20 ม.ค. 2021 เวลา 04:00 • ธุรกิจ
Netflix เผยผลประกอบการไตรมาส 4 มียอดสมาชิกแตะ 200 ล้านบัญชี และทำราคาหุ้นพุ่งขึ้น 12%
ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 (ต.ค. - ธ.ค. 2020)
Netflix มีรายได้ 199,124 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เล็กน้อยที่ 198,585 ล้านบาท
และมีกำไร 16,244 ล้านบาท ลดลง 7.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน
สรุปแล้วทั้งปี 2020
Netflix มีรายได้ 749,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.0%
มีกำไร 82,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.9%
ที่สำคัญคือ ในไตรมาสที่ 4
Netflix มียอดจำนวนบัญชีสมาชิกใหม่ (Paid Memberships) เพิ่มขึ้นถึง 8.5 ล้านบัญชี
สูงกว่านักวิเคราะห์คาดไว้อย่างมาก คือที่ 6.5 ล้านบัญชี
ทำให้ ณ สิ้นปี 2020 Netflix มีผู้ใช้งานรวมทั้งหมดเป็น 203.7 ล้านบัญชี
ซึ่งมากกว่าไตรมาสก่อนหน้า 4.3%
และนับเป็นหนึ่งในตัวเลขประวัติศาสตร์ของบริษัท เพราะมียอดสมาชิกแตะ 200 ล้านบัญชีเป็นครั้งแรก
หลังจากที่แตะ 100 ล้านบัญชี ในปี 2017
โดยหนึ่งในปัจจัยที่ดึงดูดให้คนมาสมัครสมาชิกกับ Netflix กันมากขึ้น
คือ คอนเทนต์ชื่อดังต่างๆ ที่แพลตฟอร์มได้เปิดตัวให้รับชมกัน เช่น The Queen’s Gambit
ถ้าเจาะในรายละเอียด จำนวนบัญชีสมาชิก จะแบ่งตามภูมิภาคได้ดังนี้
สหรัฐฯ และแคนาดา (UCAN) จำนวน 73.9 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 1.2%
ยุโรป, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) จำนวน 66.7 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 7.2%
ละตินอเมริกา (LATAM) จำนวน 37.5 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 3.4%
เอเชียแปซิฟิก (APAC) จำนวน 25.5 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 8.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
จะเห็นได้ว่า ภูมิภาค EMEA และ APAC มีอัตราการเติบโตดีสุด
ส่วนภูมิภาค UCAN แทบจะไม่เติบโต ซึ่งอาจเป็นเพราะตลาดค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว หรือ เผชิญกับการแข่งขันที่สูงจากผู้เล่นรายอื่น เช่น Disney+, HBO Max, Hulu
1
ทั้งนี้ ปกติ Netflix จะใช้กระแสเงินสดของบริษัท และจัดหาเงินทุนจากภายนอก เป็นจำนวนมาก
เพื่อนำมาลงทุนสร้างคอนเทนต์ของตัวเอง หรือ ที่เรียกว่า Original Content
ทำให้กระแสเงินสดอิสระ ของบริษัทเป็นลบอยู่เสมอ (เงินออกมากกว่าเงินเข้า)
และบริษัทมีหนี้สินเป็นจำนวนค่อนข้างมาก ซึ่งปัจจุบันมีหนี้สินระยะยาวอยู่ 473,800 ล้านบาท
แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 บริษัทต้องหยุดลงทุนสร้างคอนเทนต์ชั่วคราว
ทำให้กระแสเงินสดอิสระ ของบริษัทเป็นบวก (เงินเข้ามากกว่าเงินออก) ในไตรมาสที่ 1, 2 และ 3 ในปี 2020
ซึ่งพอถึงไตรมาสที่ 4 Netflix ก็เริ่มกลับมาลงทุนสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ ในบางภูมิภาค
ทำให้กระแสเงินสดอิสระ ของบริษัท กลับมาเป็นลบอีกครั้ง
อย่างไรก็ดีทาง Netflix ได้ประกาศว่า การดำเนินงานของบริษัทกำลังใกล้ถึงจุดคุ้มทุนแล้ว
ซึ่งเป็นจุดที่ บริษัทสามารถสร้างกระแสเงินสดอิสระ ได้เพียงพอต่อการนำไปลงทุนสร้างคอนเทนต์ของตัวเอง
โดยไม่จำเป็นต้องจัดหาเงินทุน หรือ กู้ยืมเงินจากภายนอก อีกต่อไป
นอกจากนี้ Netflix ยังกล่าวอีกว่า อาจนำกระแสเงินสดอิสระส่วนเกินที่เหลือจากการดำเนินงาน
ไปซื้อหุ้นคืนอีกด้วย เพื่อลดจำนวนหุ้นในตลาดลง และทำให้กำไรต่อหุ้นสูงขึ้น (เพราะจำนวนหุ้นที่หารน้อยลง)
ซึ่งจะทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของ ราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น นั่นเอง
ทั้งเรื่องผลประกอบการที่ดีเกินกว่าคาด
เรื่องกระแสเงินสดอิสระ กำลังใกล้ถึงจุดคุ้มทุน และเรื่องซื้อหุ้นคืน
ทำให้ล่าสุด ราคาหุ้นของ Netflix พุ่งขึ้นทันที 12.3% ในช่วงซื้อขายนอกเวลาทำการ
หรือคิดเป็น มูลค่าบริษัทที่เพิ่มขึ้นกว่า 818,000 ล้านบาท ภายในวันเดียว..
โฆษณา