19 ม.ค. 2021 เวลา 12:30 • กีฬา
เอฟซี ฮัวเรซ : ทีมที่เรียกตัวเองว่าอันธพาลจากเมืองที่ "โฉด" ที่สุดในโลก | MAIN STAND
สโมสรฟุตบอลทุกสโมสรย่อมมีฉายาที่ใช้เรียกทีมของตัวเอง และส่วนใหญ่ฉายานั้น ๆ จะตั้งมาจากจุดเด่น, ความรุ่งเรือง และเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันหาจากที่อื่นไม่ได้ ชนิดที่ว่าได้ยินฉายาก็ต้องร้องอ๋อว่านี่คือชื่อของทีมใด
อย่างไรก็ตามในฟุตบอลลีกประเทศเม็กซิโก มีทีม ๆ หนึ่งที่ถูกคนอื่น ๆ ตั้งฉายาให้ว่า "เอล คาร์เทล" หรือ "ไอ้พวกแก๊งอาชญากร" ทีมนั้นคือ เอฟซี ฮัวเรซ สโมสรเล็ก ๆ ที่เกิดใหม่ละแวกพรมแดน สหรัฐอเมริกา และ เม็กซิโก
จาก เอล ปาโซ ถึง เท็กซัส นี่คือทีมที่ใครต่อใครมองว่าเป็นการรวมตัวของพวกจิ๊กโก๋และพวกผู้มีอิทธิพล ... แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ฉายาที่ดูเหยียดหยาม และการตั้งอยู่ในเมืองที่มีคดีอาชญากรรมมากที่สุดของโลก มีอะไรที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น
รู้จัก เอฟซี ฮัวเรซ, ฟุตบอล และ ปณิธานของพวกเขาได้ที่นี่
เหตุผลที่ต้องทำทีมฟุตบอล
เมือง เอล ปาโซ่ ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่มีชายแดนติดกับประเทศเม็กซิโก ดังนั้นในเมือง ๆ นี้จึงมีคนเชื้อสายเม็กซิกันอาศัยอยู่มากมายถึง 1.8 ล้านคน และคาดว่าจะมากกว่านี้ในระดับสองเท่า หากรวมเอากลุ่มคนที่แอบเข้าอเมริกามาแบบผิดกฎหมายด้วย
พื้นที่พรมแดนเม็กซิโก-สหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นเหมือนพื้นที่ทองคำสำหรับ "คาร์เทล" หรือเหล่าแก๊งอาชญากร ไม่ว่าในเชิงการค้ามนุษย์และยาเสพติด หากฝั่งอเมริกามี เอล ปาโซ ฝั่ง เม็กซิโก ก็ต้องมี ฮัวเรซ เมืองที่อยู่ตอนเหนือสุดของรัฐซินาลัว หนึ่งในดินแดนแห่งยาเสพติด ที่หากใครติดตามข่าวต่างประเทศ หรือได้ชมภาพยนตร์แนวมาเฟียเม็กซิกันอย่าง Narcos หรือ El Chapo ก็คงจะได้ยินชื่อเสียงเรียงนามเมืองและรัฐนี้อยู่บ่อย ๆ พวกเขาใช้ ฮัวเรซ เป็นพื้นที่สำหรับการหลบหนีเข้าเมืองสำหรับคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเดือดร้อนจริง ๆ หรือแค่อยากจะเข้าอเมริกาเพื่อไปขนส่งของผิดกฎหมาย ไม่ก็ยาเสพติด ล้วนแต่ต้องผ่านพรมแดนที่ ฮัวเรซ และเข้าที่ เอล ปาโซ ทั้งสิ้น
"พวกเขาอพยพเข้ามาที่นี่ด้วยการข้ามพรมแดนในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเมืองฮัวเรซกำลังขยายตัว พวกเขาเข้ามาเป็นชาวนาชาวไร่ และมาเพื่อเป็นแรงงานประกอบสเตอริโอ, โทรทัศน์ และชิ้นส่วนรถยนต์" วิคเตอร์ มานฮาร์เรซ คอลัมนิสต์ของ El Paso Times กล่าวถึงเหตุผลที่ ฮัวเรซ เป็นเมืองที่ดึงดูดชาวเม็กซิโกผู้ต้องการข้ามพรมแดน
