12 ก.พ. 2020 เวลา 12:44 • ธุรกิจ
"ทำไมวางแผนเกษียณอาจยากกว่าที่คิด?"
ท๊อฟฟี่เชื่อว่าหลายๆคนนั้นมีความฝันที่จะมีเงินใช้หลังเกษียณใช่มั้ยค้า? บางคนก็อาจจะทำงานไปเรื่อยๆจนอายุ 60 ปีแล้วก็เกษียณตัวเองออกมาใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แต่บางคนก็อยากจะเกษียณตอนอายุ 40 ปีแล้วหลังจากนั้นก็ไปเที่ยวรอบโลก ดังนั้นเราเลยต้องมีการวางแผนเกษียณกัน ซึ่งท๊อฟฟี่ก็สนับสนุนให้ทุกคนรู้จักวางแผนการเงินเต็มที่น้าค้า แต่บางทีมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนี่ซิ
สมมติว่าตอนนี้เราอายุ 23 ปี กำลังทำงานได้เงินเดือน 20,000 บาท และบริษัทปรับเงินเดือนขึ้นเฉลี่ย 5% ต่อปี ถ้าเราอยากจะเกษียณตอนอายุ 55 ปี และมีเงินใช้ตอนเกษียณเดือนละ 25,000 บาทไปเรื่อยๆจนครบอายุขัยที่อายุ 80 ปี ด้วยอัตราเงินเฟ้อ 2% ถามว่าเราควรจะเก็บเงินกี่เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนดี? แล้วควรนำเงินไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่าไหร่ถึงจะโอเคน้าค้า?
ในกรณีนี้เราจะสามารถปรับเปลี่ยนอัตราการออมเงินและอัตราผลตอบแทนการลงทุนได้ตามต้องการเลยน้าค้า ด้วยเงื่อนไขการเกษียณแบบนี้ เราก็จะสามารถสรุปออกมาเป็นแผนการออมและลงทุนได้ดังตารางน้าค้า ซึ่งท๊อฟฟี่จะขออนุญาตข้ามส่วนของการคำนวณไปก่อนค่า~
จากตารางจะเห็นน้าค้าว่า ยิ่งเราออมเงินได้มากขึ้นเท่าไหร่ เราก็สามารถลงทุนได้ด้วยอัตราผลตอบแทนที่น้อยลงตามได้เท่านั้น ซึ่งตรงนี้ท๊อฟฟี่ว่าเราอาจจะต้อง weight ดูว่าเราจะไปเน้นเหนื่อยตรงออมเงินหรือเหนื่อยตรงลงทุนดีกว่า อิอิ อย่างในกรณีนี้ท๊อฟฟี่มองว่า การเลือกออมด้วยอัตรา 30% ของเงินเดือนแล้วนำเงินออมไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 7.8% ต่อปี (อาจทำได้ด้วยการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่) ก็น่าจะไม่ยากเกินความสามารถของเราจริงมั้ยค้า?
แต่ในทางปฏิบัติการวางแผนการเงินนั้นอาจจะยากกว่าความเป็นจริงก็ได้น้าค้า โดยเฉพาะกับคนที่เป็นพนักงานบริษัท 'เอกชน' ซึ่งทำไมท๊อฟฟี่บอกแบบนั้นกันน้า? เราจะมาดูกันเลย
1. เงินเดือนมีเพดานของมัน
จริงๆแล้วบริษัทส่วนใหญ่ไม่ได้ใจดีเพิ่มเงินเดือนให้เราตลอดไปหรอกจริงมั้ยค้า? โดยเฉพาะถ้าเราทำงานในบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียง เราจึงได้รับเงินเดือนอยู่ที่ 40,000 บาท และบริษัทมองเห็นเรา performance ดีเลยเพิ่มเงินเดือนให้ถึงปีละ 15% เลยทีเดียว (ท๊อฟฟี่จะบอกว่าบริษัทแบบนี้มันมีอยู่จริงน้าค้า แต่แน่นอนว่ามีคนจำนวนน้อยมากที่จะทำได้ขนาดนั้นค่า~) ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น พอผ่านไปซัก 10 ปีเราก็จะมีเงินเดือนอยู่ที่ประมาณ 162,000 บาทเลยน้าค้า ซึ่งในความเป็นจริงถ้าเราไม่ได้ก้าวไปอยู่ตำแหน่งสูงมากๆ บริษัทก็คงเพิ่มให้เงินเดือนให้เราถึงแค่จุดนึงเท่านั้น อย่างดีเงินเดือนก็น่าจะตันที่ 80,000-100,000 บาทก็เป็นไปได้ค่า~
