1 มี.ค. 2021 เวลา 03:05 • ท่องเที่ยว
✒ 9 เรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จ ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ "นิสชิน"
3
คุณ “โมโมะฟุกุ อันโด” (Momofuku ando)
บิดาแห่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
3
📍พร้อมเที่ยวไปด้วยกันที่ พิพิธภัณฑ์ "Cup Noodles Museum Osaka Ikeda"
ป๊าก็เป็นแฟนคลับคุณลุงค่ะ
หากกล่าวถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ “นิสชิน” คงมีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักยี่ห้อนี้
2
เพราะ "นิสชิน" คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อแรกของโลก ที่ได้รับความนิยม มียอดขายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในปัจจุบันมีวางจำหน่ายเกือบทุกประเทศทั่วโลก
👉 ไปทัวร์กันค่ะ พอดีว่าตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นแลนด์มาร์ค ที่เราต้องเดินผ่านทุกวันก่อนเดินไปถึงสถานีรถไฟ
1
เวลาเดินผ่านก็จะเห็นผู้คน ทั้งคนญี่ปุ่น และคนต่างชาติ แวะเวียนมาเที่ยวชมที่นี่กันอยู่ตลอด เข้าชมฟรีด้วยนะ
..นับว่าเป็นสถานที่ ที่คนรักบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างเราพลาดไม่ได้เลยค่ะ 📍ต้องปักหมุด
📍พิพิธภัณฑ์ "Cup Noodles Museum Osaka Ikeda" ตั้งอยู่ที่ เมือง Ikeda โอซาก้า
สามารถเดินทางด้วยรถไฟสาย Hankyu Takarazuka Line ลงที่สถานี Ikeda และเดินต่อไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ ใช้เวลาเพียง 5 นาที
1
✒ จุดแรกเราไปทำความรู้จักกับบิดาแห่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กันก่อนเลยค่ะ
รูปภาพจาก pinterest
"คุณ โมโมะฟุกุ อันโด"
....ขอเกริ่นนำก่อนว่า
เขาคือนักธุรกิจผู้ก่อตั้ง Nissin Foods Group และเป็นผู้คิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้สำเร็จเป็นคนแรก โดยรสชาติแรกที่เขาทำออกมาในตอนนั้น คือ "รสราเมนซุปไก่" ซึ่งต่อจากนั้นเขายังคงพัฒนาสินค้าต่อไป และกลายเป็น “Cup Noodle” หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
2
แต่กว่าที่คุณโมโมะฟุกุ อันโด จะประสบความสำเร็จได้มากมายขนาดนี้ เขาได้ผ่านความยากลำบาก และความล้มเหลวมาอย่างมากมาย
👉 มาทำความรู้จักกับชีวิตเขากันค่ะ
คุณโมโมะฟุกุ อันโด เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ.1910 เดิมทีเขามีชื่อว่า "อู๋ ไป่ฝู" เขาเกิดในตระกูลอู๋ เป็นตระกูลนักธุรกิจผู้มีฐานะในเมืองเจียอี้ เมืองใหญ่ทางภาคตะวันตกของเกาะไต้หวัน ซึ่งในขณะนั้นยังถูกปกครองภายใต้กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น
1. จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ และการเดินทางมาญี่ปุ่น
คุณไป่ฝู ถูกเลี้ยงดูโดยคุณปู่คุณย่า ซึ่งเปิดร้านขายส่งผ้าทออยู่ในเมือง เขาจึงได้เรียนรู้ และซึมซับวิธีการทำธุรกิจมาตั้งแต่วัยเด็ก เเละนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาคิดอยากเป็นนักธุรกิจ ได้คิดและได้ลองทำอะไรใหม่ๆ