1
ในช่วงปี 2008-2011 สื่ออย่าง BBC สรุปความว่า ในพื้นที่ชายแดนนี้มีคนเสียชีวิตจากการสังหารและการต่อสู้ระหว่างแก๊ง 3,700 คน โดยเฉพาะในเขตท้องถิ่นที่พื้นที่สีแดง ชีวิตประจำวันของคนที่นั่นจมอยู่กับการนองเลือดและความวุ่นวายได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต, งานแต่งงาน หรือ งานเลี้ยงวันเกิดของกลุ่มวัยรุ่น ล้วนแต่เคยเป็นสถานที่สำหรับการสังหารหมู่มาแล้วทั้งสิ้น
สิ่งที่แน่นอนที่สุดในทุก ๆ ที่คือ จงอย่าตัดสินพวกเขาด้วยการเหมารวม มีอีกหลายครอบครัว และอีกหลาย ๆ คนที่นั่นที่ไม่ได้ชื่นชอบการทำผิดกฎหมายและฆ่ากันตายรายวัน พวกเขาแค่อยากใช้ชีวิต อยากมีความฝัน และอยากมีอนาคตที่ดีห่างไกลจากสิ่งที่อยู่รอบตัว ที่ไปแตะเมื่อไหร่ชีวิตพังพินาศเมื่อนั้น
แล้วจะมีกิจกรรมอะไรที่เป็นศูนย์รวมใจคนรักดีได้มากเท่ากับ "กีฬาฟุตบอล" สำหรับ เม็กซิโก นั้น แม้จะมีแชมป์มวยสากลระดับโลกมากมาย แต่พวกเขาก็บ้าฟุตบอลกันเต็มขั้น ประเทศนี้มีลีกอาชีพก่อตั้งมาแล้วหลายสิบปี และมีทีมใหญ่ที่เคยไปถึงขั้นคว้าแชมป์ระดับทวีปมากมาย และที่ ฮัวเรซ ก็เคยมีทีมฟุตบอลที่เป็นศูนย์รวมใจของผู้คนอยู่เมื่อครั้งอดีต แต่ติดตรงสโมสรที่ชื่อว่า "อินดิโอส เดอ ซิอูดัด ฮัวเรซ" ไม่ใช่ทีมที่แข็งแกร่งทั้งในแง่ผลการแข่งขันและอันดับในตาราง ไม่ได้มีเงินทุนทำทีมมากมาย และมีการอ่อนแอด้านการบริการ จึงทำให้ที่สุดแล้ว "สนามหญ้าแห่งความฝัน" ของพวกเขาต้องถูกยุบทีมในปี 2012 หลังทำผิดกฎทั้งเรื่องการเงินและบริหาร
Photo : www.milenio.com
"ความรุนแรงทะลักเข้ามาในพื้นที่ของสนามฟุตบอล ในปี 2010 โค้ชเยาวชนของทีมถูกสังหาร จากนั้นสโมสรก็ยืนต่อไม่ไหว พวกเขามีหนี้สะสมจำนวนมาก ไม่มีเงินจ่ายนักเตะและทีมงาน เมื่อมาจนสุดทางพวกเขาตัดสินใจยอมแพ้ และทิ้งหลุมใหญ่ที่ชื่อว่าฟุตบอลให้กับชาวเมืองฮัวเรซ" บทความโดย Copa90 ว่าถึงทีม ฮัวเรซ เวอร์ชั่นแรก
ฟุตบอลจะตายจากที่นี่ไม่ได้ ดังนั้นมีกลุ่มนักธุรกิจสองสัญชาติจาก 6 ครอบครัวที่ถือเป็นตระกูลใหญ่จากทั้งสองฝั่งชายแดนอย่าง เอล ปาโซ และ ฮัวเรซ ตัดสินใจก่อตั้งสโมสรขึ้นมาในชื่อ เอฟซี ฮัวเรซ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของการคืนแสงสว่างให้กับฮัวเรซ หรือแม้แต่การสร้างทีมขึ้นมาเพื่อล่าความสำเร็จอย่างจริงจัง
