2 ก.ค. 2019 เวลา 14:11 • ธุรกิจ
ประวัติศาสตร์ ชานมไข่มุก ที่โลกต้องรู้
อุตสาหกรรมชาของไต้หวัน เริ่มต้นมาจากการตั้งถิ่นฐานของชาวจีนในยุคแรกนศตวรรษที่ 17 ซึ่งชาอูหลงเป็นหนึ่งในไม่กี่ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของไต้หวัน แต่เนื่องจากผลผลิตประจำปีมีจำกัด จึงส่งผลให้ราคาสูง อีกทั้งความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในช่วงปี 1960 ได้ยกระดับความเป็นอยู่ของคนไต้หวันให้มีฐานะดีขึ้น ทำให้ชาวไต้หวันจำนวนหันมาดื่มชามากขึ้น
 
แต่ก่อนโรงน้ำชาในไต้หวัน ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากกลุ่มชาวจีนที่ได้อพยพเข้ามาในไต้หวัน ซึ่งโรงน้ำชาถือว่ามีประวัติอันยาวนานในประเทศจีน และรูปแบบของโรงน้ำชาก็เปลี่ยนแปลงจากเดิมอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่โรงน้ำชาไต้หวันมีความทันสมัย เป็นการผสมผสานและการปรับตัวของโรงน้ำชาแบบดั้งเดิมเข้ากับนวัตกรรมอื่นๆ พัฒนาสู่ชานมไข่มุกในปัจจุบัน
 
วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จะพาย้อนกับไปดูประวัติศาสตร์ เรื่องราวของเครื่องดื่มยอดฮิตในยุคนี้ “ชานมไข่มุก” ครับ รวมถึงกระแสชานมไข่มุกที่ปัจจุบันขยายตลาดไปเกือบทั่วโลกแล้ว ไม่เว้นแม้แต่สหรัฐอเมริกา  
 
ต้นกำเนิดชานมไข่มุกโลก
2
ขนม Fen Yuan  ภาพจาก bit.ly/2KDDTPG
ชานมไข่มุกนั้น มีถิ่นกำเนิดจากประเทศไต้หวัน ชานมไข่มุก หรือที่ไต้หวันเรียกกันว่า Boba Tea นั้น จริงๆ แล้ว เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญล้วนๆ โดยแต่เดิมแล้วคนไต้หวันชอบทานขนมเฟิ่นเหยียน Fen Yuan (เหมือนขนมโมจิญี่ปุ่นในปัจจุบัน) ขนมเฟิ่นเหยียน Fen Yuan ซึ่งทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ก็จะคล้ายๆ กับตัวไข่มุก แต่จะไม่หนึบเหมือนไข่มุกที่ใส่ชานม
 
อย่างไรก็ตาม ก่อนปี 1980 ชาวไต้หวันยังไม่นิยมดื่มชาเย็น เพราะคนไต้หวันสมัยก่อนจะดื่มแต่ชาร้อน ที่มีวัฒนธรรมมาจากชาวจีนที่อพยพเข้ามาไต้หวัน แต่มีชาวไต้หวันคนหนึ่งได้ไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นในปีนั้น และเห็นคนญี่ปุ่นกินกาแฟใส่น้ำแข็ง จึงเกิดไอเดีย และกลับมาเป็นร้านชาเย็นที่ไต้หวันดูบ้าง สรุปว่าขายดีมากทีเดียว แต่ชาเย็นไต้หวันในตอนนั้นยังไม่ใส่ไข่มุก
Ms. Lin Hsiu Hui ภาพจาก CNNGO : Derrick Chang
แต่จริงๆ แล้ว ชานมไข่มุกนั้นเกิดขึ้นในปี 1988 โดยมีวันหนึ่งในขณะที่ชาวไต้หวันคนนั้น (Ms. Lin Hsiu Hui) กำลังประชุมกันในร้านเรื่องของการคิดค้นสูตรชาใหม่ๆ มาขาย เนื่องจากคนเริ่มเบื่อชาสูตรเก่าๆ กันแล้ว ในตอนนั้นเธอกำลังกินขนมหวานที่เรียกว่าเฟิ่นเหยียน Fen Yuan อยู่ ด้วยความนึกสนุก เขาก็เลยเทเฟิ่นเหยียน Fen Yuan ที่กำลังกินอยู่ ลงไปในชานมเย็นที่วางอยู่ในห้องประชุม แล้วเขาก็ลองชิมแล้วรู้สึกอร่อยดี เลยนำเสนอให้ทุกคนลองชิมดูและก็ได้สูตรใหม่ออกมาเป็น “ชานมไข่มุก”
ภาพจาก bit.ly/2X09Ljn
ด้วยการทำไปแบบเล่นๆ แต่ผลที่ได้มันกลับอร่อย ทุกคนในห้องประชุมชอบชาไข่มุกแก้วนั้น และเมื่อนำออกมาขายภายในร้าน Chun Shui Tang Teahouse เมืองไถจง เครื่องดื่มเมนูชานมไข่มุกก็ทำยอดขายถล่มทลาย แซงหน้าทุกเมนูที่เคยมีมาในร้านแห่งนี้ กลายเป็นกระแสไปทั่วไต้หวัน ก่อนที่จะกระจายไปประเทศอื่นๆ กระทั่งเข้ามาในเมืองไทยเมื่อช่วงปี 1990 จนถึงปัจจุบัน
 
ชานมไข่มุก เครื่องดื่มประจำชาติไต้หวัน
ภาพจาก bit.ly/31TC0DM
แม้ต่อมากระแสชานมไข่มุกในไต้หวันจะซบเซา เพราะตลาดมีแนวโน้มหันไปบริโภคเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแทน แต่อย่างไรก็ตาม ชานมไข่มุก เริ่มกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง ตั้งแต่ปี 2016 หลังไต้หวันมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้สิทธิ์หลายประเทศ เข้าไต้หวันได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งหน่วยงานต่างๆ เลือกชานมไข่มุกมาใช้เป็นสินค้าโปรโมต ในฐานะเครื่องดื่มประจำชาติ
อีกทั้งแบรนด์ต่างๆ ได้ปรับตัวตามเทรนด์ เช่น สามารถเลือกลดระดับความหวานลงได้ มีรสชาติ และส่วนผสมใหม่ๆ ทำให้ตลาดชานมไข่มุก กลับมาคึกคัก กลายเป็นอุตสาหกรรมหลักของไต้หวัน สร้างงานกว่า 3 แสนตำแหน่งในประเทศไต้หวัน 
 
ชานมไข่มุกขยายความเป็นเลิศไปทั่วโลก
ภาพจาก bit.ly/2REpTpt
วันนี้มีร้านขายชานมไข่มุก อยู่บริเวณเกือบทุกมุมถนนของไต้หวัน เครื่องดื่มชานมไข่มุกได้แผ่ขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย แล้วต่อจากนั้นไปยังประเทศอื่นๆ ในโลก รวมถึงสหรัฐฯในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 แต่ชานมไข่มุกยังคงเป็นปริศนาสำหรับชาวตะวันตกส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นที่รู้จักกันดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้มีร้านค้ากว่า 800 แห่งในสหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่เน้นที่นิวยอร์กและแคลิฟอร์เนียและร้านค้าต่างๆ ได้รับการตรวจพบในกว่า 30 ประเทศ
 
ชานมไข่มุกบุกตลาดสหรัฐอเมริกา
ภาพจาก bit.ly/2ZNleo0
แม้ว่าชานมไข่มุกจะมีถิ่นกำเนิดในไต้หวัน แต่ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วเอเชีย รวมถึงเมืองต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาในปี 1990 แต่ก็ไม่ได้รับความนิยม จนกระทั่งปี 2000 ชานมไข่มุกก็กลายเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของเยาวชนชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ที่ไปเรียนที่นั่น เพราะดื่มง่าย สะดวกสบาย เหมาะสำหรับการนั่งรวมกลุ่มพูดคุยกัน 
 
โดยร้านแฟรนไชส์ชานมไข่มุกในสหรัฐอเมริกา เริ่มปรากฏให้เห็นในพื้นที่อาศัยของชาวเอเชียหรือชาวจีน โดยเฉพาะในนิวยอร์ก พื้นที่เอสเอฟและโพคาล ก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังรัฐอื่นๆ อย่างเมืองซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย 
 
สำหรับร้านแฟรนไชส์ชานมไข่มุกแรกๆ ที่บุกตลาดสหรัฐอเมริกา ก็คือ Chatime ซึ่งเริ่มเปิดร้านในพื้นที่ Minneapolis, Boston และ Miami แล้วขยายสาขาอื่นๆ อย่างรวดเร็วใน D’Iberville, Mississippi และจะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ที่ Alabama, North Carolina และอีกมากมาย ซึ่งปัจจุบันChatime เป็นแบรนด์ชานมไข่มุกจากไต้หวันที่มีสาขามากมายทั่วโลก
3
ภาพจาก bit.ly/2Xax8LR
ปัจจุบันร้านชานมไข่มุกหลายๆ แบรนด์ในอเมริกา หันมาใช้กลยุทธ์การตลาดเป็นเครื่องมือเรียกลูกค้า ด้วยการนำเสนอความแปลกใหม่ เช่น ร้าน Boba Guys และร้าน Tea & Milk ชูจุดขายเรื่องความพรีเมียม ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ขณะที่ Seven Bar Lounge ในลอสแอนเจลิส เน้นการขายความแปลกใหม่ ด้วยเมนูที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าผู้ใหญ่
 
