16 ส.ค. 2019 เวลา 02:46 • ธุรกิจ
ประเดิมกระทู้แรก
Wyckoff Logic
ทฤษฎีแห่งการเป็นเหตุเป็นผล
หุ้นแบ่งออกเป็น 4 ระยะ
- ระยะสะสม
- ระยะmark up
- ระยะกระจาย
- ระยะmark down
สะสม เพื่อ mark up
เมื่อทำราคามาซักพักก็
กระจาย เพื่อ mark down
เหตุการณ์สำคัญที่ควรจะต้องรู้
SC -​Selling Climax
เกิดในระยะท้ายๆของmark down ลักษณะ
ของมันคือ เกิดแท่งแดงยาว พร้อมโวลุ่มมาก หรือ เกิดแท่งแดงหลายๆแท่งต่อเนื่อง
SC จะเป็นสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่า หุ้นจะเริ่มเข้าสู่ระยะสะสมที่ยาวนานแล้ว
AR -Automatic Rally หรือ Reaction Rally
จะเกิดการเด้งของราคา เนื่องจากจะมีแรงซื้อที่มีความเชื่อว่า ณ ราคาตรงนี้คือราคาต่ำสุดแล้ว แต่แรงซื้อนั้นไม่มากพอที่จะทำให้ราคาขึ้นไปเท่าเดิมก่อนที่จะเกิดselling climaxได้
เมื่อเกิด SC+AR แล้ว เราสามารถกำหนดกรอบสะสมแบบคร่าวๆได้
โดย
Low ของ SC คือ แนวรับของกรอบสะสม
High ของ AR คือ แนวต้านของกรอบสะสม
Spring
คือการทดสอบsupplyของหุ้นตัวนั้น ว่ายังมีหลงเหลืออยู่ในระยะสะสมหรือไม่
Spring จะเป็นการ "แกล้ง" ให้ราคาหลุดแนวรับของกรอบสะสมลงไป เพื่อเช็คว่ายังมีรายย่อยมีของและพร้อมขายทิ้งอีกเยอะหรือไม่ เมื่อsmart moneyหรือรายใหญ่ ได้ของเพิ่มขึ้นหรือเช็คของจนครบตามที่ต้องการแล้ว ก็จะทำการดึงราคากลับเข้าไปอยู่ในกรอบสะสมเหมือนเดิม
Springบางครั้งอาจจะเห็นได้ชัดเจน บางครั้งอาจจะไม่เห็นได้เช่นกัน
SOS - Sign of Strength
ลักษณะของsosนี้คือ แท่งเขียวยาว พร้อมโวลุ่มมาก มันจะเกิดขึ้นภายในกรอบสะสม เพื่อโชว์ความแข็งแกร่งของราคา และ พร้อมที่จะเบรคกรอบสะสมเพื่อเปลี่ยนเป็นmark upต่อไป
SOS เป็นแท่งเขียวยาว
ความหมายคือ เป็นแท่งเขียวยาว ที่ยาวกว่าแท่งเขียวก่อนหน้าที่เกิดขึ้นนานหลายๆเดือน หุ้นมีึความคึกคักเพิ่มขึ้น จนทำให้ราคาเคลื่อนที่หลายช่อง
SOS มีโวลุ่มมาก
ความหมายคือ มีโวลุ่มที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับหลายๆเดือนที่ผ่านมา อยู่ๆโวลุ่มก็มาจากไหนไม่รู้ มาเทรดในหุ้นตัวนี้หลังตากที่เงียบเหงามานาน
เมื่อทุกสิ่งที่อย่างเกิดขึ้นหมดแล้ว หุ้นก็ Break Out ออกจากกรอบสะสม เพื่อเปลี่ยนเป็น Mark up Phase ต่อไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา