28 ก.พ. 2021 เวลา 22:17 • กีฬา
เรือยิ้ม ! สิงห์ขย้ำผีไม่ลงแบ่งคนล่ะแต้ม
คู่บิ๊กแมตช์ของ พรีเมียร์ลีก ประจำค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นการปะทะกันของแคนดิเดตชิงพื้นที่ท็อป 4 เชลซี เปิดบ้านรับมือ แมนฯ ยูไนเต็ด
สมกับเป็นการเจอกันของบิ๊กทีมอย่างแท้จริง เพราะทั้งคู่ไม่ได้มาตั้งรับหรือแสดงความกลัวแพ้ออกมาให้เห็น มันมีแต่การเดินเกมด้วยความเร็วสูงจากฝั่งหนึ่งถึงอีกฝั่งแบบแทบไม่ต้องหายใจกันเลย
แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายคู่นี้จบด้วยการแบ่งแต้มแถมสกอร์ก็แสนจืดชืด 0-0 ทั้งที่เปิดหน้าบุกแลกกันตลอดทั้ง 90 นาที แน่นอนว่ามันไม่เป็นผลดีต่อทั้งคู่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็พลาดลดช่องว่างจาก แมนฯ ซิตี้ ส่วน เชลซี ก็พลาดโอกาสขยับสู่ท็อป 4
และนี่คือประเด็นน่าสนใจจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์...
- วัดกันที่ริมเส้น
มันเป็นเกมที่ต่างฝ่ายต่างเดินหน้าบุกแบบไม่เกรงใจกันเลย และจังหวะเกมบุกของทั้งคู่มาจากริมเส้นเป็นหลัก
ในช่วง 45 นาทีแรก เชลซี เลือก คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย กับ เบน ชิลเวลล์ เป็นวิงแบ็กขวา-ซ้าย ก่อนส่ง รีซ เจมส์ ลงมาแทน ฮัดสัน-โอดอย ที่เจ็บจนถูกถอดออกในช่วงพักครึ่ง
สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด วางใจ อารอน วาน-บิสซาก้า กับ ลุค ชอว์ รับผิดชอบตำแหน่งแบ็กขวา-ซ้าย
เราได้เห็นทั้ง 5 คนดันเกมขึ้นสูงพาบอลลุยมาถึงแดนสุดท้ายของแต่ละฝั่งอยู่ตลอดเวลา ต้องบอกว่าทำได้น่าประทับใจกันทั้งหมด โดยเฉพาะฝั่ง "ปีศาจแดง" น่าเสียดายที่สุดท้ายจังหวะจบสกอร์ดันไม่คมกันเอง
ถือเป็นเรื่องดีสำหรับทีมชาติอังกฤษไปเลยเพราะทั้ง 5 คนที่ว่านี้เป็นตัวเลือกในตำแหน่งฟูลแบ็กทั้งหมด
- กองหน้าตัวเป้าคนใหม่?
ในเกมนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ปรับแดนหน้าด้วยการส่ง เมสัน กรีนวู้ด ลงเป็นหน้าเป้าแทนที่ อองโตนี่ มาร์กซิยาล
เหตุผลหลักๆ ก็คงเป็นเรื่องฟอร์มการเล่นของ มาร์กซิยาล ที่ยังดูไม่กระเตื้องขึ้นมา ทั้งที่ได้โอกาสลงต่อเนื่อง
การปรับเกมรุกครั้งนี้เป็นผลดีกับ "ปีศาจแดง" อย่างเห็นได้ชัด กรีนวู้ด ขยับขึ้นเป็นหน้าเป้า ส่วนตัวรุกฝั่งขวาเป็น แดเนี่ยล เจมส์
เมื่อบวกกับ บรูโน่ แฟร์นานด์ส กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำให้การเพรสซิ่งสูงของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นไปอีก เห็นได้ชัดเลยว่านักเตะเอาท์ฟิลด์ทุกคนพร้อมใจกันวิ่งบีบคู่แข่งจนตัดบอลสร้างโอกาสเล่นเกมสวนกลับเร็วได้หลายครั้ง
น่าสนใจว่า โซลชาร์ จะเด็ดขาดพอที่จะยึดไลน์อัพในเกมรุกชุดนี้ในเกมต่อๆ ไปหรือเปล่าในเมื่อ มาร์กซิยาล ที่ลงมาเป็นสำรองในช่วง 10 นาทีสุดท้าย ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นใดๆ เลย
- เกมรุก "สิงห์บลูส์" ไม่เฉียบ
นับตั้งแต่ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามากุมบังเหียน เชลซี ก็ทำผลงานดูดีขึ้นมา โดยผ่านไป 9 นัด ยังยึดสถิติไร้พ่าย
ทว่าปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขคือแดนหน้าขาดความคม เพราะยิงรวมกันแค่ 10 ลูก โดยยังไม่เคยมีเกมไหนที่ยิงเกิน 2 ลูกเลย
ในเกมนี้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ถูกส่งเป็นหน้าเป้า ขนาบด้วย ฮาคิม ซิเย็ค กับ เมสัน เมาท์ มันก็แต่จังหวะวูบวาบริมเส้น แทบไม่สามารถเจาะเข้าไปตรงพื้นที่อันตรายหรือสร้างความยากลำบากให้ ดาบิด เด เคอา ได้เลย
พอครึ่งหลังยิ่งแล้วใหญ่ ทูเคิ่ล แก้เกมด้วยการส่ง คริสเตียน พูลิซิช ลงมาแทน ชิรูด์ ทำให้ไม่มีหน้าเป้า ก็ยังไม่ดีขึ้นกว่าเดิม ก็เลยส่ง ทิโม แวร์เนอร์ ลงไปแทน ซิเย็ค ทว่าก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไร
ขณะเดียวกัน การเพรสซิ่งสูงของ "สิงโตน้ำเงินคราม" ก็ไม่ได้สร้างความระคายเคืองให้แนวรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งที่บีบสูงถึงในเขตโทษด้วยซ้ำ ก็ไม่รู้ว่ายังไม่ดุดันพอหรือแผงหลังของ "ปีศาจแดง" กำลังมั่นใจสุดขีดเพราะแกะเพรสซิ่งได้แบบไม่ลำบากเลย
- วีเออาร์ ขโมยซีน
วีเออาร์ กลายเป็นพระเอกของ พรีเมียร์ลีก อย่างแท้จริงในฤดูกาลนี้ เพราะแทบไม่มีสัปดาห์ไหนที่จะผ่านไปได้โดยที่ไม่มีคำตัดสินที่น่ากังขาเลย
ในเกมนี้ตั้งแต่ช่วง 15 นาทีแรก เป็นจังหวะที่ ฮัดสัน-โอดอย เหมือนจะทำแฮนด์บอล ซึ่งถ้าดูจากภาพรีเพลย์จะเห็นเลยว่าโดนมือของเขาในจังหวะพยายามไปแย่งบอลกับ กรีนวู้ด ซึ่งมันไม่ใช่จังหวะแขนแนบลำตัวด้วย
ทว่าสุดท้าย สจ๊วร์ต แอ็ตเวลล์ ผู้ตัดสิน เลือกที่จะไม่ให้จุดโทษกับ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังไปดูภาพจากจอมอนิเตอร์ของ วีเออาร์ ทำเอางงกันตาแตกไปเลย และมันยิ่งต้องเป็นประเด็นเพราะมันอาจเป็นประตูตัดสินเกมได้เลย
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา