9 มิ.ย. 2019 เวลา 11:21 • ไลฟ์สไตล์
“ชีวิตคนเราก็เป็นเหมือนเส้นชีพจรชีวิต ที่ต้องมีขึ้น มีลง บางช่วงขึ้นสูงสุด บางช่วงก็ลงต่ำสุด แต่ยังไงมันก็ยังขึ้นๆลงๆเสมอ ถ้าวันนึงที่มันไม่ขึ้นไม่ลงแล้ว เท่ากับว่าวันนั้นเราได้จากโลกนี้ไปแล้ว”
เมื่อสักครู่แอดมินได้ไปดื่มกาแฟที่ร้านสตาร์บัค พอพูดถึงแบรนด์กาแฟนี้ ทุกคนต่างก็รู้ถึงราคาที่ค่อนข้างสูง แต่คุณภาพก็ตามราคาละครับ
ทำไมจู่ๆต้องพูดถึงสตาร์บัค เพราะแอดมินเพิ่งได้หนังสือมาหนึ่งเล่ม ที่พออ่านจบแล้วจึงอยากจะมาเล่าย่อๆให้เพื่อนๆที่น่ารักของแอดมินได้ฟังกันครับ
เรื่องราวมีอยู่ว่า มีผู้บริหารอาวุโสระดับสูงในบริษัทเอกชนรายใหญ่แห่งหนี่งใน usa สามารถบอกได้เลยครับว่าจุดสูงสุดของชีวิตน่าตาเป็นอย่างไร
เงิน อำนาจ บารมี มีทุกอย่างที่คนธรรมดาคนนึ่งอยากจะมีชีวิตแบบนี้
แต่ด้วยการปรับโครงสร้างขององค์กรรายใหญ่แห่งนี้ ในที่สุดสิ่งที่เค้าไม่อยากให้เกิดขึ้น ก็มาเคาะถึงประตูหน้าห้องของเค้า
จนในที่สุดเค้าก็ถูกบริษัทที่เค้าทำงานถวายได้แม้กระทั่งชีวิต ก็ได้ถีบส่งเค้าลงมาถึงพื้นคอนกรีตด้านล่างเพื่อหางานใหม่
เค้าแทบจะไม่เหลืออะไรในชีวิตอีกแล้ว คุณคิดว่าถ้าเป็นคุณ อายุ 60 กว่าๆแล้ว จะสามารถไปทำงานอะไรได้อีก จะมีที่ไหนให่โอกาสคุณอีกไหม คุณยังอยากจะมีชีวิตต่อไปไหม ถ้าเจอเหตุการณ์เช่นนี้
แต่ในความโชคร้ายหรือช่วงเวลาที่แย่ที่สุด ก็มักจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเสมอ ในที่สุดเค้าได้งานใหม่เป็นบาริสต้าอายุ 60 กว่าๆ ในร้านสตาร์บัค
แต่การปรับตัวจากมาดผู้บริหารที่เคยแต่สั่ง ด่า ต่อว่า ลูกน้องในวันที่อยู่จุดสูงสุด จนมาวันนี่เค้าจะต้องรับคำสั่งจากผู้จัดการร้านที่อายุห่างกับเค้ากว่า 30 ปี นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทัศนคติ มุมมอง และ ทิฐิ เป็นเหมือนสิ่งที่เค้าต้องทำลายมันลงไปให้ได้
จนในที่สุดผู้บริหารระดับสูงในวันนั้น ก็ได้ทำลายกำแพงที่เค้าได้สร้างมันขึ้นมาเองได้อย่างสมบูรณ์ และก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวันที่ยังมีลมหายใจ กับการเป็น “บาริสต้า ประจำร้านสตาร์บัค”
อย่าเพิ่งท้อแท้กับชีวิต แอดมินเชื่อมาเสมอว่า “ถ้ากราฟชีวิตดิ่งลงไปถึงที่สุดแล้ว มันก็ต้องดีดขึ้นมาในสักวัน” สู้ไปด้วยกันนะครับ คนที่แย่กว่าเรายังมีอีกเยอะ แต่เค้าก็ยังสู้!!!
ขอบคุณพลังที่เจ้าของภาพได้มอบให้นะครับ
ขอขอบคุณ
หนังสือที่มาของเรื่องราวจากหนังสือ “starbucks save my life”
ภาพสวยๆจาก www.pixabay.com
โฆษณา