24 ม.ค. 2021 เวลา 17:10 • ความคิดเห็น
ยิ่งเส้นทางสู่จุดหมายปลายทางยิ่งไกลเท่าไหร่ แน่นอนว่าการเดินในระหว่างทางแบบไม่มีแผนหรือวิธีคิดเลย มันก็เหมือนกับการเดินทางแบบไม่มีแผนที่และเสบียงไว้ประทังชีวิตระหว่างทาง ซึ่งก็มีโอกาสสูงที่จะไปไม่ถึงเป้าหมาย
การที่จะยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จได้มันก็เป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่ก็เหมือนๆกับวิชาคณิตศาสตร์ที่เราเคยเรียนกันมาก่อน ซึ่งมันก็มีหลักการคิดในตัวของมันเองเพื่อที่จะทำให้เราแก้โจทย์นั้นได้โดยไม่ยากเย็นนัก
Fake it till you make it. = แกล้งทำจนกว่าจะทำมันได้จริงๆ
นี่คือวิธีคิดที่จะเพิ่มความมั่นใจและทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายกับสิ่งที่จะเจอระหว่างทางไม่ว่าจะดีหรือร้าย
ถ้าเราสามารถเลือกได้ว่าเราจะคิดบวกหรือคิดลบก็ได้ แล้วสิ่งที่คิดมันมีผลต่อปัจจุบันและอนาคตของเรา ถามว่าเราจะเลือกคิดแบบไหน
คำตอบส่วนใหญ่คงจะเป็นการเลือกคิดบวกกับตัวเองอยู่แล้ว ถ้าเลือกจะคิดบวกกับตัวเองก็จงคิดเข้าข้างตัวเองให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผลการวิจัยบอกว่า คนที่คิดเข้าข้างตัวเองเยอะๆจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่คิดลบกับตัวเองตลอดเวลา มันสมเหตุสมผลที่สุดถ้าลองมาคิดดีๆแล้ว
เรามีภาพตัวเราเองในหัวของเราเป็นแบบไหน เราอยากให้ตัวเราเป็นแบบไหนในอนาคต ก็ให้คิดว่าสิ่งที่เราต้องการจะเป็นนั้นเรากำลังเป็นมันอยู่ในตอนนี้ ให้คิดว่าเรามีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะคว้าอะไรก็ได้มาไว้ในมือ เป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น
เอาง่ายๆ ถ้าเราอยากจะไปถึงจุดสูงสุดของยอดเขา เราไม่มีความจำเป็นจะต้องคิดว่าเราปีนเขาไม่เก่ง เพราะถ้าเราคิดแบบนั้น เราคงไม่มีวันไปถึงจุดที่สูงที่สุดของยอดเขาได้
ถ้าคนอื่นๆในเมืองของคุณสามารถมั่งคั่งขึ้นได้ คุณก็ทำได้
ถ้าสิ่งที่คุณอยากเป็นมันไม่ใช่สิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ คุณก็สามารถทำได้
ถ้าคนอื่นๆในโลกนี้มีสิ่งที่คุณอยากจะมีได้ คุณก็สามารถเป็นคนหนึ่งในนั้นที่สามารถมีมันได้เช่นกัน
Fake it till you make it. คือ การฝึกจิตใต้สำนึกให้คุ้นชินกับสิ่งที่เราพยายามจะบอกมัน จิตใต้สำนึกมันไม่สามารถแยกได้ว่าอันไหนความจริง อันไหนเรื่องโกหก จิตใต้สำนึกมันจะเชื่อสิ่งที่เราพยายามบอกกับมันอยู่ตลอดเวลา และพอจิตใจใต้สำนึกมันเชื่อได้อย่างสมบูรณ์ว่าสิ่งที่เราบอกกับมันคือความจริง สิ่งที่เราคิดก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
1
#ต้นไม้ความคิด
ติดตาม เพจต้นไม้ความคิด ช่องทางอื่นได้ที่
โฆษณา