9 มี.ค. 2020 เวลา 09:02 • ธุรกิจ
“CP” ชนะการประมูล “Tesco” มูลค่าดีลกว่า 3.38 แสนล้านบาท “CPALL” ถือหุ้น 40% ที่เหลือเป็นของ CP Group แต่หลายฝ่ายกังวลก่อให้เกิด “การผูกขาด” !!! / โดย คลินิกการลงทุน
1
“CP” ชนะการประมูล “Tesco” มูลค่าดีลกว่า 3.38 แสนล้านบาท “CPALL” ถือหุ้น 40% ที่เหลือเป็นของ CP Group แต่หลายฝ่ายกังวลก่อให้เกิด “การผูกขาด” !!! / โดย คลินิกการลงทุน
หลังจากมีกระแสข่าวยืดยื้อมานาน เกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการ “เทสโก้ (Tesco)” ในประเทศไทย ล่าสุด วันนี้ผลการประมูลออกมาแล้วว่า “กลุ่มซีพี (CP)” เป็นผู้ชนะการประมูลเข้าซื้อกิจการ “เทสโก้” (Tesco) ในประเทศไทยและมาเลเซีย ด้วยมูลค่า 3.38 แสนล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น ดังนี้ CPALL ถือ 40% กลุ่มซีพี (CP group) ถือ 40% , ซีพี เมอร์แชนไดซิ่ง (บริษัทลูก CPF) ถือ 20%
https://techsauce.co/news/cp-win-tesco-lotus
โครงสร้างหลังการเข้าซื้อกิจการของ CP Group
โดยดีลครั้งนี้ เกิดจากทางบริษัทแม่ Tesco ในอังกฤษ ต้องการจะขายกิจการ Tesco ใน 2 ประเทศไทยและมาเลเซีย โดยบ้านเราก็มีกลุ่มทุนรายใหญ่ 3 ราย ได้แก่ กลุ่ม CP, กลุ่ม TCC และ Central ที่สนใจเข้าร่วมประมูลกิจการ Tesco ในครั้งนี้
ภาพจาก Shutterstock
ซึ่งล่าสุด Tesco ก็ตกเป็นของ CP หลังจากที่ก่อนหน้านี้ CP เคยบริหาร “Tesco Lotus” มาแล้ว แต่ก็ได้ขายหุ้นกิจการ “โลตัส” ให้กับกลุ่ม Tesco เป็นมูลค่าราว 180 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ในปี 1998 ซึ่งการที่ได้กลับมาครอบครอง Tesco อีกครั้ง ทำให้ CP มีธุรกิจครบถ้วนทั้งในส่วนของค้าส่ง ค้าปลีก และร้านสะดวกซื้อ
https://www.foodpro.co.th/cp-tesco/
นอกจากนี้ ทาง CP ยังได้มีการเปิดเผยจดหมายการลงทุนในบริษัท Tesco ส่งถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เผยว่า กิจการของ Tesco ในอาเซียนกำลังจะได้เจ้าของใหม่คือ CP Group และ CPALL โดยเอาชนะคู่แข่งในการประมูลไปได้อย่าง TCC Group และ Central Group คาดว่าดีลนี้จะแล้วเสร็จได้ในครึ่งหลังของปีนี้
จดหมายการลงทุนในบริษัท Tesco ของ CP Group ส่งถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยทาง Tesco ได้แจ้งกับนักลงทุนว่า กลุ่ม CP เป็นผู้ชนะการประมูลในอาเซียนครั้งนี้ ซึ่งมีมูลค่าดีลอยู่ที่ 1.06 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 3.38 แสนล้านบาท โดยดีลนี้ต้องผ่านขั้นตอนของหน่วยงานกำกับดูแลของไทยและมาเลเซีย คาดว่าขั้นตอนการซื้อกิจการจะแล้วเสร็จภายในครึ่งปีหลัง โดยเม็ดเงินที่ CPALL ใช้ซื้อกิจการ Tesco นั้น จะใช้กระแสเงินสดในบริษัทรวมไปถึงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินร่วมด้วย
https://www.kaohoon.com/content/346413
ขณะที่ ทางด้าน Tesco เผยว่า เงินที่ได้จากการขายกิจการในครั้งนี้ จะนำเงินบางส่วนมาจ่ายปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้นของ Tesco ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 6.478 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และเงินอีกบางส่วนจะนำไปลดหนี้ของบริษัท โดยหลังจากนี้ Tesco จะหันไปโฟกัสที่ธุรกิจในอังกฤษ ไอร์แลนด์ และยุโรปตอนกลาง
https://www.pymnts.com/news/retail/2020/tcc-group-bids-for-tesco-asia-stores/
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่า ดีลการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะก่อให้เกิดการผูกขาดหรือเป็นผู้ประกอบการที่มีอำนาจเหนือตลาดภายใต้ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 หรือไม่ โดยทาง CP จะต้องมีการแจ้งต่อคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ก่อนมีการซื้อขายกิจการจริง
https://www.proactiveinvestors.com/companies/news/914533/tesco-promises-5bn-dividend-after-agreeing-sale-of-last-asian-businesses-914533.html
นอกจากนี้ เมื่อมีการรวมธุรกิจแล้วอาจก่อให้เกิดการแข่งขันลดลงอย่างมีนัยสําคัญต้องแจ้งให้ กขค.ทราบภายใน 7 วัน นับแต่วันที่รวมธุรกิจ โดย กขค.ได้กําหนดหลักเกณฑ์ไว้ว่า เป็นการรวมธุรกิจที่มียอดเงินขายในตลาดตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป และไม่ก่อให้เกิดการผูกขาดหรือเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอํานาจเหนือตลาด
A view of the entrance to a Tesco Lotus retail shop in Bangkok. (Reuters photo)
— บทความโดย คลินิกการลงทุน
“CP” ชนะการประมูล “Tesco” มูลค่าดีลกว่า 3.38 แสนล้านบาท “CPALL” ถือหุ้น 40% ที่เหลือเป็นของ CP Group แต่หลายฝ่ายกังวลก่อให้เกิด “การผูกขาด” !!! / โดย คลินิกการลงทุน
อ่าน "คลินิกการลงทุน" สนุกขึ้นในแอปฯ "Blockdit" ได้ที่ : https://www.blockdit.com/wealthinvestmentclinic
ดาวน์โหลดแอปฯ "Blockdit" ได้ที่ : http://www.blockdit.com/app
ช่องทางติดตาม "คลินิกการลงทุน"
#คลินิกการลงทุน
โฆษณา