13 ก.พ. 2021 เวลา 11:44 • สุขภาพ
ไม่มีใครอยากตาย แต่ถ้าต้องตายวันหนึ่ง ...ทุกคนปรารถนาที่จะ"ตายดี"
3
https://dailyutahchronicle.com/2016/03/10/dying-the-good-death-people-need-to-accept-mortality-for-more-peaceful-process/
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากตาย (ถ้าไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้ารุนแรง) ทุกคนอยากมีชีวิตอยู่
หลายคนมองการตาย เป็นสิ่งตรงข้ามกับการมีชีวิต แต่จริงๆ มันเป็นของ"คู่กัน"ต่างหาก
แทนที่จะคุยกันเรื่องความตาย วันนี้จะชวนคุยกันเรื่อง "การมีชีวิต" กันดีกว่า ว่า ความหมายของแต่ละคน คืออะไร
1
1. การได้ "ใช้" ชีวิตอย่างที่อยากเป็น
2
หรือ....
2. การได้มีลมหายใจ และหัวใจยังเต้นอยู่
1
เนื่องจาก 2 อย่างนี้อาจจะไม่อยู่ด้วยกันเสมอไป การมีข้อ 1 ย่อมต้องมีข้อ 2
แต่การมีข้อ 2 อาจจะไม่สามารถมีข้อ 1 ได้
1
เช่น วันหนึ่งเราอาจจะเป็นเจ้าชายนิทรา เป็นผู้ที่ไม่รับรู้ต่อเรื่องราวต่างๆ ไม่สามารถพูดคุยสื่อสารบอกความต้องการได้
อาจจะได้แค่นอนเฉยๆ หลับตาบ้าง ลืมตาบ้าง แต่ไม่ใช่การลืมตาที่สื่อความหมาย เป็นเพียงการลืมตาตาม reflex ของร่างกายเท่านั้น
1
คนกลุ่มนี้เห็นได้มากมายในโรงพยาบาล...
ความเศร้าของชีวิตคือ เราไม่รู้ว่าคนไข้อยากให้เราดูแลแบบไหน
เวลาเค้าเหนื่อย เค้าอยากให้เราสอดท่อช่วยหายใจมั้ย เวลาที่เอาท่อช่วยหายใจออกไม่ได้ เค้าอยากให้เราเจาะคอเค้ามั้ย
เวลาที่เค้ากินอาหารไม่ได้ อยากให้เราใส่สายให้อาหารทางจมูก หรือพาไปเจาะท้องเพื่อใส่สายให้อาหารมั้ย
เวลามีแผลกดทับขึ้นมา เค้าอยากให้เราตัดคว้านชิ้นเนื้อหรือไม่....
1
คำถามเหล่านี้ หลายครั้งไม่มีใครตอบได้
หรือบางครั้งอาจจะตอบได้ แต่ก็ไม่กล้าตัดสินใจแทน
ทางออกหนึ่งที่สามารถทำเพื่อป้องกันการถูกกระทำการ"รักษา" ในสิ่งที่เราไม่ต้องการ คือ...
การวางแผนสุขภาพล่วงหน้า หรือ เรียกว่า advance care plan
ครั้งหน้าจะมาเล่า ว่าคืออะไร
แต่โปรยไว้ก่อน ว่า advance care plan อาจจะไม่ใช่ พินัยกรรมชีวิต หรือ living will ซะทีเดียว
1
วันนี้ ขอเล่าความหมายของคำว่า "ตายดี" ก่อน
ซึ่งแต่ละคนอาจจะต่างไปบ้าง ตามแต่ประสบการณ์ วัฒนธรรม ศาสนาและพื้นฐานชีวิตที่ผ่านมา แต่ทั่วไป จะประมาณนี้
- ตายแบบพร้อมตาย คือ มีการเตรียมใจมาก่อนล่วงหน้า เรื่องจากจิตใจผู้ใกล้ตาย มักมีกัน 4 แบบ
1. พร้อมตาย
2. ยังไม่พร้อมตาย
3. อยากตาย
4. กลัวตาย
ซึ่งแบบที่ดีที่สุด ย่อมเป็นแบบแรก จะพร้อมได้ ก็ต้องรู้ความจริงล่วงหน้าว่าโรคตนนั้นรักษาไม่ได้
3
- ตายแบบไม่ทรมาน แน่นอนว่า ต้องไม่ปวด ไม่เหนื่อย ไม่มีอาการไม่สุขสบายต่างๆ
3
- ตายแบบไม่มีห่วง คือ เตรียมพร้อมที่จะshut down ร่างกาย แบบไม่มีอะไรต้องห่วง ต้องกังวล เช่น ไม่ต้องห่วงว่าลูกหลานจะแย่งมรดกกันเป็นต้น
1
- ตายแบบไม่โดดเดี่ยว การมีคนที่เรารักมาอยู่ด้วย เพื่อส่งคนที่กำลังจะเสียชีวิตไปยังอีกโลกหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเจออะไร
เคยปิดตาเดินมั้ยคะ มันตื่นเต้นเนอะ แต่ถ้าได้จับมือใครซักคนที่เรารัก คงทำให้เราอุ่นใจมากขึ้นมากเลย
5
แต่ต้องระวัง การมีคนมากไป ก็ใช่ว่าจะดี ถ้าเลือกได้ คงขอเลือกว่าใครที่เราอยากให้อยู่ด้วย และใครที่เราไม่อยากให้อยู่ด้วย
1
คนอื่นคิดแทนก็อาจจะไม่รู้ใจเนอะ...
- ตายแบบมีสติพร้อม อันนี้จะออกพุทธหน่อยๆ คือ มีสติรู้กายที่ธาตุต่างๆกำลังจะแตกดับ
สำหรับหมอ ที่ไม่ไดัปฏิบัติ ก็คิดว่า คนไม่เคยปฏิบัติ จะครองสติแค่ตอนรู้ตัวดีๆยังยาก ตอนจะตายน่าจะยากไปอีก อันนี้คงเป็นกำไรของผู้ปฏิบัติ
1
- ตายแพง อันนี้ไม่ได้ขึ้นกับราคาค่าใช้จ่าย แต่ขึ้นกับเศรษฐานะของครอบครัว ที่ต้องหมดไปกับค่าใช้จ่าย คงไม่ดีถ้าลูกหลานต้องเป็นหนี้สิน เพื่อรักษาช่วงก่อนตาย
3
- ตายแบบไม่มีอะไรมาเหนี่ยวรั้ง process การตาย เช่น จะตายอยู่แล้ว ต้องมาใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ ใส่เครื่องช่วยหายใจ ให้ยากระตุ้นความดัน เป็นต้น
1
แต่จะบอกว่า "การตายดี" นั้นเกิดขึ้นได้ ถ้าเตรียมตัวให้ดี ...
จะเตรียมตัวได้ ผู้ป่วยและครอบครัวต้องรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวโรค พยากรณ์โรค แนวทางการรักษา รวมไปถึง ให้ผู้ป่วยได้มีส่วนตัดสินใจการรักษานั้นๆด้วย
2
ยาวแล้ว ไว้มาต่อครั้งหน้าค่ะ
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา