19 พ.ย. 2019 เวลา 13:10 • ธุรกิจ
ปัญหาประชากรโลกมีขนาดหดตัวลง ทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงจีนแผ่นดินใหญ่กำลังเป็นปัญหาที่นักประชากรศาสตร์ และนักนโยบายทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ เพราะปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้จะสร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรงภายใน 30 ปีข้างหน้า (จากการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์)
หากแตกประเด็นให้ย่อยลงมานั้นก็จะเห็นว่าปัญหาประชากรขาดแคลนและหดตัวลงในหลายๆประเทศนั้น เกิดขึ้นเพราะผู้หญิงที่เป็นตัวแปรสำคัญในการผลิตประชากรเริ่มมีการศึกษา มีการเข้าถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจมากขึ้น หลายประเทศเริ่มเปิดกว้างต่อผู้หญิงมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันผู้หญิงทั่วโลกมีอัตราเข้าถึงการศึกษา ได้เรียนหนังสือ ออกมาทำงานนอกบ้านมากขึ้น
1
นั่นแปลว่าผู้หญิงมีความสามารถในการกำหนดชะตาชีวิตและเศรษฐกิจของตนเองได้มากขึ้นกว่าเมื่อ 50-60 ปีก่อนที่ต้องอยู่แต่ในบ้าน เลี้ยงลูก ทำความสะอาดบ้านไปวันๆ เมื่อผู้หญิงมีการศึกษามากขึ้น และรวยขึ้น บวกกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
2
ทำให้ประชากรผู้หญิงในช่วง 10-20 ปีนี้ เริ่มมองว่าการมีครอบครัว การแต่งงานมีลูกมีหลานนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล และ ‘เป็นภาระ’ ในชีวิตและเสี่ยงจะกระทบฐานะทางเศรษฐกิจของตนเอง อัตราการคลอดบุตรจึงลดลงในหลายประเทศ เพราะผู้หญิงเริ่มไม่อยากมีลูก แม้ว่าอัตราการแต่งงานอาจจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าหลายประเทศนั้น ประชากรจำนวนมากเริ่มไม่อยากมีลูกแล้ว
3
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ** เกาหลีใต้ ** ที่ผู้หญิงมีการศึกษา มีหน้าที่การงานที่ดีจำนวนมากเลือกจะเป็นโสดและอยู่กับเพื่อนฝูงมากกว่า เพราะเชื่อว่า “การมีครอบครัวนั้นเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน”
1
อนึ่ง โดยพื้นฐานของสังคมเกาหลีใต้นั้นเป็นสังคมที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมสูง และเศรษฐกิจก็ค่อนข้างดี ทำให้เมื่อถึงวัยที่ต้องแต่งงาน ออกเรือน ฝ่ายหญิงมักจำเป็นต้องลาออกจากงานมาดูแลกิจหรือธุระภายในบ้านเป็นหลัก โดยเฉพาะกับการเลี้ยงดูลูกในขณะที่ฝ่ายชายออกไปทำงานหาเงิน
5
*** ซึ่งสร้างความไม่พอใจและความอึดอัดให้แก่ผู้หญิงสมัยใหม่เป็นอย่างมาก
เศรษฐกิจเกาหลีใต้นั้นเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดมาเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1960s เป็นต้นมา แรงงานและผู้คนจึงพากันอพยพเข้าเมืองไปหางานทำ ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิง แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ดี แต่มันกลับสร้างปัญหาระดับชาติให้แก่เกาหลีใต้เป็นอย่างสูง
2
จากเดิมที่ค่าเฉลี่ยการมีลูกของคนเกาหลีใต้นั้นมีอยู่ที่ครอบครัวละ 6 คน ในปี 1960 ตัวเลขนั้นกลับลดลงถึง 6 เท่า ในปี 2018 ที่มีค่าเฉลี่ยตกมาเหลือที่ 0.98 คน ต่อ 1 ครอบครัว นั้นหมายความว่า หลายครอบครัวนั้นแม้จะแต่งงานกันจริง แต่ไม่มีแผนการจะมีลูก หรือขยายครอบครัวกันเลย
1
จากผลสำรวจโดยสำนักงานสถิติของรัฐบาลเกาหลีใต้ ในปี 2018 พบว่า มีผู้หญิงเพียง 22% เท่านั้นที่มองว่าการแต่งงานสร้างครอบครัวเป็นสิ่งจำเป็น (ลดลงไปจากเกือบ 50% ในปี 2010 กว่าเท่าตัว ส่งผลให้อัตราการคลอดและมีบุตรต่ำจนติดอันดับแถวหน้าของโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว)
*** ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้อย่างชัดเจนและรุนแรง ก็คือ มีผู้ชายโสดเพิ่มจำนวนเยอะขึ้นมากๆ
1
แนวโน้มการปรับตัวต่อทัศนคติในการแต่งงานเริ่มแสดงออกให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นในทศวรรษที่ 1990s เพราะสาวๆเกาหลีใต้นั้นเริ่มอพยพเข้าสู่เมืองใหญ่ และเมืองอุตสาหกรรมในภูมิภาคต่างๆมากขึ้น จนทำให้ ‘ผู้หญิง’ กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขาดแคลนในสายตาของหนุ่มๆเกาหลี
หนุ่มๆเกาหลีจึงเริ่มออกไปหาแฟนสาวจากต่างประเทศ ในแหล่งภูมิภาคใกล้เคียงเพิ่มขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สถิติการแต่งงานกับชาวต่างชาติพุ่งขึ้นไปสูงแตะระดับเกือบ 300,000 คน (นั่นหมายความว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมานี้ ผู้ชายเกาหลีใต้กำลังมีความต้องการประชากรสาวๆจำนวนกว่า 15,000 คนทุกๆปี)
1
ถือว่าเป็นจำนวนที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วมากๆ เพราะตัวเลขเหล่านี้เพิ่งแตะที่เพดาน 100,000 ราย เมื่อประมาณปี 2010 นี้เอง เพียง 10 ปีนั้นยอดกลับพุ่งขึ้นมาทะลุเป็นเกือบ 300,000 คน และยังมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากท่าทีที่รัฐบาลกำลังมีความต้องการแรงงานข้ามชาติ และขยายขนาดของประชากรภายในประเทศเพื่อป้องกันปัญหาภายในสังคมสูงวัย
1
โดยจากการสำรวจของรัฐบาลนั้นพบว่า เป้าหมายของหนุ่มๆเกาหลีใต้นั้นมักเป็นสาวๆจากประเทศใกล้เคียง เช่น จีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และไทย จึงคาดการณ์ได้ว่าหน้าตา และเค้าโครงหน้าในลักษณะออกหมวยๆ หรือผิวแทนๆนิดหน่อย กำลังเป็น ‘ความงาม’ ที่หนุ่มๆเกาหลีน่าจะชื่นชอบกัน
2
สำหรับสาวเวียดนามที่เข้ามานั้นจะมีตัวเลขที่ค่อนข้างสูง คือราวๆ 6,000 คนต่อปี จากทั้งหมด 15,000 คน ตามสถิติของสถานทูตเกาหลีใต้ในกรุงฮานอย เพราะเวียดนามนั้นเป็นตลาดที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุด และมีประชากรวัยรุ่นวัยทำงานพร้อมส่งออกค่อนข้างสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
 
ส่วนถ้านับจากสถิติที่กระทรวงการต่างประเทศ ของสาวๆที่มาลงทะเบียนขอสัญชาติจากการแต่งงานกับหนุ่มๆเกาหลีใต้จำนวนราวเกือบ 200,000 คนในปัจจุบันนั้น จะแบ่งเป็น
4
สาวจากจีนประมาณ 60,000 คน
1
สาวจากเวียดนามประมาณ 40,000-50,000 คน
1
สาวจากญี่ปุ่นประมาณ 20,000 คน
สาวจากกัมพูชาอีก 5,000-6,000 คน
สาวไทยมีน้อยหน่อย ประมาณ 4,000-5,000 คน
สาวมองโกเลียมี 3,000 คน
และสาวๆจากประเทศอื่นๆอีกเกือบ 20,000 คน
รัฐบาลเกาหลีใต้ได้เล็งเห็นแนวโน้มความเป็นไปได้ในอนาคต จึงเริ่มโครงการสนับสนุนการแต่งงานกับชาวต่างชาติในหมู่ชายเกาหลีใต้ โดยเริ่มส่งต่อนโยบายให้กับทางรัฐบาลท้องถิ่นในการก่อตั้งศูนย์สนับสนุนโครงการดังกล่าวขึ้นมากกว่า 200 แห่ง ทั่วเกาหลีใต้ในฐานะกลไกหลักสำคัญในการส่งเสริมนโยบายดังกล่าว
1
ซึ่งกลไกดังกล่าวนั้นจะทำหน้าที่ในการจัดฝึกอบรมสอนภาษาเกาหลี อบรม workshop แนะนำการทำงาน จัดหางาน ฝึกอบรมวิชาชีพ และมารยาทแบบเกาหลี ไปจนถึงคอร์สการทำอาหารเกาหลี และสอนการแต่งตัวในชุดฮันโบก
