26 ม.ค. 2021 เวลา 14:17 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ติดตามสังเวียน “ค้าปลีก&น้ำมันไทย”
PTTOR และ PTG มีดีตรงไหน อะไรต่างกัน ?
สวัสดีเพื่อนๆที่เข้ามาอยู่กับพวกเรา หุ้นพอร์ตระเบิด นะครับ ในช่วงนี้หุ้น IPO ที่กำลังมีความฮอตสุดๆนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นหุ้นอย่าง PTTOR ที่เพิ่งจะทำเอาเว็บธนาคารล่มไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมากับการเปิดจอง
สำหรับหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หุ้นตัวนี้เป็นที่นิยมนั้น ก็น่าจะเป็นความใกล้ชิดที่หลายๆคนเคยได้เข้าไปใช้บริการในปั้มน้ำมันของพวกเขามาอย่างยาวนาน
ซึ่งถ้ามองไปในตลาดแล้วเราจะพบว่ายังมีหุ้นอย่าง PTG ที่มีโมเดลธุรกิจคล้ายๆกันกับ PTTOR อยู่ด้วย
1
แต่หุ้นทั้งสองตัวนี้ก็ไม่ได้เหมือนกันไปซะทั้งหมด และในวันนี้พวกเราก็จะลองมาพูดถึง PTTOR กับ PTG ในเชิงเปรียบเทียบกันดู ว่า PTTOR และ PTG มีดีตรงไหน อะไรต่างกัน ?
และแน่นอนว่าธุรกิจหลักของหุ้นทั้งสองตัวนี้ที่มีความคล้ายกันมากๆก็คือธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน โดยในปัจจุบัน PTTOR นั้นจะมีสาขาของสถานีบริการน้ำมันอยู่ทั้งหมด 1,968 แห่งในไทย และ 329 แห่งในต่างประเทศ ในขณะที่ PTG มีอยู่ในประเทศไทยอย่างเดียว คือ 2,078 สาขา
1
ซึ่งถ้ามองในแง่ของสัดส่วนการตลาดแล้ว PTTOR ก็จะมีอยู่ถึง 41.2 % ในขณะที่ PTG มีอยู่ราวๆ 16.6% อ้างอิงข้อมูลจาก OPPDAY ของ PTG เมื่อไตรมาส 3 แต่ความแตกต่างข้อแรกของ PTG ก็คือพวกเขาจะมีสัดส่วนสาขาที่เราเรียกว่า COCO เป็นหลัก ในขณะที่ PTTOR จะเน้นสาขาในรูปแบบ DODO เป็นหลัก
และ COCO ก็จะย่อมาจากคำว่า Company Owned, Company Operated ซึ่งก็คือสถานีบริการน้ำมันที่ทางบริษัทเป็นผู้ลงทุนเอง โดยตัวบริษัทอาจจะต้องเหนื่อยกว่า ใช้เงินเยอะ และใช้เวลามากกว่าแต่ก็จะได้รับกำไรที่เยอะกว่าเป็นผลตอบแทน
1
ตรงกันข้ามกับ DODO ที่ย่อมาจากคำว่า Dealer Owned ซึ่งหมายถึงสถานีบริการน้ำมันที่ตัวบริษัทขายแฟรนไชส์ให้นักลงทุนมาดูแลทำเอง โดยจะมีข้อดีก็คือความมั่นคงและเงินลงทุนที่น้อยกว่า ขยายสาขาได้เร็วกว่า แต่ก็จะได้รับ % กำไรที่น้อยลงมาด้วยเช่นกัน
ซึ่งในปัจจุบัน PTG ก็จะมีสาขาในรูปแบบ COCO อยู่ถึง 75% ในขณะที่ PTTOR จะเน้นไปที่สถานีบริการน้ำมันแบบDODO อยู่ในสัดส่วนถึง 82% แต่ในตรงนี้ก็จะมีข้อดีข้อเสีนแตกต่างกันไปอย่างที่เราได้เล่าให้ฟังไปข้างบนนั่นเอง
