5 ม.ค. 2020 เวลา 12:08 • ข่าว
#ว่าด้วยเรื่องวิกฤติไฟป่าออสเตรเลีย
#งานเผาจริงยังไม่มา
ในช่วงตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนวันนี้ ข่าวไฟป่าที่ออสเตรเลียน่าเป็นห่วงมาก ที่ดูเหมือนว่าจะลุกลามรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
มีการประเมินว่าตั้งแต่เริ่มต้นเกิดเหตุไฟป่านับจากช่วงกันยายนปีที่แล้ว ออสเตรเลียสูญเสียพื้นที่ป่าไปแล้ว กว่า 55,000 ตารางกิโลเมตร เสียสัตว์ป่าไปแล้วร่วม 500 ล้านตัว รวมถึงหมีโคอาล่าตามธรรมชาติตายไปราวๆ 30% ยังไม่นับสัตว์ป่าบางชนิดที่มีโอกาสสูญพันธุ์สูญพันธุ์
บ้านเรือนถูกเผาทำลายไปมากกว่า 2500 หลังคา และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 25 ราย ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และอาสาสมัครกู้ภัย
มีหลายคนก็ถามกันมาเยอะว่า สาเหตุของไฟป่าที่ออสเตรเลียครั้งนี้มันเกิดจากอะไร
ต้องทำความเข้าใจนิดนึงก่อนว่า ไฟป่าในออสเตรเลีย ที่เขามักจะเรียกว่า "Bushfire" เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ และเป็นหนึ่งในระบบนิเวศน์วิทยา ที่มักเกิดในช่วงฤดูร้อน ในเขตทุ่งหญ้าแห้ง ที่จะเกิดไฟป่า เผาต้นหญ้าเก่าเพื่อแตกฝักเกิดเป็นต้นหญ้าใหม่
แต่นั่นหมายถึงว่า มันเกิดจากธรรมชาติจริงๆ ที่มีกลไกควบคุมของมัน
แต่ทว่า วิกฤติไฟป่าปีนี้ที่ออสเตรเลีย มันรุนแรง และลุกลามมากเกินไปจนผิดธรรมชาติ
โดยกรมอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียเขาสรุปความผิดปกติของวิกฤติไฟป่าในปีนี้ มาจาก 3 สาเหตุคือ
1. คลื่นความร้อนที่สูงมากเป็นประวัติการณ์
2. ภัยแล้งที่ต่อเนื่องยาวนานติดต่อกันหลายปี
3. กระแสลม ที่รุนแรงอย่างไม่เคยเกิดมาก่อน
แต่อะไรที่ทำให้เกิดสภาอากาศอาเพศ ถึงขนาดสร้างความหายนะในแก่ออสเตรเลียได้ถึงขนาดนี้
ถ้าจะตอบว่า เป็นเพราะภาวะโลกร้อน นั้นก็ถูกต้อง แต่มันอาจจะดูกว้างเกินไปหน่อย
วันนี้เราลองมาสำรวจต้นเหตุของมหันตภัยไฟป่า หรือ Bushfire ของออสเตรเลียกันให้เข้าใจขึ้นอีกนิดกันดีกว่า😀
หากจะอธิบายให้เห็นภาพของวิกฤติภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในออสเตรเลีย มีรายงานจากกรมอุตุวิทยาว่า ประเทศออสเตรเลีย มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นทุกๆปี ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1920 แล้ว และพอมาช่วงปี 1980 เป็นต้นมา ก็ยิ่งร้อนขึ้นเฉลี่ยเกือบ 1 องศามาตลอดเกือบทุกปี จนถึงปีนี้ในช่วงธันวาคม ที่เป็นช่วงฤดูร้อนของทางซีกโลกใต้ อุณหภูมิสูงสุดทุบสถิติที่ 41.9 องศา ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
ข้อมูลสถิติค่าเฉลี่ยอุณหภูมิในออสเตรเลียตั้งแต่ปี 1920 - 2020 ปีนี้ ที่อุณหภูมิสูงที่สุด
นอกจากจะร้อนแล้ว ยังแล้งอีก ออสเตรเลียประสบภัยแล้ง ฝนตกน้อย ต่ำกว่ามาตรฐานติดต่อกันมา 3 ปีแล้ว และปี 2019 ที่ผ่านมาคือ แล้งที่สุดในรอบ 120 ปี
