สร้างรายได้ทุกเดือน จากที่ดินว่างเปล่า ด้วยโมเดล 7-11 | ลงทุนแบบเศรษฐีอสังหา
สำหรับคนที่มีที่ดินว่างเปล่า ไม่ว่าจะเป็นการถือปล่อยทิ้งไว้หรือการซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร
โดยที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรจากที่ดินระหว่างรอขาย อย่างเช่น ไม่ได้ทำการเกษตร , ไม่ได้สร้างธุรกิจอะไรบนที่ดินของคุณ
หรือแม้แต่คุณไม่ได้ปล่อยให้ใครเช่าที่ดินของคุณ
คุณรู้หรือไม่ว่าการที่ปล่อยที่ทิ้งดินทิ้งไว้นั้นนอกจากคุณจะไม่ได้ผลตอบแทนระหว่าง
รอขายแล้ว
คุณยังต้องเสียภาษีที่ดินอีกด้วย!!
สำหรับที่ดินปล่อยทิ้งรกร้างนั้น จะเสียภาษีโดยประมาณ 0.3% เมื่อปล่อยทิ้งไว้ติดต่อกันเกิน 3 ปี
ในปีที่ 4 จะปรับขึ้นอีก 0.3% ซึ่งในทุกๆ 3 ปี จะปรับขึ้น 0.3% แต่ไม่เกิน 3%
เมื่อเปรียบเทียบกับที่ดินที่ใช้ประโยชน์อื่นๆ ที่เป็นแบบเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม ก็เสียภาษี 0.3% เช่นเดียวกัน
ความจริงที่ดินว่างเปล่านั้นก็สามารถสร้างผลตอบแทนให้คุณได้
โดยที่คุณไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย
อย่างเช่นการที่ปล่อยให้ 7-11 เช่าที่ดิน
ซึ่งโมเดลของ 7-11 นั้น มีทางเลือกของผลตอบแทนให้ 2 แบบคือ
การที่คุณร่วมทุนด้วยแล้วเเบ่งรายได้กัน หรือการปล่อยให้เช่าที่ดิน รับเพียงค่าเช่าที่ดินอย่างเดียว
โดยเงินลงทุนอยู่ที่ : 1.4-2.6 ล้านบาท
ผลตอบแทน : - รายได้ต่อเดือน 27,000 บาท
- ส่วนแบ่งรายได้ 54%
- กำไรขั้นบันได 20-30%
ระยะเวลาทำสัญญา : 6-10 ปี และมีสินเชื่อพิเศษให้อีกด้วย
แต่มีข้อเสียก็คือว่าการที่จะพิจารณาที่ดินของคุณเข้าไปในโครงการ 7-11
จำเป็นต้องมีทำเลที่ดี อยู่ในชุมชน ใช้ที่ดินขนาดเล็ก
หรือเเม้แต่การที่จะติดต่อการปล่อยเช่านั้นก็เป็นเรื่องที่ค่อยข้างยุ่งยากด้วยเช่นเดียว
ซึ่งผมได้มีโอกาสคุยกับ คุณเฉลิม ทองสุข ผู้บริหาร บริษัท มีสุข เรียลเอสเตท จำกัด
โดยปกติแล้วคุณเฉลิม ทำโรงงานผลิตวัสดุ อุปกรณ์ก่อสร้างสำเร็จรูปขายอยู่แล้ว
จากนั้นก็นำสิ่งที่มีอยู่แล้วมาต่อยอด เพื่อเป็นอีกนึงช่องทางในการสร้างรายได้
โดยการนำวัสดุอุปกรณ์มาประกอบทำเป็นบ้าน และโกดังสำเร็จรูปขาย
ซึ่งข้อได้เปรียบของคุณเฉลิมจะสามารถขายได้ถูกกว่าเจ้าอื่นๆ ถึง 30% เนื่องจาก
ต้นทุนของวัสดุอุปกรณ์นั้นมีราคาที่ต่ำ
เพราะว่ามีโรงงานที่ผลิตวัสดุ อุปกรณ์ก่อสร้างของตัวเอง
นอกจากนี้คุณเฉลิมยังได้ทำอีกธุรกิจนึง ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับการทำประโยชน์จากที่ดินขนาดใหญ่