เมื่อเขาอายุได้ 22 ปี เขาได้ก่อตั้งบริษัทโทโย เมริยะสุ (Toyo Meriyasu) โดยได้ทำการลงทุนเป็นเงินประมาณ 190,000 เยน นำผ้าจากญี่ปุ่นเข้ามาขายที่ตลาดขายผ้าในเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน ภายในระยะเวลา 1 ปีต่อมา กิจการของเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนทำให้เขาได้ขยายกิจการไปตั้งโรงงานตัดเย็บ และร้านค้าที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับย้ายไปอยู่ที่โน่นด้วย เพื่อเรียนธุรกิจที่มหาวิทยาลัยริทสุเมอิคัน
5
2. จุดเปลี่ยนชีวิตจากประสบความสำเร็จ กลายเป็นคนล้มละลาย
1
ในช่วงระหว่างที่กิจการของเขากำลังเติบโตไปได้ด้วยดี สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็กลับมาทำลายชีวิตของเขา กิจการโรงงานตัดเย็บ และร้านค้าของเขา ได้ถูกทิ้งระเบิดจนพังไม่เหลือซาก และหลังจากสงครามสงบลง ความเสียหายก็ยังคงอยู่ โดยเฉพาะเศรษฐกิจทั่วประเทศญี่ปุ่นตกต่ำ กิจการร้านค้าต่างๆต้องปิดตัวลง รวมไปถึงกิจการของคุณไป่ฝูด้วย
2
ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาได้เริ่มเห็นภาวะการขาดแคลนอาหารภายในประเทศญี่ปุ่น ทำให้เขาคิดได้ว่า “อาหารเป็นปัจจัยต่อการดำรงชีวิตที่สำคัญ หากไม่มีอาหารก็เหมือนไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีที่อยู่อาศัย”
1
เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนมาทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหาร และได้ก่อตั้งบริษัทที่มีชื่อว่าจูโคโซฉะ (Chukousousha) ขึ้น ซึ่งที่นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทนิสชิน
2
ในปี 1948 บริษัทจูโคโซฉะ ถูกตั้งข้อสงสัยว่าหลบเลี่ยงภาษี และเขาได้ถูกทางการจับกุมติดคุกอยู่ 2 ปี โดยที่เขาได้ชี้เเจงภายหลังว่า เขาไม่ได้มีเจตนาเลี่ยงภาษี แต่เพราะความคนใจดี ที่ชอบแจกทุนการศึกษา ให้นักเรียนที่มีปัญหาการเงิน เขาเลยถูกเหมารวมว่าใช้วิธีนี้เพื่อการหลีกเลี่ยงภาษี
2
เขาถูกยึดทรัพย์สิน และในเวลาต่อมาเครดิตยูเนี่ยน ซึ่งเขาเป็นประธานอยู่ก็ล่มสลาย เขากลายเป็นคนล้มละลายในวัย 47 ปี และเหลือเพียงบ้านเก่าๆหลังเดียว
1
3. แม้จะถึงจุดตกต่ำ แต่เขาก็ยังคงสู้ต่อไปเพื่อความฝัน
2
เมื่อเขาได้พ้นโทษออกมา เขายังคงสู้ต่อ และยังคงเริ่มต้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารอีกครั้ง ตามที่เขาเคยตั้งใจไว้
ในช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่เกาะไต้หวันเพิ่งได้รับอิสรภาพจากญี่ปุ่น เขาจึงต้องเลือกถือสัญชาติระหว่างไต้หวัน หรือญี่ปุ่น ซึ่งตอนนั้นเขาตัดสินใจเลือกสัญชาติไต้หวันไว้ก่อน เพื่อรักษาทรัพย์สิน และที่ดินทั้งหมดของเขาบนเกาะไต้หวัน จนในปี 1966 เขาถึงเปลี่ยนสัญชาติมาเป็นคนญี่ปุ่น โดยใช้นามสกุล อันโด ตาม "มาซาโกะ อันโด" ภรรยาคนที่สามของเขา และได้มีลูกด้วยกัน คือ คุณโคคิ อันโด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิสชินฟูดส์ โฮลดิ้งส์ จำกัด คนปัจจุบันนั้นเอง