อเลฮันดรา เดอ ลา เวก้า หนึ่งในผู้บริหารและผู้ก่อตั้งทีมนี้ มีปูมหลังมาจากการเป็นวิศวกรอุตสาหกรรม แม้เธอจะเป็นผู้หญิง แต่เธอได้รับการซึมซับเรื่องฟุตบอลจาก เฟเดริโก้ พ่อของเธอมาตั้งแต่เด็ก เธอนั่งแท่นผู้บริหารของ เอฟซี ฮัวเรซ และเป็นทีมแรกที่มีผู้บริหารเป็นผู้หญิง และวางวิสัยทัศน์ว่า เอฟซี ฮัวเรซ จะเล่นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และให้การศึกษาแก่ผู้คนในเมืองแห่งความรุนแรงนี้ ที่เธอจะทำให้ทีมนี้ "เป็นความสุข" ชนิดที่ว่าทุกคนในเมืองไม่อาจปฏิเสธการให้ความสนับสนุนได้
Photo : www.record.com.mx
"ฉันไม่เห็นอุปสรรคเพราะเรื่องเพศสภาพ ฉันจะกระโดดข้ามพวกเขา (ผู้บริหารทีมอื่น ๆ ที่ดูถูกเรื่องการบริหารของผู้หญิง) เพื่อทำให้พวกเขาตาสว่าง ฉันรอว่าหากวันใดฉันทำให้พวกเขาต้องทำหน้าเจื่อนเพราะฉันเป็นผู้หญิงได้ พูดตรง ๆ ว่าฉันไม่สนสักนิด"
"ฉันเป็นพวกเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ (เสพติดความสมบูรณ์แบบ) หมกหมุ่นในรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อหาวิธีปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ ให้ตรงกับวิสัยทัศน์ที่เรามี" อเลฮานดรา กล่าวกับ Goal.com
สนามฟุตบอลและสโมสรแห่งนี้จะปลอดจากความรุนแรง นี่คือปณิธานข้อแรกของ อเลฮันดรา และจากนั้นพวกเขาจะใช้ทุกทักษะการบริหารสโมสรให้สามารถกลายเป็นทีมที่มีผลการแข่งขันจับต้องได้ในภายหลัง ... ปี 2015 เอฟซี ฮัวเรซ เริ่มออกสตาร์ทพร้อมกับแสงแห่งความหวังของผู้คนในเมืองนี้อีกครั้ง
ล้มมันให้หมด
ทันทีที่ เอฟซี ฮัวเรซ กลับมาเปิดตัว มีแฟนบอลเก่า ๆ มากมายกลับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสโมสร แฟนบอลของพวกเขามีทั้งคนเม็กซิกันท้องถิ่น หรือคนที่มาจากฝั่ง เอล ปาโซ ในสหรัฐอเมริกา
Photo : www.elpasotimes.com
"มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าใครเลวที่สุด ใครเป็นคนชักปืนออกมายิงใส่ก่อน แต่ผู้คนที่นี่มักจะอยู่ผิดที่ผิดเวลาไปเสียหมด" มิเกล การ์บาฮัล แฟนบอลของ เอฟซี ฮัวเรซ รายหนึ่งเชื่อว่าเมืองนี้ไม่ได้เลวร้าย แค่พวกเขาไม่มีพื้นที่ที่ปลอดภัยและสร้างความหวังกับความฝันมากกว่า
"ความรุนแรงในเวลานั้นมันครอบคลุมไปทั่วไปหมด มันรุกล้ำเข้ามาทุก ๆ ที่ จนพวกเราไม่อยากจะออกจากบ้านของตัวเองเลยด้วยซ้ำ" โฮเอล เบอร์โรล่า นักเตะของทีม เอฟซี ฮัวเรซ กล่าวเสริมในสารคดี Football in the Murder Capital of the World: The FC Juarez Story
