13 มี.ค. 2020 เวลา 02:58
เวลาเรามีความทุกข์ แทนที่จะไปโทษสิ่งนอกตัว เราควรย้อนกลับมาดูตัวเองว่าเป็นเพราะเราไปยึดติดกับมัน จนทำให้เกิดปฏิกิริยาเกินเหตุหรือเปล่า เพื่อนร่วมงานอาจพูดถึงเราด้วยความรู้สึกธรรมดา แต่เราไปคิดปรุงแต่งว่าเขาไม่พอใจเรา เขาไม่ทักเรา เราก็ไปคิดว่าเขาโกรธเรา ทั้งๆ ที่เขาอาจมองไม่เห็นเราก็ได้ หรือเขาอาจกำลังมีความทุกข์อยู่ในใจก็ได้ ถ้าเราหันมามองตัวเองบ้าง เราก็อาจพบว่าปัญหาอยู่ที่ใจของเราเองที่ปรุงแต่งเกินเหตุ
คนที่แพ้เกสรดอกไม้ หรือแพ้ฝุ่นละอง วิธีแก้ก็คือกินยาเพื่อกดภูมิคุ้มกัน หรือทำให้มันปราดเปรียวว่องไวน้อยลง หรือทำให้ประสาทตื่นตัวช้าลง นั่นเป็นเรื่องของกาย แต่ในเรื่องของจิตใจ สิ่งที่ทำให้ใจหายตื่นเต้นตูมตามหรือมีปฏิกิริยาเกินเหตุก็คือสติ เราแพ้อะไร เรากลัวอะไร เราไปติดยึดกับอะไรจนเกินเหตุ ก็ต้องจัดการด้วยการมีสติให้มากๆ ไม่มีอะไรที่จะดีกว่าสติ
สติช่วยให้ใจนิ่งลง ปล่อยวางได้มากขึ้น ไม่วิตกกับสิ่งต่างๆ จนเกินเหตุ แม้จะเกิดโทสะ แต่เมื่อมีสติ ก็จะวางมันลงได้ แทนที่จะปรุงแต่งไปในทางที่ทิ่มแทงทำร้ายตัวเอง ก็วางใจเป็นกลาง ๆ เห็นมันเป็นธรรมดา หรือเป็นเช่นนั้นเอง ใครตำหนิ แทนที่จะโกรธ สติก็ช่วยให้ใจไม่โกรธง่ายๆ ปล่อยวางได้เร็วขึ้น
นอกจากทำให้ใจนิ่งได้แล้ว ยังช่วยให้มองในทางบวกได้ด้วย เช่น มองว่าที่เขาตำหนิก็ดีนะ ทำให้เราเห็นในสิ่งที่มองข้ามไป มีคนบอกว่าปรปักษ์หรือศัตรูมีประโยชน์ตรงที่ช่วยให้เราเห็นความจริงอีกด้านหนึ่งของเราที่เพื่อนๆ ไม่เคยบอกเรา มองแง่นี้เราก็ได้ประโยชน์จากศัตรู จึงไม่ควรรังเกียจ ผลักไส หรือปิดหูปิดใจไม่รับฟังเขา
ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
โฆษณา