2
4. จุดเริ่มต้นของการเป็นผู้คิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นคนครั้งแรกของโลก
1
รูปภาพจากเว็บไซต์ท้ายบทความ
จุดเริ่มต้นในความคิดของเขา เกิดขึ้นในช่วงหลังสงครามโลก ที่เกิดภาวะคลาดเเคลนอาหารขึ้นในประเทศ ช่วงเวลานั้นรัฐบาลญี่ปุ่นได้รับข้าวสาลีที่สหรัฐอเมริกาส่งมาช่วยเหลือ เลยส่งเสริมให้ประชาชนกินขนมปัง และบิสกิตที่ทำจากแป้งสาลี เพราะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และเก็บรักษาได้นานกว่าข้าวสวย
1
ในวันหนึ่งก่อนช่วงที่เขาจะล้มละลาย เขาได้เดินไปเห็นผู้คนหิวโหยต่อคิวยาวเหยียด เพื่อรอรับราเมนร้อนๆ
..เขาจึงตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมรัฐบาลญี่ปุ่นไม่สนับสนุนให้คนกินราเมง ซึ่งเป็นอาหารประจำชาติ ทั้งที่ทำจากแป้งสาลีเหมือนกันกับขนมปัง และบิสกิต
1
หลังจากวันนั้น เขาจึงเริ่มมองเห็นโอกาสทำธุรกิจใหม่ โดยการพยายามสร้างผลิตภัณฑ์ราเมน ที่สามารถรับประทานเองได้ที่บ้าน เพียงแค่มีน้ำร้อนกับเส้นก็สามารถทานได้แล้ว โดยเขาได้เริ่มต้นการคิดค้นสูตรจากอุปกรณ์ง่ายๆภายในบ้าน เช่น พวกกระทะก้นลึก และหม้อต้มซุป ทำคนเดียวในกระท่อมไม้เล็กๆ หลังบ้าน เขาลงมือทำไม่มีวันหยุดพัก และนอนพักผ่อนเพียงแค่คืนละไม่ถึง 4 ชั่วโมง ใช้เวลาอยู่นานนับปี
9
จนสำเร็จออกมาเป็น "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" จากการที่เขาเห็นภรรยากำลังทอดเทมปุระอยู่ในครัว เขาได้ค้นพบการทำแป้งสาลีให้กลายเป็นเส้นบะหมี่ แล้วนำไปต้มกับน้ำซุปรสเข้มข้น โดยสูตรดั้งเดิมรสชาติแรกของเขาคือ รสซุปไก่ เนื่องจากความเชื่อที่ว่าซุปไก่นั้นอร่อยและมีประโยชน์ โดยเฉพาะสำหรับหญิงมีครรภ์
พอเส้นเหนียวนุ่มเริ่มดูดซับรสชาติความเข้มข้น จนได้ที่แล้ว ก็นำขึ้นมาผึ่งให้แห้ง ก่อนนำลงไปทอดในน้ำมันปาล์มเดือดจัดอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นการไล่ความชื้นออก สุดท้ายก็ได้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาสำเร็จ ในรสชาติ “Chicken Ramen”
1
และได้เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรก เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ปี 1958 ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ชิกิง ราเมง” (Chikin Ramen) ราคา 35 เยน และต่อมาในปีเดียวกันก็เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Nissin Foods”
5. การตั้งเป้าหมายต่อสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำ
ในช่วงแรกที่เขาตั้งใจจะทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้สำเร็จนั้น เขาได้ทำการตั้งเป้าหมายในระหว่างการทดลองการผลิตของเขาไว้ 5 ข้อ คือ 1) อร่อย 2) เก็บได้นาน 3) ทำง่าย 4) ไม่แพง และ 5) ปลอดภัย
1
ซึ่งเขาใช้เวลาในการทดลองทำ ซ้ำไปซ้ำมา และเปลี่ยนวิธีไปมากมาย ได้รับความล้มเหลวก็หลายครั้งจากการทดลอง จนในที่สุดสิ่งที่เขาตั้งใจไว้ก็ประสบความสำเร็จมาเป็นรางวัล ให้กับความอดทนพยายามที่เขาตั้งใจทำมาทั้งหมด