สาเหตุของภัยแล้ง ฝนตกน้อย ส่วนหนึ่งเกิดจากการสูญเสียพื้นที่ป่า โดยเฉพาะ ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย ที่นับตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา เสียพื้นที่ป่าไปแล้วถึง 20%
ทั้งร้อน ทั้งแล้ง ทำทุ่งหญ้าแห้งกรอบ เป็นเชื้อไฟอย่างดี ที่ทำให้เกิด Bushfire ลามทุ่งไปทั่วประเทศ
และสิ่งที่เป็นตัวเร่ง ที่ทำให้สภาพอากาศร้อน ฝนแล้งสุดๆในปีนี้คือปรากฏการณ์ Indian Ocean Dipole
Indian Ocean Dipole (IOD) คล้ายๆปรากฏการณ์เอล นิน โญ ที่เกิดทางฝั่งมหาสมุทรอินเดีย โดยในปีที่ผ่านมาอุณหภูมิในผิวน้ำทางมหาสมุทรอินเดียร้อนขึ้นมากกว่าปกติ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบกระแสน้ำทั่วทั้งบริเวณ
และปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ IOD ก็ดันรุนแรงสูงสุดเป็นประวัติการณ์เสียด้วย สาเหตุก็คือ ผลจากภาวะโลกร้อนนั่นเอง
ผลกระทบจาก IOD มันทำให้ทวีปอาฟริกา เกิดอุทกภัย น้ำท่วมเฉียบพลัน แต่ในทางกลับกัน ฝั่งด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้านเรา และออสเตรเลียจะประสบภัยแล้ง และคลื่นอากาศร้อนรุนแรง
และบ้านเราก็เริ่มเห็นเค้าลางภัยแล้งแล้วจากปริมาณน้ำในเขื่อนหลายพื้นที่ ที่ลดลงแทบไม่เหลือ😓
และด้วยสภาพอากาศที่มันร้อน + ภัยแล้ง + IOD เลยทำให้สภาพอากาศแปรปรวนหนัก จะเกิดพายุพัดแรงก็ไม่แปลก
ทั้งกรมอุตุฯ และนักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมในออสเตรเลียก็ออกมาเตือนแล้วตั้งแต่เห็นไฟป่ามาเกิดรุนแรงตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้ว ว่าปีนี้ไฟป่ามันท่าจะมาหนัก แต่รัฐบาลออสเตรเลีย ชุดของนายสกอต มอริสัน ก็ดันประเมินสถานการณ์ไว้ต่ำเกินไป เพราะคิดว่ามันก็เป็นไฟป่ารายปี อย่างที่เคยเกิดขึ้นทุกปี บางปีเคยเกิดหนักกว่านี้
แต่ปีนี้มันไม่ใช่ไฟป่าธรรมดาเหมือนปีก่อนๆ เพราะถ้าเป็นไฟป่า หรือ Bushfire จะเป็นไฟไหม้ในป่าทุ่งหญ้า ที่รกร้างผู้คน ไม่กระจายวงกว้างอย่างรวดเร็ว
และมันจะไม่ลามไปติดป่ายูคาลิปตัส ป่าฝนเขตร้อน ทุ่งหญ้าหนองน้ำ ที่เป็นแหล่งน้ำ และที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า อย่างที่เกิดขึ้นในปีนี้ วิกฤติขนาดลุกลามเผาสวนผัก ผลไม้ ในพื้นที่ที่ไม่เคยโดยไฟไหม้มาก่อน จนชาวบ้านต้องหนีไฟมาถึงหน้าชายหาด
วิกฤติถึงขนาดนี้ นายกรัฐมนตรีมอริสัน แกยังมีกระใจไป Holiday ที่ฮาวายตอนช่วงคริสต์มาส เลยโดนชาวบ้านออสเตรเลียวิจารณ์ (ด่า) เสียยับเยินจนแกต้องแคนเซิลทริปเที่ยว บินกลับมา
นี่คือสาเหตุที่ว่า ทำไมไฟป่าปีนี้ของออสเตรเลียถึงรุนแรงจนผิดปกติ
แต่ทว่า นี่ยังไม่ใช่จุดที่เลวร้ายที่สุดนะคะ เพราะปกติ ฤดูไฟป่าในออสเตรเลีย จะพีคที่สุดตอนเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม
หมายความว่า นี่ยังไม่ใช่งานเผาจริง!
ดังนั้น เรามาส่งใจช่วยชาวออสเตรเลีย ให้พ้นวิกฤติไฟป่านี้ไวๆกันนะค้า #Pray4Australia
โฆษณา