สนามเหย้าของพวกเขามีความจุ 19,000 คน นั่นมากโขสำหรับทีมที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ แต่สำหรับ เอฟซี ฮัวเรซ ที่เน้นเรื่องการสำนึกรักบ้านเกิด การสร้างประกายความหวัง และการสร้างพื้นที่ปลอดภัย แค่การก่อตั้งทีมเพียงปีแรก ผู้คนก็หลั่งไหลเข้ามาในสนามถึง 6,000 คนต่อเกมโดยเฉลี่ยเลยทีเดียว
การเกิดขึ้นของกลุ่มแฟนบอลที่เรียกตัวเองว่า "แฟนเดนตาย" มีมากขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ชัดเจนว่านโยบายการสร้างทีมของผู้บริหารของ เอฟซี ฮัวเรซ นั้นเดินมาถูกทาง อัลวาโร่ นาบาร์โร่ รองประธานของสโมสรของทีมเชื่อว่า หากแฟนบอลท้องถิ่นและต่างถิ่นตื่นตัวกับการเกิดใหม่ของ ฮัวเรซ ทีมบริหารจะสามารถมองภาพให้กว้างยิ่งกว่าที่เคย นั่นคือการวางรากฐานการเงินที่มั่นคง เพื่อช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จในระยะยาว
Photo : FC Juárez
"สโมสรเราก่อตั้งขึ้น และกำลังเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ กับชีวิตของผู้คนทั้งเมือง คนในประเทศเม็กซิโกมองเราเปลี่ยนไป และเช่นกัน ในระดับสากลด้วย" นาบาร์โร่ กล่าว
"เรากำลังจะลงทุนครั้งใหญ่ โดยมีกลุ่มทุนจากครอบครัวใหญ่ในภูมิภาคนี้ทั้ง เอล ปาโซ และ ฮัวเรซ เราจะดึงเอาผู้เล่นฝีเท้าดีเข้ามา และทำให้พวกเขาเชื่อว่าชีวิตที่นี่ไม่ได้อันตราย"
1 ปีหลังจากก่อตั้งสโมสร เอฟซี ฮัวเรซ มาเริ่มเล่นในระดับดิวิชั่น 3 และสามารถเลื่อนชั้นได้ในทันที การเห็นความสำเร็จแบบใกล้ ๆ ยิ่งทำให้อารมณ์ร่วมของคนท้องถิ่นสูงขึ้นมาก แฟนบอลที่นี่รวมกลุ่มกันและตั้งฉายาให้ทีมว่า "เอล คาร์เทล" ซึ่งแปลว่า "แก๊งอันธพาล" แม้จะดูเป็นฉายาที่ไม่ค่อยจะดูดีเท่าไรนัก แต่มันกลับมีวาระซ่อนอยู่
"ฉายาของทีมเราอาจจะดูว่าส่งเสริมความรุนแรง แต่ความจริงแล้วนโยบายของทีมเราชัดเจนมากเลยนะ พวกเราอยากเห็นสันติภาพไปพร้อม ๆ กับฟุตบอล" โทมัส อเกวโร่ ชาวเม็กซิกันที่ทำงานในเอล ปาโซ ที่เดินทางตามไปเชียร์ เอฟซี ฮัวเรซ ทุกนัดไม่ว่าจะเกมเหย้าหรือเยือนกล่าว
Photo : www.elpasotimes.com
"เราเอาคำว่า คาร์เทล มาเป็นฉายา เพราะเราอยากจะทำให้ทุกคนเห็นการเปลี่ยนแปลงของเมืองนี้ที่ชัดเจน เรามีกิจกรรมมากมายเพื่อสร้างประโยชน์ให้ชุมชม เรามีการเดินขบวนเพื่อเน้นย้ำถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นที่นี่"