1
6. ผลลัพธ์ของความสำเร็จของคุณ "โมโมะฟุกุ อันโด"
รูปภาพจากเว็บไซต์ท้ายบทความ
หลังจากการวางจำหน่ายได้ไม่นาน เศรษฐกิจญี่ปุ่นก็กลับมาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีผู้คนเข้าสู่ตลาดแรงงาน ที่ต้องทำงานหนักจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตอบโจทย์พวกเขาเหล่านั้น เพราะมีความสะดวก รวดเร็ว
คุณโมโมะฟุกุ อันโด เห็นยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่รอช้าที่จะเร่งทำการตลาดผ่านสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ ซึ่งผลตอบรับในครั้งนี้ทำให้ยอดขายของเขาเพิ่มขึ้นไปหลายเท่าตัว และได้กลายเป็นสินค้าสำคัญที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ
7. ไม่หยุดที่จะคิดค้น วิจัย และพัฒนาสินค้า
รูปภาพจากเว็ยไซต์ท้ายบทความ
ในช่วงปี 1966 คุณโมโมะฟุกุ ได้เดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพื่อทำการสำรวจตลาด เขาได้ไปเห็นผู้จัดการคนหนึ่งในที่ทำงาน หักเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเทลงแก้วกระดาษ เติมน้ำร้อนแล้วใช้ส้อมกิน เขาจึงเกิดไอเดียขึ้นมาใหม่ ที่อยากจะทำให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเขา สามารถทานง่าย สะดวก แบบไม่ต้องหาถ้วยหาส้อม และไม่ต้องล้างจาน
1
ไอเดียในวันนั้นของเขา ไม่นานก็กลายมาเป็น นิสชิน Cup Noodle หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย โดยมีวางจำหน่ายครั้งแรกที่อเมริกาในปี 1971 ในราคา 100 เยน
2
ส่วนในญี่ปุ่นนั้นเพราะราคาที่ค่อนข้างสูง การเริ่มต้นวางจำหน่ายช่วงแรกจึงยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าไร แต่มีจุดเปลี่ยนคือเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1972 เกิดเหตุการณ์กลุ่มผู้ก่อการร้ายจับตัวประกันที่เมืองนาโกยา ระหว่างที่โทรทัศน์ทุกช่องกำลังถ่ายทอดสดการเตรียมการบุกช่วยตัวประกัน ในระหว่างนั้นก็ได้เห็นภาพกลุ่มตำรวจ กำลังกินบะหมี่ถ้วยนิชชินกันอย่างอร่อย และจุดนั่นก็ทำให้ผู้คนเริ่มออกไปซื้อบะหมี่ถ้วยมาตุนระหว่างรอลุ้นหน้าจอโทรทัศน์ และนิสชินก็ได้กลายเป็นอาหารกักตุนที่สำคัญในยามสถานการณ์ฉุกเฉิน
3
👉 เมื่อสินค้าได้รับความนิยมไปในหลายประเทศ เขาได้พัฒนาต่อไปในเรื่องของรสชาติ ให้มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละท้องถิ่น และเพื่อตั้งใจที่จะทำให้สินค้าของเขา เป็นสินค้าที่สะท้อนถึงรสชาติ และเอกลักษณ์ของท้องถิ่นนั้นๆด้วย
2
8. ประสบความสำเร็จแล้ว ก็ยังไม่ยอมหยุดที่จะพัฒนาเพื่อไปถึงจุดสูงสุด
รูปภาพจากเว็บไซต์ท้ายบทความ
ในช่วงที่เขาอายุได้ 91 ปี เขาได้ประกาศว่าจะคิดค้นอาหารอวกาศให้แก่นักบินอวกาศชาวญี่ปุ่น และเมื่ออายุ 95 ปี เขาก็ทำสำเร็จออกมาเป็นอาหารที่มีชื่อว่า "The Space Ram" ให้นักบินอวกาศชาวญี่ปุ่น ได้นำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเขา ไปกินภายใต้สภาพไร้แรงดึงดูด สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก
3
9. ไม่ลืมความตั้งใจที่จะทำประโยชน์ต่อสังคม
การเริ่มต้นทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารของเขา ได้เริ่มมาจากการตระหนักถึงความสำคัญของอาหาร ที่มีต่อผู้คนในยามเกิดภาวะคลาดแคลนในสงคราม หลังจากนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารให้เพิ่มมากขึ้น
2
ในปี 1962 "นิสชิน" สามารถทำการจดสิทธิบัตร เกี่ยวกับวิธีการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไว้ได้ แต่ในปี 1964 เขาได้เลือกที่จะหยุดผูกขาดสิทธิบัตร เนื่องจากความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร
2
โดยเขาได้ทิ้งคำพูดไว้ว่า “Nissin Foods ควรพัฒนาเป็นป่าใหญ่ แทนที่จะผูกขาดสิทธิบัตร และเจริญรุ่งเรืองในฐานะต้นไม้ต้นเดียว”
2
และต่อมาในปี 1996 เขาได้ก่อตั้งมูลนิธิอันโด ที่ให้การสนับสนุนด้านอาหาร และด้านกีฬา โดยเฉพาะการเล่นกีฬาของเด็กๆ โดยมีแนวคิดที่ว่า “อาหาร และกีฬาเป็นสองสิ่งสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดี”
1
และได้สถาปนารางวัล Momofuku Ando Award เพื่อมอบให้กับผู้ที่คิดค้นวิจัย ที่ได้ริเริ่มผลิตสินค้าอาหารใหม่ๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับพวกเขาเหล่านั้นได้พัฒนาความคิดต่อไป
4
มีการสร้าง Momofuku Ando Center ซึ่งเป็นสถานที่จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาสุขภาพ และส่งเสริมจินตนาการของเด็กๆ
1
นับได้ว่าสิ่งที่เขาได้ตั้งใจทำนั้น มีประโยชน์ต่อสังคมเป็นอย่างมาก ไม่แปลกใจที่จะมีผู้คนยกย่องให้เขาได้เป็นบิดาแห่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
1
รูปภาพจากเว็บไซต์ท้ายบทความ
✒ คุณ โมโมะฟุกุ ได้มีอายุที่ยืนยาวจนถึงวัย 97 ปี โดยเขาได้จากไปในวันที่ 5 มกราคม ปี 2007 เขาได้ทิ้งตำนานอันยิ่งใหญ่ และความภาคภูมิใจให้กับคนญี่ปุ่นไว้อย่างมากมาย คนญี่ปุ่นนับว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นสิ่งคิดค้นที่ดีที่สุดในศตวรรษที่ 20
1
• ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาได้บอกเคล็ดลับสุขภาพของเขาไว้ว่า การตีกอล์ฟ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คือสองสิ่งที่เขาทำเป็นประจำทุกวัน
• และชื่อบริษัท นิสชินฟูดส์ โฮลดิ้งส์ จำกัด อาจเป็นการตั้งชื่อเพื่อระลึกถึงแผ่นดินแม่ และแผ่นดินญี่ปุ่นที่เขาตั้งใจฝากชีวิตไว้ เพราะชื่อ "นิสชิน" มาจากคำสองคำนี้ คือ นิป (日) และ ชิง (清) ซึ่งหมายถึงประเทศญี่ปุ่น (นิปปง) และ ประเทศจีน (ราชวงค์ชิง ราชวงค์สุดท้ายที่ปกครองแผ่นดินจีน)
2
📍 สรุป 9 เรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จ ของคุณ “โมโมะฟุกุ อันโด” (Momofuku ando) บิดาแห่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
รูปภาพจากเว็บไซต์ท้ายบทความ
คุณโมโมะฟุกุ อันโด ได้ผ่านเรื่องราวชีวิตการทำธุรกิจมาอย่างมากมาย พบเจอทั้งความสำเร็จ และความยากลำบาก สิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้มากมายขนาดนี้ คือ ความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำอย่างไม่ย่อท้อ ความอดทนที่จะสู้แม้จะพบเจอปัญหาอุปสรรค ความเป็นคนช่างคิด ช่างสังเกต และรู้จักพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เขามีเป้าหมายที่จะทำประโยชน์เพื่อสังคม และทุกอย่างที่เขาตั้งใจ ก็สำเร็จออกมาได้จริงๆตามที่ตั้งใจ
1
📍 ปักหมุดเที่ยวไปด้วยกันที่
พิพิธภัณฑ์ "Cup Noodles Museum Osaka Ikeda"
รูปภาพจากเว็บไซต์ท้ายบทความ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรีนะคะ แต่จะมีโซนที่เสียเงินคือ โซนร้านค้า และโซนทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไปดูตามโซนต่างๆกันค่ะ
1. โซนอุโมงค์ CUPNOODLES
1
รูปภาพจากเว็บไซต์ท้ายบทความ
เดินเข้ามาโซนแรกเราก็จะพบอุโมงค์ของวิวัฒนาการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันค่ะ เป็นการจัดแสดงผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่เริ่มต้นด้วยราเมนไก่ และรสชาติอื่นๆ รวมกันแล้วประมาณ 800 รายการ แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์เดียวที่เปิดตัว เมื่อกว่าครึ่งศตวรรษที่แล้ว ได้พัฒนาเติบโต จนกลายเป็นวัฒนธรรมการบริโภคไปทั่วโลก
2. โซนจุดต้นกำเนิดการทดลอง "ราเมนซุปไก่"
เป็นโซนที่จำลองกระท่อมไม้หลังเล็กๆ ที่คุณโมโมะฟุกุ อันโด ได้ทำการทดลองผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเขาจนสำเร็จ โซนนี้จะแสดงให้เห็นว่าในบ้านไม่ได้มีอุปกรณ์พิเศษใดๆ แต่ตราบใดที่ยังมีความคิด เขาก็สามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่เปลี่ยนแปลงโลกได้ ด้วยเครื่องมือธรรมดา
1
3. โซนเรื่องราวของคุณ โมโมะฟุกุ อันโด
เป็นโซนที่บอกเล่าเรื่องราวของการคิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป การเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารประเภทนี้ และมูลค่าของทรัพย์สินทางปัญญา โดยจะแสดงในรูปแบบกราฟิก สามารถเพลิดเพลินกับการหมุนที่จับ และเปิดประตูบนผนังแบบโต้ตอบได้ มีการจัดแสดงแพ็คสูญญากาศของ Space Ramen ซึ่งเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่พัฒนาขึ้นเพื่อการบริโภคในอวกาศ และมีการฉายภาพการนำขึ้นกระสวยอวกาศ Discovery ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในอวกาศ
4. โซนเล่นเกมส์
รูปภาพจากเว็บไซต์ท้ายบทความ
เป็นโซนที่ชวนมาเพลิดเพลิน กับแบบทดสอบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
5. โซนโรงละคร
เป็นโซนที่นำเสนอแรงบันดาลใจ ที่นำไปสู่การคิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ชนิดถ้วยเป็นครั้งแรกของโลก และนำเสนอกระบวนการผลิต โดยใช้เวลาประมาณ 13 นาที
6. โซนจัดแสดงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
เป็นโซนที่จัดแสดง ให้เห็นถึงความนิยมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่มีกระจายไปทั่วโลก โดยใช้ตัวเลขการบริโภคประจำปีของประเทศต่างๆ และแพ็คเกจ CUPNOODLES จากทั่วโลก มาทำการจัดแสดง