สำหรับตลาดชานมไข่มุกในสหรัฐอเมริกา สาเหตุสำคัญที่ร้านชาไข่มุกโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ มันเปิดง่ายกว่าร้านอาหาร เพราะใช้พื้นที่น้อยกว่า นั่นก็หมายถึงค่าเช่าที่ถูกกว่า แถมขอใบอนุญาตก็ง่ายกว่าด้วย
 
การขยายวัฒนธรรม “ชานมไข่มุก” สู่เอเชีย
ภาพจาก bit.ly/2Yd933C
มีการคาดการณ์ว่า สาเหตุที่ชานมไข่มุก กลับมาฮิตในประเทศไทยเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นหลังจาก “ไช่อิงเหวิน” ขึ้นมาเป็นผู้นำหญิงคนแรกของไต้หวัน ในปี 2016
 
หลังจากนั้นมีนโยบายดึงดูดนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการให้สิทธิ์ฟรีวีซ่าคนต่างชาติไปเที่ยว ซึ่งนั่นรวมถึง “คนไทย” ด้วยเช่นกัน บริษัทและหน่วยงานต่างๆ ในไต้หวัน ก็พร้อมใจกันหยิบ “ชานมไข่มุก” มาเป็นเครื่องดื่มประจำชาติ
 
กลายเป็นกระแสว่าไปเที่ยวไต้หวัน แล้วต้องไปตามกินชานมไข่มุกร้านดังให้ครบกันเลยทีเดียว แม้อาจจะฟังดูไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรง แต่กระแส “ชานมไข่มุกไต้หวัน” ไม่ได้อยู่แค่ไทยเท่านั้น เพราะยังบูมในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้ฟรีวีซ่าเช่นกัน
 
จริงๆ แล้ว “ชานมไข่มุก” ไม่ใช่เครื่องดื่มที่ใหม่สำหรับในเมืองไทย หากเข้ามาในตลาดได้นับ 10 ปี ก่อนมนต์เสน่ห์จะเจือจาง และกลับมาบูมอีกครั้งในช่วง 2 ปีมานี้ จนกระทั่งร้านเครื่องดื่มต่างๆ ต้องเพิ่มเมนูชานมไข่มุกเป็นทางเลือกลูกค้า
ภาพจาก bit.ly/2XvSNgR
ส่วนความฮิตของชาไข่มุกในเวียดนามนั้น ถึงขั้นมีถนนสายชาไข่มุก หรือ Bubble tea street ในหลายๆ เมือง เพราะมีร้านขายชานมไข่มุกแบรนด์ดังๆ จากต่างประเทศ ตั้งเรียงรายนับสิบร้าน โดยแต่ละร้านขายดิบขายดี มีวัยรุ่นมายืนต่อคิวซื้อจำนวนมาก บางร้านรอเป็นชั่วโมงก็ไม่บ่น และนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเวียดนามก็จะต้องลิ้มลองรสชาติชานมไข่มุกตาละร้านด้วย 
 
มีรายงานว่า จากความนิยมชานมไข่มุกในเวียดนาม ปรากฏว่าครึ่งแรกของปี 2017 มีร้านชาไข่มุกเปิดในฮานอยเฉลี่ยเดือนละ 8 ร้าน สำหรับร้านที่เงียบๆ จะขายได้ราวๆ 200-300 แก้วต่อวัน ส่วนร้านดังๆ ก็ชงกันมือเป็นระวิงเป็นพันแก้วกันเลยทีเดียว
 
ตลาดชานมไข่มุกโลก มูลค่าแตะกว่า 1 แสนล้านในปี 2030
ภาพจาก bit.ly/2LqmYjp
ปัจจุบันตลาดชานมไข่มุกทั่วโลก มีมูลค่าอยู่ที่ 62,500 ล้านบาท และมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2023 มูลค่าตลาดจะเติบโตไปอยู่ที่ 103,000 ล้านบาท สำหรับประเทศไทย ตลาดชานมไข่มุก มีมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท
 
ในประเทศไทยเองกระแสชานมไข่มุกกลับมา ทำให้มีผู้นำเข้าแบรนด์จากไต้หวัน หรือเปิดร้านใหม่ของตัวเอง เป็นจำนวนมาก แม้กระทั่งร้านอาหารบางแห่ง ก็เพิ่มเมนูนี้เข้าไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นยุคของ “ชานมไข่มุก” จริงๆ  -
โฆษณา