"เรารู้ว่าที่นี่ยังมีฆาตกรรมและศพไม่น้อย แต่ไม่ว่าข้างนอกจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อวันแข่งขันมาถึง พวกเราทุกคนจะลืมทุกอย่าง หลีกหนีออกจากความเป็นจริง และอยู่กับ 90 นาทีในสนาม ฟุตบอลทำให้พวกเรามีจุดมุ่งหมายและมีแรงจูงใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป" อเกวโร่ กล่าว
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แฟนบอลเดนตายอย่าง อเกวโร่ และอีกหลายพันคนเกิดขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็วเป็นเพราะนโยบายที่กล้าลงทุน เอฟซี ฮัวเรซ ใช้เวลาปีเดียวขึ้นดิวิชั่น 2 หลังจากนั้นใช้เวลาอีก 3 ปีเพื่อขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 หรือลีกสูงสุดของประเทศ และจากนั้นพวกเขาก็ไม่เคยมองกลับมาที่เดิมอีกเลย ... ตอนนี้ เอฟซี ฮัวเรซ ต้องการ "แชมป์ระดับประเทศ" แล้ว ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเป้าหมายที่กล้าหาญมากสำหรับทีมที่ก่อตั้งสโมสรได้เพียง 5 ปีเท่านั้น
การเติบโตที่ยั่งยืนของทั้งเมือง
เอฟซี ฮัวเรซ มีการลงทุนกับนักเตะฝีเท้าดีหลายคนเข้ามาร่วมทีม หนึ่งในนั้นคือ มาร์โก ฟาเบียน ตัวรุกทีมชาติเม็กซิโก ที่ถือว่าเป็นเบอร์ต้น ๆ ของประเทศ แม้ ณ ปัจจุบันพวกเขาอาจจะยังห่างไกลอย่างทีมหัวแถวอย่าง มอนเตอร์เรย์, คลับ อเมริกา และ ชีวาส กัวดาลาฮารา แต่พวกเขาก็เดินทีละก้าวอย่างมั่นคง พวกเขาค่อย ๆ สร้างสโมสรไปกับชุมชน
Photo : latinus.us
"ตอนนี้เรามี 5-6 ครอบครัวที่ดูแลสโมสรนี้ เราสร้างทีมเยาวชน และทีมเครือข่ายอื่น ๆ มากมายเพื่อให้เข้าถึงและสร้างความหวังให้กับผู้คนในฮัวเรซมากกว่าที่เราเคยทำ ทุกครั้งที่มีการประชุม ไม่มีผู้บริหารคนไหนที่อยากจะหยุดทีมไว้ตรงนี้ เรามองไปข้างหน้า เราอยาจะประสบความสำเร็จในฐานะสโมสร และการสื่อสารกับผู้คน เราคิดว่าเราเริ่มมีองค์ประกอบที่ดี และหลายสิ่งกำลังไปได้สวยเลย เราหวังว่ามันจะอยู่กับเราในระยะยาว" รองประธาน นาบาร์โร่ กล่าว
ตอนนี้ผู้เข้าชมเกมในสนามของ ฮัวเรซ เพิ่มขึ้นเป็น 9,000 คนต่อนัดโดยเฉลี่ย เติมโตกว่าเดิมมากถึง 50% ขณะที่ในการแข่งขันเมื่อปี 2019 พวกเขาได้เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยในการเจอกับ คลับ อเมริกา แม้เกมนั้นจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ แต่มีสถิติการเข้าชมเกมของแฟน ฮัวเรซ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร นั่นคือ 20,000 คน นอกจากนี้นายกเทศมนตรีแห่งเมืองฮัวเรซ อาร์มันโด คาบาด้า ยังลงทุนถ่ายทอดสดผ่านจอยักษ์กลางอนุสาวรีย์ The X ให้แฟนบอลทั้งเมืองเข้าชมแบบฟรี ๆ อีกด้วย