ต่อมาจะเป็นธุรกิจที่สองก็คือธุรกิจ Non-oil ที่ทาง PTTOR จะมีหัวหอกหลักก็คือ Café Amazon ที่มีสาขาอยู่ทั้งหมดถึง3,168 แห่งและจะถือว่าเป็นแบรนด์กาแฟอันดับ 1 ของประเทศไทย ในขณะที่ PTG จะมีสาขาของร้านกาแฟคือ Coffee World และ กาแฟพันธุ์ไทย รวมกันอยู่ราวๆ 700 กว่าสาขา
1
ซึ่งตรงนี้ก็ดูเหมือนว่า PTTOR จะมีความหลากหลายมากกว่าในแง่ของธุรกิจ Non-oil เพราะจะมีทั้งแบรนด์ Jiffy, ฮั่วเซ้งฮงติ่มซำ, Texas Chicken, Daddy Dough และ FIT Auto อยู่ในเครือ
ในขณะที่ PTG จะมีซูเปอร์มาเก็ตคือ Max Mart ร้านกาแฟคือ Coffee World, กาแฟพันธุ์ไทย และศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ Autobacs แต่ก็จัดว่ามีความครบครันอยู่เหมือนกันครับ
และในมุมของสัดส่วนของแต่ละธุรกิจเทียบกับสัดส่วนจาก EBITDA แล้วก็จะพบว่า PTTOR มีสัดส่วน EBITDA จากธุรกิจ Non-oil อยู่ที่ 25% ในขณะที่ PTG มีอยู่ 5% ซึ่งตรงนี้ถ้าเปรียบเทียบเรื่องความเร็วในการเติบโตของธุรกิจ Non-oil แล้ว PTG น่าจะทำได้ดีกว่า
มาถึงในหัวข้อสุดท้ายคือการเปรียบเทียบในด้านมูลค่าหรือ Valuation กันบ้าง ซึ่งหุ้น 2 ตัวนี้ก็จะถือว่ามีระดับ P/E ใกล้เคียงกันอยู่มากเลยทีเดียวแต่ PTG จะมีค่า P/E ต่ำกว่าเล็กน้อยคือราวๆ 18 เท่า ในขณะที่ PTTOR จะมีอยู่ราวๆ24-27 เท่า ซึ่งตรงนี้ก็พอจะเข้าใจได้ครับว่า PTTOR จะต้องแพงกว่าแน่นอนในฐานะของการเป็นอันดับ 1 ที่ใครๆก็ต้องรู้จัก
1
แต่หากมองอีกมุมหนึ่งแล้ว PTG ก็จัดว่าเป็นเจ้าของสถานีบริการน้ำมันเองหรือมีสัดส่วนของสถานีบริการน้ำมันแบบCOCO อยู่เยอะกว่า ดังนั้นถ้าหากว่าค่าการตลาดของน้ำมันในปีนี้มีการปรับตัวขึ้น PTG ก็น่าจะ Enjoy ได้มากกว่ากับประเด็นนี้
เรียกได้ว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไปนะครับกับหุ้นที่ทำธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและค้าปลีกอย่าง PTTOR และPTG โดยความเสี่ยงที่หุ้นสองตัวนี้น่าจะต้องได้เจอเหมือนๆกันในอนาคตก็คือเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์ EV ที่น่าจะเข้ามา Disrupt อุตสาหกรรมน้ำมันได้นั่นเอง
แต่คาดว่าในระยะ 2-3 ปีนี้ข่าวคราวของรถยนต์ EV ก็น่าจะยังไม่มีอะไรชัดเจน ดังนั้นเราก็ต้องมาติดตามกันต่อไปนะครับว่า PTTOR หรือ PTG จะทำผลงานได้ดีกว่ากัน และความเหมือนที่ยังแตกต่างนี้จะส่งผลยังไงกับทั้งคู่ ?
1
และสำหรับในวันนี้พวกเรา หุ้นพอร์ตระเบิด ก็คงจะต้องขอตัวลาทุกๆท่านกันไปก่อน
สวัสดีครับ...
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดบัญชี ค่าคอมหุ้น 0.05 %
TFEX สัญญาละ 25
กรอกข้อมูลได้ที่
โฆษณา