นั่นคือธุรกิจ “ปล่อยเช่าโกดัง” ซึ่งธุรกิจนี้เป็นโมเดลที่คล้ายกับ 7-11 อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น
คือการที่เจ้าของธุรกิจนั้นไปติดต่อขอเช่าที่ดินว่างเปล่าจากคนที่ปล่อยเช่าที่ดิน
เพื่อสร้างโกดังปล่อยเช่าให้กับผู้ที่ต้องการเช่าโกดังเพื่อเก็บสินค้าต่างๆ
ยกตัวอย่างโครงการนึง เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น
ที่ดินแปลงนึงมีขนาด 7 ไร่ และต้องเข้าไปในซอยลึกกว่าที่จะเจอโกดังปล่อยให้เช่า
ซึ่งโครงการนี้มีโกดังอยู่ประมาณ 25 โกดัง ขนาดของแต่ละโกดังประมาณ 100
ตารางเมตร
ค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 12,000 บาทต่อเดือน
ค่าก่อสร้างต่อหลังประมาณ 400,000 บาท
โครงสร้างของรายได้คือ เจ้าของที่ดินไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากปล่อยให้เช่าที่ดินและรอรับค่าเช่า
จากนั้นคุณเฉลิมก็เข้าไปขอเช่าที่ดินและสร้างโกดังเพื่อปล่อยเช่าให้ลูกค้าเช่าต่อไป
โดยเขาเองใช้วัสดุก่อสร้างของบริษัทตัวเองในการก่อสร้าง ทำให้ต้นทุนนั้นถูกลง
ไปด้วย
จึงสามารถสร้างรายได้จากการปล่อยเช่าได้ถึง 700,000 บาทต่อเดือน
และแบ่งเปอร์เซนต์ค่าเช่าให้เจ้าของที่ดินได้ประมาณ 10-25%
ซึ่งเจ้าของที่ดินจะได้รับเงินค่าเช่าประมาณ 210,000 บาทต่อเดือน
เป็นผลตอบแทนที่ค่อยข้างเยอะ เมื่อเทียบกับการปล่อยที่ดินให้รกร้างเพื่อรอขาย
หรือทำธุรกิจอย่างอื่นที่ต้องลงทุนเองทั้งหมด
หลังจากนั้นเมื่อเจ้าของที่ดินเห็นว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้เยอะ
จึงขอซื้อโกดังจากคุณเฉลิมเพื่อนำมาปล่อยเช่าเอง เพื่อที่จะได้รับค่าเช่าเองทั้งหมด
โดยตอนนี้ซื้อคืนไปแล้วถึง 20 โกดัง
จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน
โดยทางคุณเฉลิมหรือdevelop ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะเพื่อซื้อที่ดินเองซึ่งก็เป็น
การลดความเสี่ยง
และช่วยลดต้นทุนไปอีกด้วย
ในส่วนเจ้าของที่ดินแทนที่จะปล่อยที่ดินให้รกร้าง
ก็นำมาปล่อยเช่าสร้างผลตอบแทนจากค่าเช่า ซึ่งก็สามารถนำค่าเช่าที่ได้รับมาจ่ายภาษีที่ดินได้โดยไม่ต้องใช้เงินตัวเองอีกด้วย
จากบทความนี้ก็เป็นเพียงเทคนิคนึงในการสร้างผลตอบแทนจากที่ดินว่างเปล่า
หากเพื่อนๆคนไหนเคยใช้วิธีหรือเทคนิคอื่นๆ
สามารถมาเล่า หรือแชร์เทคนิคแบ่งปันกันใต้โพสนี้ได้เลย
ขอบคุณที่รับชมครับ
ติดตามข่าวสาร และ เทคนิคอสังหาได้ที่
Properth - Property Expert
หากคุณรักอสังหาเราคือเพื่อนกัน
แอดเอ.
- 42
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