Photo : www.milenio.com
เกม ๆ นั้นเป็นเหมือนการส่งสัญญาณบอกผู้คนในเมืองฮัวเรซว่า ทีมฟุตบอลในดินแดนจิ๊กโก๋แห่งนี้กำลังเดินหน้าออกจากความรุนแรง มุ่งไปสู่การเติบโตอีกหนึ่งก้าว พวกเขาสามารถเป็นสโมสรที่ดีได้ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ใครก็บอกว่าติดลบ สิ่งสำคัญที่สุด คือทุกชีวิตต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่ฝัน และมีการวางแผนที่ดี สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ก็อาจจะมีโอกาสเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย
"ชาวเมืองทุกคนต้องการฟุตบอลในเมืองนี้ สำหรับผม การมีสโมสรฟุตบอลในเมือง มันเป็นสัญลักษณ์ของการมีชีวิต ฟุตบอลเหมือนวิตามินหรือยาชูกำลังของทุกชีวิต มันเหมือนงานปาร์ตี้ที่ทำให้พวกเขาชุ่มชื่นหัวใจ" โรเบิร์ต แอนดรูว์ พาวล์ นักเขียนชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในเมือง ฮัวเรซ กล่าว
หากไร้ซึ่งความหวังแล้ว ก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร ... เอฟซี ฮัวเรซ อาจจะเพิ่งก่อตั้งสโมสร แต่ก็กลายเป็นส่วนสำคัญในการเติมเต็มชีวิตของผู้คนที่นี่ อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็ได้รู้ว่า ที่นี่ไม่ได้สิ้นหวัง เต็มไปด้วยอาชญากรรม, ความรุนแรง และยาเสพติดอย่างเดียว ที่นี่ยังมีทีมฟุตบอลที่หิวกระหายความสำเร็จ ไม่ใช่เพื่อเงินทอง แต่เพื่อส่งมอบความสำเร็จที่ได้มาให้กับผู้คนเมืองนี้อีกที ...
"เมื่อคุณสามารถเป็นความหวังให้กับผู้คน คุณสร้างความหวังให้กับพวกเขาได้ ผู้คนเหล่านั้นได้รับมันไป เมื่อนั้นทุกสิ่งจะเริ่มเปลี่ยนแปลง ... นี่คือความแตกต่างที่ขับเคลื่อนด้วยฟุตบอลของเรา" รองประธาน นาบาร์โร่ กล่าวทิ้งท้าย
Photo : FC Juárez
อย่างน้อย ๆ ก็มีเด็กที่นี่อีกหลายร้อยคนที่เข้ามาอยู่ในระบบเยาวชนของ เอฟซี ฮัวเรซ และสังกัดทีมสมัครเล่นอื่น ๆ ที่อยู่ในการดูแลของทีม เด็กหลายร้อยคนเหล่านี้เลือกสวมรองเท้า หันหน้าเข้าหาสนามฟุตบอล แทนที่จะจับปืนและหันหน้าเข้าหาสงครามแก๊ง เพราะการไร้ทางเลือกเหมือนในอดีต ... ความหวังพาพวกเขามารวมตัวกันที่ เอฟซี ฮัวเรซ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าการเปลี่ยนแปลงของสโมสรและเมือง ๆ นี้ จะสามารถไปได้ไกลขนาดไหนเท่านั้นเอง ...
บทความโดย ชยันธร ใจมูล
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา