DeFi ระบบการเงินใหม่ เพราะ Blockchain เป็นได้มากกว่า Bitcoin
ช่วงนี้ต้องบอกว่ากระแสของคริปโตเคอเรนซี่นั้นมาแรงจริง ๆ ครับ โดยเฉพาะบิท
คอยน์ที่มีราคาพุ่งขึ้นสูงกว่า 3 เท่าในเวลา 3 เดือน ทำให้ได้รับความสนใจจากนัก
ลงทุนและนักเก็งกำไรมากมาย ด้วยความผันผวนที่สูงทำให้สร้างโอกาสการทำกำไรได้สูงกว่าทรัพย์สินอื่น ๆ
แต่นอกจากกระแสด้านบวกแล้ว กระแสด้านลบนั้นก็แรงไม่แพ้กัน หลังจากที่มีนักลงทุนระดับโลกและนักวิชาการบางส่วนได้ออกมาเตือนว่าบิทคอยน์เป็นเพียงแค่การ
พนันเท่านั้น ไม่ใช่การลงทุนจึงเกิดการวิพากย์วิจารณ์กันในวงกว้าง
ซึ่งมันจะเป็นการลงทุนหรือไม่นั้นก็ไม่มีคำตอบที่ตายตัวขึ้นอยู่กับนิยามคำว่า “การ
ลงทุน” ของแต่ละคนที่แตกต่างกัน
แต่สิ่งที่ต้องยอมรับจริง ๆ ก็คือบิทคอยน์ไม่ได้สร้างกระแสเงินสดและผลผลิต (Productivity) เนื่องจากมันตั้งใจออกแบบมาให้เป็นสกุลเงิน (currency) ที่อยู่บนระบบ
บล็อกเชน
ทำให้บิทคอยน์ไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสายพื้นฐานที่ชอบซื้อธุรกิจมากเท่าไหร่นัก แต่นั่นไม่ใช่สำหรับ “DeFi” หรือ Decentralized Finance ที่เป็นรูปแบบ
การลงทุนของธุรกิจ ที่สร้างรายได้จากการดำเนินงานจริง ๆ
สัปดาห์ก่อนผมได้ไลฟ์พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เรื่อง DeFi กับพี่ต้นฮ้อ พลากร ยอดชมญาน CEO ของ KULAP ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน DeFi อันดับต้น ๆ ของเมืองไทย
ถือว่าเป็นไลฟ์ 1 ชม. ที่ความรู้อัดแน่นมาก ๆ จนอาจทำให้เพื่อน ๆ หลายคนที่ไม่ได้
คุ้นเคยกับคำศัพท์ในวงการเทคฯ มากนักอาจจะมึนงงได้
วันนี้ผมจึงได้สรุปเฉพาะประเด็นที่น่าสนใจจากไลฟ์ในภาษาง่าย เพื่อให้คุณได้เข้าใจและสามารถไปศึกษาต่อได้ด้วยตนเองครับ
Defi คืออะไร?
หากเหรียญคริปโตเปรียบเสมือน “สกุลเงิน” ของระบบใหม่แล้ว DeFi ก็เปรียบ
เสมือน “ธนาคาร” และสถาบันการเงินบนระบบบล็อกเชนนั่นเอง
โดยบล็อกเชนนั้นเป็นระบบที่ไม่มีตัวกลาง มันจึงเปิดโอกาสให้ทุก ๆ คนสามารถเป็นธนาคารได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่าธนาคารแบบดั้งเดิม
กำไรจากการลงทุนใน DeFi ที่สูงมาก ๆ ในระดับเกินกว่า 10% ต่อปีนั้นมาจากไหน ทำไมมันสูงได้ขนาดนั้น?
กำไรจาก DeFi นั้นมาจากการให้บริการแบบเดียวกับที่ธนาคารปัจจุบันทำอยู่ โดย
กลไกหลัก ๆ คือการยืมเงินของคนอื่นมาปล่อยกู้แล้วกินส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย
ถามว่าทำไมกำไรถึงสูงได้ขนาดนั้นก็อย่างที่ผมบอกไปว่า DeFi นั้นมีต้นทุนต่ำกว่า
ธนาคารแบบดั้งเดิม เพราะไม่ต้องมีค่าจ้างพนักงาน ค่าเอกสารหรือต้นทุนการเปิด
สาขาต่าง ๆ
ทำให้สามารถปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า แต่ให้ดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงกว่าใน
ระดับสูงถึง 6-12% ต่อปีได้ ในขณะที่กำไรสูงกว่าธนาคารทั่วไป
แล้วมันเสี่ยงแค่ไหนเชื่อถือได้หรือไม่?