1
7. โซน My CUPNOODLES Factory
รูปภาพจากเว็บไซต์ท้ายบทความ
โซนนี้เป็นโซนที่จะได้สร้างแพ็คเกจ และออกแบบ CUPNOODLES เป็นของตัวเอง เขาให้เราได้เลือกซุปที่เราชื่นชอบ จากสี่ตัวเลือก และท็อปปิ้งสี่อย่างจากส่วนผสม 12 อย่าง ใช้เวลาในการทำประมาณ 45 นาที และราคาถ้วยละ 400 เยน
วิธีการทำ
1
รูปภาพจากเว็บไซต์ท้ายบทความ
1) ซื้อถ้วยจากตู้หยอดเหรียญ
2) ล้างมือให้สะอาดด้วยแอลกอฮอล์  
3) ออกแบบถ้วย
4) วางถ้วยลงบนบะหมี่   
5) เลือกรสชาติน้ำซุป ท็อปปิ้ง  
6) ปิดผนึกถ้วย
7) ห่อถ้วยด้วยถุงแพคเกจสุญญากาศ
8) เป่าอากาศเข้าไปในถุงโดยใช้การปั๊ม #จบ🎉
1
เส้น รสชาติ และท็อปปิ้ง
มีรสชาติดั้งเดิมรสไก่ รสแกงกะหรี่ รสซีฟู้ด และพริกมะเขือเทศ ส่วนท็อปปิ้งมีกระเทียม ถั่วเขียว ชีส ปลาHiyoko-chan ปู ข้าวโพด กิมจิ กุ้ง หมูสับ ไข่ หัวหอมสีเขียวหั่น และเนื้อถั่วเหลือง
8. โซน Chicken Ramen Factory
รูปภาพจากเว็บไซต์ท้ายบทความ
เป็นโซนที่อยู่ชั้น 2 โซนนี้จะได้เรียนรู้การทำราเมนรสไก่ ด้วยตัวเองทั้งหมด โดยเริ่มจากการนวดเกลี่ย และนึ่งแป้งสาลี แล้วทำให้แห้งด้วยวิธีทอด เพื่อเป็นการได้สัมผัสกับกระบวนการ ที่นำไปสู่การคิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดแรกของโลก
โซนนี้จะมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 500 เยน ใช้เวลาประมาณ 90 นาที โดยมีเป็นรอบตามนี้คือ 9:30 / 11:00 / 13:15 / 14:45 น. เข้าได้ครั้งละ 48 คน และต้องทำการจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ CUPNOODLES MUSEUM OSAKA IKEDA หรือผ่านการโทรจอง
9. โซน Traces of Momofuku Ando
รูปภาพจากเว็บไซต์ท้ายบทความ
เป็นโซนที่เก็บเรื่องราวความสำเร็จ และคำพูดในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ของคุณ โมโมะฟุกุ อันโด มีการจัดแสดงของใช้ส่วนตัวที่ชื่นชอบของเขา ไม่ว่าจะเป็นแว่นกันแดด นาฬิกาข้อมือ ไม้กอล์ฟ และอื่นๆอีกมากมาย
10. โซนห้องชิม
รูปภาพจากเว็บไซต์ท้ายบทความ
เป็นโซนที่จะได้เพลิดเพลินกับการกิน โดยภายในห้องจะมีสินค้าจำหน่ายประมาณ 30 รายการ รวมถึงสินค้าออกใหม่ยอดนิยม และสินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่นจากฮอกไกโด และโทโฮคุอีกด้วย
1
11. โซนร้านค้า
รูปภาพจากเว็บไซต์ท้ายบทความ
โซนนี้จะเป็นโซนขายของ ที่มีสินค้าดั้งเดิมจากพิพิธภัณฑ์อาหาร และสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และสินค้าลิมิเต็ดหลายรายการที่ไม่มีจำหน่ายที่อื่น
🎉🎉 จบกันไปแล้วค่าา กับเรื่องราวของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ "นิชชิน" และการไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์
🙏ขอบคุณมากๆนะคะที่แวะเข้ามาอ่าน และเที่ยวไปด้วยกัน💓
1
สุดท้ายนี้ขอจบด้วยรูปเมนูโปรดของเรา จากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของที่นี้ค่ะ
ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล และรูปภาพบางส่วน
โฆษณา