26 ก.พ. 2021 เวลา 12:12 • กีฬา
5 ความ : ผลักดัน
"นิติพงษ์" จากแข้งโนเนม สู่ แบ็คขวาทีมชาติไทย
#ChangsuekFocus
ในวัย 27 ปี ไม่มีใครปฏิเสธว่า นิติพงษ์ เสลานนท์ ดาวเตะจากการท่าเรือ เอฟซี ได้สถาปนาตัวเอง ขึ้นมาเป็นหนึ่งในแบ็คขวาดีที่สุดของไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เบื้องหลังกว่าจะมาถึงวันนี้ ไมใช่เรื่องง่าย..
 
นิติพงษ์ ต้องใช้เวลาหลายปีพิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าของตัวเองมาตลอด ไล่ตั้งแต่ การโดนดูถูก , นักเตะสำรอง , และ ผู้เล่นอะไหล่ กระทั่งล่าสุดเขาสามารถขึ้นมายืนหยัด และ สร้างรอยเท้าให้คนจดจำได้อย่างเต็มภาคภูมิ
 
และทั้งหมดนี้คือ 5 ข้อ 5 ความ.. ที่ผลักดันชีวิต นิติพงษ์ เสลานนท์ จากแข้งโนเนม สู่ ‘แบ็คขวาทีมชาติไทย’ ในปัจจุบัน
 
🔴🔴 #ความเชื่อ
 
ความเชื่อ เป็นหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญของการดำรงชีวิต เช่นเดียวกับเส้นทางนักฟุตบอลของ นิติพงษ์ ที่เขาเชื่อมาตลอดว่า ‘ฟุตบอล’ จะผลักดันให้ทั้งเขา และ ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยเขาเริ่มต้นตั้งแต่การเป็น ‘เด็กเก็บบอล’ ให้ ชลบุรี เอฟซี สู่ เยาวชนของทีม จนปัจจุบันมาอยู่กับ การท่าเรือ เอฟซี ในฐานะ ‘ไอค่อน’ และ ผู้เล่นคนสำคัญ โดยฤดูกาลที่ผ่านมา ก็เพิ่งมีส่วนช่วยทีมคว้าแชมป์ช้าง เอฟเอ คัพ เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ต่อเนื่องถึงปีนี้ที่เพิ่งช่วย สิงห์เจ้าท่า คว้าตั๋ว ACL รอบแบ่งกลุ่ม เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร..
 
“ผมเป็นคนที่ไม่ได้มีฝีเท้าโดดเด่นมาตั้งแต่เด็ก รูปร่างเล็ก แถมเบสิคก็ไม่ดี สมัยก่อนเวลาคัดตัว เด็กคนไหนตัวเล็ก ก็เสียเปรียบพวกตัวใหญ่ไปครึ่งแล้ว ก็ถูกปฏิเสธโอกาสหลายครั้งครับ แต่ผมก็ไม่เคยท้อ หรือ ยอมแพ้ ผมเชื่ออยู่เสมอว่า ผมทำได้ และ ฟุตบอลเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม”
 
“อีกเหตุผลที่ผมมีความมุ่งมั่นอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ มาจากที่ตัวผมต้องการแบ่งเบาภาระทางบ้านครับ เพราะครอบครัวไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ผมก็อยากช่วยตรงนี้ ผมจึงเต็มที่กับสิ่งที่ทำผมเสมอ และพอวันนี้ผมทำได้ ผมดีใจ ภูมิใจกับตัวเองมากครับ แต่ผมจะไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่นอน..”
 
🔴🔴 #ความมุ่งมั่น
 
ทุกอย่างไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เช่นเดียวกับเส้นทางลูกหนังของ นิติพงษ์ ที่ต้องผ่านบทพิสูจน์ต่างๆ มามากมาย ทั้งการถูกปฏิเสธโอกาสทางฟุตบอลตั้งแต่เด็กเพียงเพราะ ‘ตัวเล็ก’ หรือ การเป็นเพียงผู้เล่นสำรองที่มีโอกาสลงสนามไม่กี่นาที แน่นอนว่า ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้เขาก้าวมาถึงจุดนี้ได้ แต่ความมุ่งมั่น และ ความพยายามที่ไม่เคยทำร้ายใคร กระทั่งทำให้เรารู้จัก ‘นิติพงษ์’ ในวันนี้
 
“ผมผ่านจุดนั้นมาหมดแล้วครับ เป็นสำรอง , นั่งดูเพื่อนเล่นบ้าง หรือลงไปก็มีโอกาสไม่กี่นาที แต่ผมก็ไม่ได้คิดมากอะไรครับ ผมคิดแค่ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ตัวเราได้รับโอกาส”
 
“ผมเป็นคนที่มีความพยายาม ความมุ่งมั่น ตั้งแต่เด็กผมหาวิธีพัฒนาตัวเองขึ้นมาอยู่ตลอด จนได้ลงเล่น มีชื่อเป็นตัวเลือกแรกของทีม ซึ่งในเมื่อความสามารถเราไม่เท่าคนอื่น ก็ต้องพยายามให้มากขึ้นเป็นสองเท่าก็แค่นั้นครับ”
🔴🔴 #ความทุ่มเท
 
นิติพงษ์ ไม่ได้มีฝีเท้าโดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมรุ่น แต่สิ่งที่เขามีไม่แพ้คนอื่นๆ นั่นคือ ‘ความทุ่มเท’
 
ทุกย่างก้าวที่ผ่านมา นิติพงษ์ พิสูจน์ให้เห็นมาตลอดว่าเขาเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ทำงาหนักมากที่สุดคนหนึ่ง ทั้งในสนาม และ นอกสนาม เขาไม่เคยขาดซ้อมแม้แต่ครั้งเดียวกับทุกต้นสังกัดที่เคยอยู่ และ เขาไม่เคยทำตัวเป็นปัญหากับทุกทีมที่ลงเล่น ที่สำคัญ ทุกวินาทีที่อยู่ในสนาม เขาแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท เกินร้อยอยู่ตลอด รวมถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ที่เขาลงเล่นเป็นตัวจริงให้ การท่าเรือ เอฟซี ทุกๆ 3 วัน โดยไม่เคยปริปากบ่น หรือ ขอพักแม้แต่ครั้งเดียว…
 
“ผมเคยถูกปฏิเสธโอกาสตอนเด็กๆ ผมเลยรู้ว่าทุกโอกาสสำคัญกับผมขนาดไหน ที่ผ่านมาแม้ว่าทีมจะมีโปรแกรมลงเล่นติดๆกัน แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ครับ ถ้าโค้ชให้โอกาสผมลงเล่น ผมก็พร้อมทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด ก็อาจจะมีวันที่เล่นดีบ้าง และ ไม่ดีบ้าง ก็เป็นปกติของฟุตบอลครับ แต่ที่แน่ๆ ทุกครั้งที่อยู่ในสนาม ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมไม่ทุ่มเทเท่าที่ผมทำได้”
 
#🔴🔴 ความมีวินัย
 
พื้นฐานของคนที่ประสบความสำเร็จล้วนเกิดจาก ‘ความมีวินัย’ เช่นเดียวกับ นิติพงษ์ ที่ได้ชื่อว่ามีวินัยมากที่สุดคนหนึ่ง.. โดยปัจจุบันกลายเป็นภาพชินตาไปแล้วที่เรามักจะเห็น นิติพงษ์ ใช้เวลาว่างหรือช่วงวันหยุด ไปเข้าคอร์สฟิตเนสส่วนตัว เพื่อเสริมในด้านๆ ที่ตัวเองยังขาด และหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ นิติพงษ์ กลายเป็นคนมีวินัยจนถึงทุกวันนี้ คือช่วงที่ย้ายไปอยู่กับ สระบุรี เอฟซี เมื่อปี 2012 ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น การเล่นฟุตบอลอาชีพเต็มตัวครั้งแรก
 
“มันเหมือนโลกอีกใบที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน แน่นอนว่าผมได้เงินเดือนเยอะขึ้นกว่าตอนเป็นเยาวชนของชลบุรีฯ แต่ผมก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นมืออาชีพเต็มตัว”
 
“ผมมีความรับผิดชอบ ดูแลตัวเองดีขึ้น พยายามแอคทีฟตลอดเวลา เต็มที่มากกับการฝึกซ้อม คิดเสมอว่า เราต้องได้เล่นตัวจริง เพราะถ้าถูกปล่อยยืมตัวมาเล่นแล้วยังไม่ได้ลงอีก สำหรับผมมันน่าจะจบแล้วกับเป้าหมายในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ”
 
“อะไรที่ไม่ดี เช่น เที่ยวกลางคืน, กินเหล้า ผมเลิกเด็ดขาด ไม่แตะมันอีกเลย ดูแลร่างกาย โฟกัสกับสิ่งที่เราทำอย่างเดียว ทำทุกวิถีทางให้ตัวเองได้ลงเล่นครับ และ แน่นอนว่า วันนี้ผมก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ครับ”
 
🔴🔴 #ความกตัญญู
 
นอกเหนือจากทั้งหมดที่เรากล่าวไปแล้วนั้น.. ความกตัญญู ก็ถือเป็นหลักสำคัญอย่างหนึ่งของชีวิต และ นั่นก็อาจจะเป็นพลังแฝงที่ผลักดันให้ นิติพงษ์ ก้าวขึ้นมามีทุกอย่างในวันนี้
 
นิติพงษ์ เป็นเด็กที่กตัญญูรู้คุณตั้งแต่เด็ก เขามีความฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพเพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว จนปัจจุบัน เขาทำมันสำเร็จ และ ทำหน้าที่ ‘เสาหลัก’ ครอบครัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดย รับผิดชอบค่าใช่จ่ายในครอบครัวทุกอย่าง ทั้งให้เงินพ่อ-แม่ ทุกเดือน และ ส่งเสียน้องเรียน ไปจนถึงการสร้างบ้านหลังใหม่ที่อบอุ่นให้พ่อ และ แม่ ที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของเขาเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา..
 
"นี่คือของขวัญวันเกิด ให้กับแม่และพ่อ ผู้ให้โอกาสผมมีวันนี้"
 
"ผมมีความสุขกับทุกสิ่งที่ได้ทำ" นิติพงษ์ กล่าวเอาไว้สั้นๆ แต่สื่อความหมายได้อย่างยิ่งใหญ่ถึงบ้านหลังนี้
โฆษณา