26 ก.พ. 2020 เวลา 15:34 • ท่องเที่ยว
"ว่าด้วยเรื่องการแพร่เชื้อภายในห้องโดยสารเครื่องบิน"
เป็นหมอกีฬาต้องเดินทางโดยเครื่องบินโดยสารไปกับนักกีฬาบ่อยๆผมจึงไปเรียนเวชศาสตร์การบินเพิ่มเติม ตอนที่เรียนก็มีเป้าหมายว่าเวลามีนักกีฬาบาดเจ็บต้องส่งกลับทางเครื่องบินจะได้คุยกับเขารู้เรื่องและจะได้เตรียมคนไข้ให้ถูกต้อง เรียนอยู่สามเดือนที่สถาบันเวชศาสตร์การบินกองทัพอากาศจึงพอมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้างเลยเอามาแชร์กันให้ได้ทราบสำหรับผู้สนใจ
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความกังวลในการเดินทางด้วยเครื่องบินอย่างมาก แม้องค์การอนามัยโลกจะระบุว่าการแพร่เชื้อภายในเครื่องบินอยู่ในระดับต่ำโดยอ้างอิงจากผลการวิเคราะห์ข้อมูลการระบาดของโรคซาร์สเมื่อปี 2003 ก็ตามทุกคนก็ยังกังวลกันอยู่
ก่อนอื่นเราจะมาดูกันถึงการทำงานของระบบปรับอากาศและระบายอากาศในห้องผู้โดยสารของเครื่องบิน อากาศจะไหลผ่านตัวคอมเพรสเซอร์บริเวณปีก จากนั้นไหลผ่าน Cooling Pack และเข้าสู่ส่วนผสมอากาศ Mixing Chamber ผสมกับอากาศหมุนเวียนจากภายในห้องโดยสารซึ่งผ่านการกรองด้วย High Efficiency Particulate Air Filter (HEPA) เรียบร้อยแล้ว ผสมกันปริมาณ 50:50 ดำเนินการเช่นนี้ทุก 2-3 นาที
How do cabin air system work ? from Howitworkdaily.com
ส่วนการกระจายของลมดังกล่าวจะเดินไปตามท่อลมตามยาวตลอดของห้องผู้โดยสารช่องเป่าลมจะออกแบบทำให้การหมุนเวียนอากาศเป็นแบบวงกลม Circular Airflow Pattern จากด้านบนลงด้านล่างและจะถูกดูดกลับผ่านตัวกรอง HEPA Filter บริเวณพื้นด้านใน ของเครื่องบิน และถูกปล่อยทิ้ง 50% ส่วนที่เหลืออีก 50% จะนำมาผสมกับ อากาศจากภายนอกเครื่องบิน เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการเริ่มต้นป้อนอากาศเข้าไปในห้องโดยสารใหม่อีกครั้ง
Airplane Cabin Air Flow from ScienceDirect.com
ซึ่งตัวกรอง HEPA Filter นี้สามารถกรองอนุภาคเล็กๆ ได้ถึงระดับ 0.3 ไมครอน สามารถกรอง ไวรัส แบคทีเรีย และฝุ่น PM 2.5 ได้ ทำให้อากาศในห้องโดยสารสะอาดยิ่งขึ้น
มาถึงโอกาสการแพร่กระจายของเชื้อในห้องโดยสาร
เมื่อผู้โดยสารที่มีเชื้อ ไอ จาม โดยไม่มีการป้องกัน
ผู้โดยสารที่มีโอกาสติดเชื้อ 80-100% คือ คนที่นั่งแถวหน้าและแถวด้านหลัง รวมถึงที่นั่งข้างๆถัดไปอีก 2 แถว ของผู้โดยสารที่มีเชื้อ ส่วนผู้โดยสารที่นั่งไกลจากจุดที่ผู้ติดเชื้อนั่งอยู่ จะมีโอกาสได้รับเชื้อน้อยลงไปตามระยะห่างที่มากขึ้นนั่นเอง
ดังนั้นในกรณีที่เป็นข่าว ผู้โดยสารไทยที่มาจากฮอกไกโด เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคต้องตามหาผู้โดยสารกลุ่มนี้เป็นอันดับแรกโดยด่วน เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อให้อยู่ในวงจำกัดที่สุดเท่าที่จะทำได้
โอกาสการกระจายเชื้อ
โอกาสการกระจายเชื้อล่าสุด Interim US Guidance for Risk Assessment and Public Health Management of Persons with Potential Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) Exposure in Travel-associated or Community Settings Updated February 8, 2020
แต่ทว่าผู้ที่ได้รับเชื้อบนเครื่องบินส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากสูดอากาศที่มีละอองของเชื้อเข้าไปโดยตรงครับ แต่เกิดจากการสัมผัส เช่น กรณีที่ผู้ติดเชื้อไอหรือจามออกมา อาจติดที่มือของเขาแล้วไปจับตามที่ต่างๆ หรือบางส่วนของละอองไปติดตามถาดวางอาหาร ที่พักแขน และที่นั่ง คนที่นั่งใกล้ที่สุดจึงมีโอกาสไปสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ได้มากกว่า
ดังนั้น ถ้าจำเป็นต้องเดินทางด้วยเครื่องบิน
สิ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อคือ
ต้องสวมหน้ากากอนามัย
เลี่ยงการสัมผัสในจุดที่ไม่จำเป็น
พกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือและล้างมือบ่อยๆ(ไม่เกิน100 มล.ขึ้นเครื่องได้ )
อย่าล้วงแคะแกะเกา ตา จมูก ปาก
เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยตั้งแต่สนามบิน ( ไม่ควรลุกไปห้องน้ำบ่อย)
ไม่ลุกจากที่นั่งบ่อยๆ
ใครเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงมา กรุณากักตัวเองอย่างน้อย 14วันนะครับไม่ว่าจะมีไข้หรือไม่ก็ตามยังแพร่เชื้อได้
ช่วงนี้เราทุกคนคงต้องงดการเดินทางไปก่อนครับ หวังว่าเราทุกคนจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาวะการณ์ครั้งนี้ให้ได้นะครับ ขอให้โชคดี
โฆษณา