2
เพื่อช่วยให้สาวๆชาวต่างชาติที่สนใจมาแต่งงานกับหนุ่มๆเกาหลีใต้สามารถปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น และสามารถพัฒนาทักษะไว้ใช้หางานทำได้หลังจากแต่งงานแล้ว
1
*** โดยค่าใช้จ่ายหลักๆนั้นจะมีรัฐบาลท้องถิ่นของเกาหลีใต้เป็นผู้ให้การสนับสนุน
ในปี 2017 นั้น รัฐบาลเกาหลีใต้ได้อนุมัติงบประมาณกว่า 3,000,000,000 บาท ในการอัดฉีดโครงการสนับสนุนการแต่งงานกับสาวต่างชาติ ทั้งโครงการอบรมภาษา ฝึกวิชาชีพ หรือแม้แต่อบรมผู้ประกอบการหน้าใหม่ รวมไปถึงศูนย์ช่วยเหลือด้านการเลี้ยงดูบุตรและครอบครัว เพื่อดึงดูดให้มีการสร้างและขยายครอบครัวมากขึ้น
ปริมาณเม็ดเงินในการอัดฉีดนั้นขึ้นอยู่กับรัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละแห่งว่าจะสนับสนุนให้ครอบครัวละกี่บาท แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่างราวๆ 100,000 บาท ถึง 400,000 บาท อย่างเช่นเทศบาลเมือง Yangpyeong นั้นอัดฉีดเงินให้กับครอบครัวหนึ่งๆกว่า 300,000 บาท เพื่อโน้มน้าวให้ครอบครัวเหล่านั้นมีลูกอยู่นานหลายปี
1
โดยสรุปง่ายๆ ค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลเกาหลีใต้มักจะอัดฉีดก็จะมีค่าจัดงานวิวาห์ ค่าตั่วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่านายหน้า ไปจนถึงการจัดทัวร์ไปยังประเทศเป้าหมายที่หนุ่มๆเกาหลีใต้อยากได้สาวๆมาเป็นแฟน (อยากได้สาวไทยก็ออกเงินให้บินมาไทย อยากได้สาวเวียดนามก็ออกเงินให้บินมาจีบสาวที่เวียดนาม)
ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและครอบครัวนั้น ค่าใช้จ่ายในโครงการอัดฉีดก็จะแตกต่างกันไปตามรายประเทศเป้าหมายที่หนุ่มๆตั้งไว้ (โดยจะมีลิสต์ให้เลือกอยู่บนเว็ปไซต์ที่รัฐบาลได้จัดเตรียมไว้ในการสรรหาสาวๆจากต่างชาติที่ลงทะเบียนอยากเข้าร่วมโครงการ)
ถ้าจะแต่งกับสาวจีน รัฐบาลก็จะอัดฉีดเงินให้ราวๆ 300,000 บาท
2
ถ้าจะแต่งกับสาวเวียดนามหรือสาวกัมพูชาหรือว่าไทยก็อาจจะได้ประมาณ 400,000 บาท
ส่วนสาวฟิลิปปินส์นั้นอยู่ไกลขึ้นมาหน่อย ก็อาจจะสูงขึ้นมากว่า 400,000 บาทสักหน่อย
สำหรับสาวที่แพงที่สุดคือ จากอุซเบกิสถาน (เอเชียกลาง) จะอยู่ที่ราคาประมาณ 500,000 บาท
1
ถือเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ สำหรับสาวๆไทยที่กำลังโสดและอาจจะมีความนิยมชมชอบในวัฒนธรรมเกาหลีใต้ ชอบอปป้า ตรงนี้น่าจะเป็นโอกาสดีๆสำหรับสาวไทยหลายๆคน เพราะนอกจากจะมีลุ้นได้แฟนเป็นหนุ่มตี๋หน้าตาขาวหล่อแบบดาราแล้ว ยังมีสิทธิได้เข้าถึงสัญชาติ และสวัสดิการต่างๆที่รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ลงทุนอัดฉีดไว้ให้อีกหากมีบุตร
(ดีกว่าเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายไปเป็นผีน้อยแบบหลบๆซ่อนๆรอวันที่ตำรวจมาเจอจนโดนส่งกลับประเทศ หรือร้ายที่สุดคือโดนบังคับไปขายตัว)
*** อายุเฉลี่ยของสาวๆที่กำลังค่อนข้างเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆชาวเกาหลีใต้ คือ ราวๆ 20-30 ปีต้นๆ จะมีแนวโน้มในการหาคู่ได้ง่ายมากที่สุด (อายุ 20 ปีกำลังดี เพราะยังถือว่ายังสาวและเป็นวัยกำลังโต)
วันหลังเดี๋ยวจะมาเล่าถึงชีวิตและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาวๆที่โชคดีได้แต่งงานกับหนุ่มๆเกาหลีใต้จนสร้างครอบครัว ได้สัญชาติและย้ายไปอยู่ในบ้านที่เกาหลีกันว่ามีวิถีชีวิตและการปรับตัวเข้ากับสังคม วัฒนธรรมเป็นอย่างไร
โฆษณา