตแตกต่างกัน การเรียนรู้เกิดตาม ช่วงวัยหรือช่วงอายุของแต่ละคน และด้วยเหตุปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม หล่อหลอมให้เกิดบุคคลหนึ่งขึ้นมา มีชีวิตจิตใจและความต้องการที่อาจไม่ทัดเทียม จะถูกแบ่งด้วยข้อจำกัดที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่เท่าเทียมกันตามเหตุและปัจจัย และเราจะผ่าน คนละครึ่งทางได้สิ่งสมปรารถนาที่สุด อย่างไร
1
จากคำสัญญาที่2. ถ้ามีลูกจะเข้าใจลูกให้มากที่สุด
1
แต่เมื่อวันที่เป็นจริงของชีวต ในวันนี้ เราได้รู้ว่า
ลูกมีความคิดแตกต่างจากเรา ลูกมีความเป็นตัวของตัวเอง
และการทะเลาะกันของผัวเมีย(พ่อ+แม่)เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
แม้ว่าเราอาจจะดีกว่าพ่อแม่คือไม่ทะเลาะกันทุกวัน เราทำได้คือหลายๆวันครั้ง และเราแยกห้องนอนกับลูก เราไม่ทะเลาะเสียงดัง(ยกเว้นสุดขีด)
เราไม่แบ่งลูกเพราะเรามีลูกคนเดียว
ลูกเป็นผู้ชาย และเราเป็นผู้หญิง ข้อแตกต่าง วิธีคิด และคนที่เลี้ยงดูต่างกันในทุกๆด้าน พ่อแม่เลี้ยงดูเราในสังคมเดิมๆ กับลูกที่เติบโตมาในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางวัตถุและสภาพสังคมสิ่งแวดล้อมที่ต่างออกไป
ความเข้าใจตามเหตุผลที่สมัยพ่อแม่รุ่นเก่าเคยใช้ ไม่สามารถนำมาใช้กับเด็กรุ่นใหม่ได้โดยตรง ต้องใช้เวลาถ่ายทอดและตัวผู้ถ่ายทอดต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องนั้น รวมถึงต้องเข้าใจตัวเองและเข้าใจลูก
3
@.สัญญาทั้ง2 ข้อนี้
×××สรุปทำไม่ได้××× และเพิ่งเข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เตรียมความพร้อมจะไม่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ ชีวิตคือสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาเป็นไดนามิก ( Dynamic) มันคือเส้นทางที่ต้องเดินไปให้ครบลูป(loop)
อาจจะกำหนดให้มีแผน 1, 2,3,4 เพื่อบรรลุเป้าหมายเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับความไม่สมหวัง ให้ทุกอย่างดำเนินต่อไป แม้จะไม่ได้เต็ม100%แต่เกินครึ่งก็นับมาดีแล้ว (สมหวังเพราะคิดว่าได้ครึ่งดีกว่าไม่ได้เลย)
1
3รอบกับการพยายามลงทะเบียนขอรับ"สิทธิคนละครึ่ง"ช่วยชาติ ก็ยังล้มเหลว😅😅😅
1
ตอบตัวเองว่ายังพยายามไม่พอ ด้วยเหตุและปัจจัยในชีวิต ความมุ่งมั่นที่จะทำต่อในทุกเรื่องเพื่อให้มีชีวิตรอด ภายใต้เงื่อนไขของการใช้ชีวิตบนโลกนี้ ภายใต้กฏกติกาที่เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย ต้องดูแลรักษาลมหายใจของตัวเองไว้
และสิ่งที่จะต้องคงอยู่ต่อไป คือชีวิตที่พร้อมด้วยสติปัญญาที่จะรักษาศีล5 เป็นเบื้องต้นกับทุกอย่าง ที่ต้องพบเจอไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต และฉันจะถ่ายทอดมันให้ลูกต่อไป เหมือนที่พ่อแม่ได้ถ่ายทอดมา และรอคอยสิ่งที่เป็นความปรารถนา(desinity) ก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนที่กำหนดคือชะตากรรม(destiny) ที่ตัวเอง สามารถเลือกได้ที่จะยอมรับแบบเต็มๆหรือคนละครึ่งเสมอ
ต้องมีสักวันที่ฝันเป็นจริง ตอนนี้ก็คนละครึ่งกับคนที่บ้านต่อไป😋😎
ขอบคุณที่กดไลค์ 👍แชร์ ติดตามคอมเมนต์ที่สร้างสรรค์
ขอบคุณภาพจาก
1
โฆษณา