ในกรณีบริษัททั่วไปก็เช่นเดียวกันน้าค้า ปกติในแต่ละสายอาชีพก็จะมีกรอบเงินเดือนของมันอยู่แล้ว ต่อให้เราทำงานเก่งมากแค่ไหนก็ตาม แต่เราก็สามารถ up เงินเดือนไปได้ถึงจุดนึงเท่านั้น (อย่างสายงานธุรการอย่างดีเงินเดือนก็คงจะตันอยู่แถวๆ 30,000-40,000 บาท คงไม่น่ามีงานธุรการที่ได้เงินเดือน 100,000 บาทต่อเดือนแน่ๆท๊อฟฟี่ว่า) ดังนั้นเราจึงต้องพิจารณาปัจจัยตรงนี้เข้าไปเพิ่มในการวางแผนเกษียณด้วย ถ้าเราไม่แน่ใจว่าสายงานอาชีพเรานั้นเงินเดือนจะไปตันอยู่แถวๆไหน ท๊อฟฟี่ว่าเราอาจจะลองไปศึกษาได้จากเว็บ Adecco เพื่อให้เราเห็นกรอบเงินเดือนคร่าวๆตามลิงก์ข้างล่างได้น้าค้า
2. เรามีแนวโน้มถูกเลิกจ้างสูงตอนอายุเยอะ
ในโลกความเป็นจริงมันมีเรื่องที่โหดร้ายคือ เรามีโอกาสที่จะโดนเลิกจ้างตอนอายุเยอะๆน้าค้า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลจากภาวะเศรษฐกิจ หรือบริษัทต้องการยุบแผนกที่ไม่สร้างกำไร หรือแม้แต่บริษัทต้องการเปลี่ยนไปจ้างคนที่ถูกกว่าเรา (นอกจากเงินเดือนจะตันแล้วยังโดนเลิกจ้างอีก -.- ) ถ้าโชคดีเราก็อาจจะได้เงินชดเชยเลิกจ้างไว้พอตั้งตัวได้บ้าง แต่บางบริษัทก็อาจจะใช้วิธีกดดันทุกวิธีทางเพื่อทำให้เราทนไม่ไหวลาออกไปเอง เพื่อที่บริษัทจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย (โหดร้ายที่สุด ><) แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามท๊อฟฟี่จะบอกว่าโอกาสในการทำงานจนถึงเกษียณในบริษัทเอกชนนั้นยากพอสมควรเลย ดังนั้นเราอาจจะต้องพิจารณาปัจจัยตรงนี้เข้าไปเพิ่มในการวางแผนเกษียณด้วยเช่นเดียวกันน้าค้า
สมมติว่าเงินเดือนเราตันที่ 35,000 บาทและโดนเลิกจ้างตอนอายุ 40 ปีแบบไม่ได้ค่าชดเชย แปลว่าเราจะต้องวางแผนการออมและการลงทุนใหม่หมดเลย ซึ่งจะเห็นว่าแผนการเกษียณของเราก็จะยากไปอีกระดับนึงค่า~ ท๊อฟฟี่มองว่าการเลือกออมด้วยอัตรา 40% ของเงินเดือนแล้วนำเงินออมไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 9.9% ต่อปี (อาจทำได้ด้วยการลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก) ก็อาจจะยังพอทำได้อยู่น้าค้า แต่เราก็คงเหนื่อยหอบกันพอสมควรเลยทีเดียว
จากความเสี่ยง 2 ข้อข้างบนนี้ท๊อฟฟี่เลยยิ่งต้องย้ำเลยว่า การวางแผนเกษียณนั้นจำเป็นมากขนาดไหน เพราะเราไม่มีวันรู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง ท๊อฟฟี่เลยมองว่ายิ่งเราวางแผนเกษียณเร็วเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเหนื่อยน้อยลงนั่นเองค่า~
โฆษณา