อันนี้ต้องบอกตรง ๆ ว่าผมเองไม่ได้เชี่ยวชาญมากนัก แต่ตามที่ผมเข้าใจคือ DeFi
นั้นใช้ระบบ Smart Contract ที่อยู่บน Ethereum
ซึ่งได้รับการยอมรับจากบรรดาผู้คร่ำหวอดในวงการเทคฯ ว่ามีความปลอดภัยสูง
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เสี่ยงเลย เพราะแม้ระบบจะมีความน่าเชื่อถือ
แต่คุณก็สามารถขาดทุนจากมูลค่าของเหรียญที่อาจลดลง รวมถึงความเสี่ยงอื่น ๆ
ที่เกิดจากความ “ไม่รู้” หรือ “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” ได้
เพราะ DeFi นั้นยังถือว่าเป็นระบบที่ใหม่มาก ๆ พี่ต้นฮ้อบอกว่าตอนนี้ทั่วโลกมีเพียง 200,000 คนเท่านั้นที่รู้เรื่อง DeFi จึงไม่แปลกที่แอพพลิเคชันของมันจะไม่เป็นมิตร
กับผู้ใช้งานมากนัก มันจึงเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงของผู้ที่สนใจเข้าไปลงทุน
พี่ต้นฮ้อเสริมอีกว่าการที่คุณรู้จัก DeFi ตอนนี้นั้นเปรียบเสมือนการที่คุณได้รู้จัก
Bitcoin ในปี 2012 ที่ตอนนั้น 1 บิทคอยน์มีราคาเพียง 12 ดอลลาร์เท่านั้น ถึงคุณจะ
ไม่รู้เรื่องวันนี้แต่อย่างน้อยคุณก็มีโอกาสได้รู้จักมันก่อนคนอื่น
แล้วแบบนี้อนาคตของธนาคารดั้งเดิมจะเป็นอย่างไร ถ้าเงินถูกย้ายมา DeFi มาก ๆ จะทำให้ธนาคารหายไปหรือไม่?
พี่ต้นฮ้อบอกว่าระบบของธนาคารไม่ได้หายไปไหน ถ้าธนาคารดั้งเดิมปรับตัวได้ทันก็สามารถอยู่รอดได้ เพราะบล็อกเชนไม่ได้มาเพื่อฆ่าธนาคาร แต่แค่มาทำให้ระบบ
ธนาคารนั้นง่ายขึ้น
อธิบายให้เห็นภาพคือก่อนหน้านี้การมาของอินเทอร์เน็ตทำให้คุณสามารถส่งข้อมูลข้ามโลกได้อย่างรวดเร็วและไม่แพง แต่คุณยังไม่สามารถส่งมูลค่าผ่านข้อมูลได้
เพราะมันถูกปลอมแปลงได้ง่าย ธนาคารจึงต้องแบกรับต้นทุนมหาศาลเพื่อที่จะตรวจสอบธุรกรรมต่าง ๆ ให้ถูกต้องแม่นยำ
จนกระทั่งเกิดนวัตกรรมของบล็อกเชนที่ทำให้คุณสามารถส่งมูลค่าข้ามโลกได้อย่างรวดเร็วและไม่แพง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคุณจะเลิกใช้ธนาคารแล้ว เพียงแต่รูป
แบบของธนาคารจะเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยี
DeFi จึงถือเป็นสิ่งที่มีความน่าสนใจและมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต ด้วยอัตรากำไรที่สูงกว่าการลงทุนทั่วไปอย่างมากจะเป็นแรงดึงดูดให้นักลงทุนเข้า
มามากขึ้น ซึ่งจะยิ่งเป็นการส่งเสริมให้ DeFi เกิดการพัฒนา ทำให้คุณอาจได้เห็น
บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในระบบดั้งเดิม คุณรู้ไหมครับว่า
DeFi ทำให้คุณสามารถปล่อยกู้กันแบบเรียลไทม์เป็นรายวินาทีได้ ผมว่ามันก็เจ๋งดี
นะ
แต่ก็อย่างที่ผมเตือนไปว่าสถานการณ์ของ DeFi ตอนนี้ยังถือว่าอยู่ในช่วงฝุ่นตลบอยู่ ถ้าศึกษาไม่ดีก็เสี่ยงมากเช่นกัน ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนสนใจก็ลองไปทำการบ้านต่อนะ
ครับ
ผมอาจจะไม่ได้เชี่ยวชาญด้านนี้มากนักแต่เห็นว่าน่าสนใจก็เลยเอามาเล่าให้ฟัง
เพื่อน ๆ มีความคิดอย่างไรหรืออยากจะเสริมข้อมูลตรงไหน คอมเมนท์ด้านล่างมา
แลกเปลี่ยนความรู้กันนะครับ
.
แอดปุง
- 249
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
