7 พ.ย. 2019 เวลา 10:01 • ความคิดเห็น
การแก้ไขปัญหาความยากจนของประเทศจีน
ประชุม อาเซียน
นายหลี่ เค่อ เฉียง นายกฯจีน ที่หอการค้าไทย-จีน
เสร็จสิ้นการประชุมอาเซียนไปอย่างงดงาม ในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ติดลุ้นโดนถอดถอนเลยไม่ได้มาร่วม เปิดโอกาสให้ ฝั่งจีน นำโดย นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ได้แสดงบทบาทและตกลงความร่วมมือ กับ อาเซียน และ RCEP ได้สวยงามถึงแม้ยังติดขัด เป็นแค่ 10+5+1 คือ อินเดีย ยังมีข้อขัดข้องบางประการ เสร็จจีนยังประชุมต่อกับไทยเป็นการเฉพาะ แถมไปคุยกับหอการค้าไทย-จีน ชื่นมื่น ต่องานด้วยไทย(นำโดย รมต.พาณิชย์ ท่านจุรินทร์)ตามไปร่วมงานที่เซี่ยงไฮ้ เรียบร้อย ต่อไปคอยติดตามว่าจะมีอะไรกันบ้าง ไทย-จีน
หนึ่งในเรื่องที่คุยกันคือจีนพร้อมถ่ายทอดวิธีหรือโมเด็ลการแก้ปัญหาความยากจน ยกระดับ คนจนขึ้นมา ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นของจีนในทศวรรษนี้เลย ในปี 2013-2015 จีนได้ช่วยเหลือยกฐานะคนยากจน มากกว่า 66 ล้านคน พ้นจากความยากจน และประกาศให้ปี 2020 ประเทศจีนชนะความยากจน ไม่มีคนจนในเมืองจีน ว้าว😊😍
รูปแบบการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความยากจนของจีน ตามนโยบายของ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เป็นนโยบายการให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างตรงจุด ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการบรรเทาทุกข์ แต่ยังเป็นกรุยทางไปสู่ความร่ำรวยได้อีกด้วย
นโยบายช่วยเหลือประชาชนอย่างตรงจุด มีความมหัศจรรย์อย่างไร
จากที่ทั่วไปมักจะแก้ไขปัญหาคนยากจนโดยการแจกเงินให้เท่าๆกันแก่คนจน แต่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ให้วิเคราะห์ปัญหาความยากจนลงไปถึงระดับครัวเรือนของประชากรทั้ง 1,400 ล้านคนของประเทศจีน บันทึกข้อมูล แล้วจึงจะวางแผนให้ความช่วยเหลือให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
โดยส่งทีมเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้และประสบการณ์เข้าไปในทุกครัวเรือนเพื่อตรวจสอบและพูดคุยกันแบบตัวต่อตัว และเก็บข้อมูลสมาชิกทุกคนในครอบครัว เกี่ยวกับ สุขภาพ รายได้ ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต ความสามารถความถนัดและปัญหาที่ประสบอยู่
ในปี 2013-2015 มีเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 2 ล้านคนเข้าร่วมโครงการนี้ เขาเก็บแยกข้อมูลเหล่าครอบครัวคนยากจนไว้มากกว่า 89 ล้านแฟ้ม เท่ากับจะมีโครงการช่วยเหลือคนจนกว่า 89 ล้านโครงการ
ทำไมจีนต้องลงแรงและต้องมีรายละเอียดลงลึกถึงขนาดนี้ เป็นเพราะแต่ละบุคคล แต่ละครอบครัวมีปัญหาแตกต่างกันไป บางคนเป็นปัญหาเรื่องเงิน บางคนเรื่องความรู้ ทักษะ บางคนมีภาระต้องเลี้ยงดูบุตรหรือพ่อแม่ที่แก่ชรา บางแห่งการเดินทางไม่สะดวก
2
รัฐบาลจีนจึงได้จัดสรรกองทุนออกเป็นหลายประเภท เพื่อแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันของแต่ละหมู่บ้าน แต่ละชุมชน
สีจิ้นผิง ได้กล่าวไว้ว่า "ต้องดำเนินการจากความเป็นจริง ปรับให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่นั้นๆ จะให้ปลูกอะไร จะให้เลี้ยงอะไร ต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ จะเพิ่มรายได้จากทางไหน ต้องกาทางที่ดีที่สุดเพื่อช่วยให้ประชาชนร่ำรวยให้ได้"
1
บางหมู่บ้านสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยว บางแห่งต้องสร้างถนน สร้างสะพาน เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายผลผลิต ผู้สูงอายุรับเบี้ยหวัดจากรัฐ ส่วนผู้ขาดทักษะจะได้รับการอบรมสร้างอาชีพ ที่อยู่กระจัดกระจายห่างไกลก็ย้ายมาอยู่ชุมชนที่ทางรัฐจัดสรรให้
นี่คือวิธีการที่จีน แก้ไขปัญหาความยากจน ด้วยการสร้างแผนปฏิบัติการตามสถานการณ์ของแต่ละชุมชนหมู่บ้าน และแต่ละบุคคลที่มีความแตกต่างกัน นี่คือความแม่นยำของนโยบายนี้ โดยเอาเทคโนโลยีและ AIเข้ามาช่วย ปัจจุบันจีนสามารถช่วยผู้คนยกฐานะพ้นจากความยากจนได้ปีละมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี และตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะขจัดความยากจนให้หมดไป ในปี 2020
เป็นจุดเด่น อีกเรื่องของเมืองจีน ที่น่าทึ่ง เปื่อยทึ่ง
ประการแรก คือ ขจัดปัญหาคอรัปชั่นได้อย่างเด็ดขาด ตั้งแต่ระดับนายพล ยันเสมียนน้อย ที่ปรับเปลี่ยนไม่ทันถูกจับได้ ก็ถูกประหารอย่างเปิดเผย ระบบติดต่อราชการที่เมื่อก่อนต้องมีอั่งเปาใส่ซอง เดี๋ยวนี้ไม่มีใครกล้ารับ
ประการที่สอง เรื่องแก้ปัญหาความยากจน เรื่องนี้ทำจริงจังมาก เมื่อประชาชนกินอิ่มอยู่สบายขึ้น การลงมติให้ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ไม่มีวาระกำหนดเลยผ่านฉลุย
ประการที่สาม เรื่องการพัฒนา ระบบทุนนิยมต้องคิดใหม่เลย การพัฒนาบางประการต้องเปิดตลาดให้มีการแข่งขัน แต่การพัฒนาบางอย่างรัฐควรเป็นผู้ริเริ่มและลงทุน โดยไม่ต้องกลัวขาดทุน เพราะประเทศยิ่งเจริญรัฐเองก็ยิ่งได้ ซึ่งจีนทำได้ดียิ่ง
ประการที่สี่ เผด็จการคอมมิวนิสต์ แบบจีนๆ หรือจะเรียกตามระบบเศรษฐกิจว่า สังคมนิยมการตลาด ใครว่าแสดงความคิดเห็นไม่ได้ จีนมีอินเตอร์เน็ต5G มีโซเชียล มีการใช้ AI และเห็นเขาว่า มีการใช้นักรบไซเบอร์เป็นแสนๆคนด้วย แต่ไม่ได้บ้า สร้างโพลปลอมติดแฮชแทค ชาวจีนสามารถแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ ทั้งเรื่องการทำงานของรัฐ เรื่องเดือดร้อน เบาะแสคอรัปชั่น อาหารแพง ข้าวแกงอร่อย วิจารณ์ปัญหาสังคมได้ เรื่องมลภาวะ น้ำเสีย ฝุ่น 2.5 ซึ่งเหล่านักรบไซเบอร์จะไม่โต้ตอบแต่เร่งรวบรวมข้อมูลให้รัฐทราบ โดยรัฐจะนำไปพิจารณาและวางแนวทางแก้ไขปัญหา แล้วประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่ารัฐทราบว่าตอนนี้ เรื่องอะไรเป็นปัญหาและกำลังแก้ไขอย่างไรหรือขอความร่วมมือให้ช่วยกันอย่างไร พวกนักรบก็จะช่วยปล่อยข่าวดีๆของรัฐ
มีที่ห้ามเด็ดขาด คือ เรื่องชวนให้มีการชุมนุม เรื่องแระชาธปไตย และเรื่องส่วนตัวผู้นำ อันนี้ห้าม 😊😉 แต่วิจารย์นโยบายแบบวิชาการได้เต็มที่
เรื่องแนวทางแก้ไขปัญหาความยากจน ของจีน ไม่ใช่รัฐบาลไทยเราไม่ศึกษา เพราะที่เรื่อยเปื่อยดูนี่ ก็หลักๆเป็นคลิปจาก ไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลเป็นหน่วยงานเผยแพร่ ตั้งแต่ 26 ตุลาคม 2560
ตามลิ้งค์นี้ https://youtu.be/ay8Trk4wBHs
https://youtu.be/ay8Trk4wBHs
ถามว่า รู้แล้วเราทำอะไร
เมื่อเราศึกษาวิเคราะห์ ชื่นชม วิธีการเขา เราก็เอามาทดลองปฏิบัติ เรียกว่าทดลองไหม หนอ แต่เราทำไปแล้วหละ
ภายใต้ชื่อ "ไทยนิยม ยั่งยืน" แต่ระยะสั้นมาก เร่งมาก และต้องมาปรับหยุดเปลี่ยน เงียบไป ตามนโยบาย
ประเทศเราเห็นอะไร ที่ไหนดี เราทำหมดครับ ทำเสร็จไปเรียบร้อย ได้ข้อสรุป รอรัฐบาลเข่มแข็งพอเราจะเดินต่อไปจ้างหน้านะ
บ้านเมืองต้องมีเสถียรภาพ และต้องโชคดีที่มีผู้นำที่มุ่งมั่นทำเพื่อประชาชน มีประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากการบริหารบ้านเมือง ที่ดี สนับสนุนผู้นำ ว่าแต่ไก่จะเกิดก่อนไข่ หรือไข่เกิดก่อนไก่
สิงคโปร์ ก็เจริญมั่นคง ดี P&P มีฝ่ายค้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเมื่อก่อน มี คนเดียว ต่อมาเป็นสามคน มาถึงยุคนี้ มี หกคน แล้ว น่าเขียนถึงเหมือนกัน ส่วนปู่มหาเธ มาเที่ยวนี้ ก็ยังเฟี้ยว 90+ ปีแล้วนั่น ท่านพูดดี คิดถึงนิทานไม้ลูกชิ้นเลย ไม้เดียวหักง่าย มัดเป็นกำหักไม่ไหว อาเซียน +5+1 ก็ต้องจับมือกันให้มั่น ร่วมกันให้จริงใจ อย่างหอการค้าว่า กลุ่มอาชีพเหมือนกันจับมือกันสิ ปาล์ม ยาง ข้าว ข้าวโพด กุ้ง ปลา ฯ ขายราคาเดียวกันตามคุณภาพ อย่าตัดราคากันเอง แค่นี้ก็มีพลัง แฮปปี้ ว่าแต่ทำยากจีง 55😋😍🤗
โฆษณา