Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ประวัติศาสตร์ย่อยง่าย
•
ติดตาม
5 เม.ย. 2020 เวลา 05:28 • ประวัติศาสตร์
กว่าจะเป็นประเทศที่จุ้นไปซะทุกเรื่อง ตอนที่ 5
จากสงครามที่คิดว่าจะจบภายในไม่กี่เดือนก็กลายเป็นหนึ่งปี จากหนึ่งปีกลายเป็นสองปีสามปี กว่าสงครามจะสิ้นสุดลงจริงๆก็กินเวลาถึง 8 ปี สงครามเริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ. 1775 และจบลงในปีค.ศ. 1783
ในช่วงปีค.ศ. 1776 เกิดเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา นั่นคือคำประกาศเอกราช(คล้ายๆตอนสมเด็จพระนเรศวรหลั่งทักษิโณทก ประกาศความเป็นเอกราชจากพม่า แต่ของเขาเขียนเป็นเอกสาร)
คำประกาศเอกราชเขียนโดยโทมัส เจฟเฟอร์สัน(เจฟเฟอร์สันเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ของสหรัฐฯ ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากประชาชนชาวอเมริกาจนได้รับเกียรติให้มีรูปใบหน้าสลักอยู่บนเมาท์รัชมอร์)
เนื้อหาในคำประการเอกราชแบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรกพูดถึงพื้นฐานการปกครอง ส่วนที่สองชี้แจงความไม่พอใจที่มีต่อกษัตริย์และรัฐบาลอังกฤษ และจบลงด้วยชาวอาณานิคมมีอิสระและเอกราชอย่างแท้จริง
วันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 สภาอาณานิคมประกาศยอมรับคำประกาศเอกราช 13 อาณานิคมแยกตัวจากการปกครองของอังกฤษ และก่อตั้งเป็นประเทศที่สมบูรณ์
วันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปีจึงเป็นวันชาติสหรัฐฯ
หลังจากสู้รบกันมา 8 ปี สงครามก็สิ้นสุดลง อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้อเมริกาสู้กับอังกฤษจนได้รับชัยชนะ?
1 กองกำลังอังกฤษถนัดรบตามแบบแผน
ชาวอาณานิคมเรียนรู้จากสงครามที่รบชนะฝรั่งเศสว่ากองกำลังอังกฤษไม่ถนัดการสู้รบแบบกองโจร ชาวอาณานิคมเลยใช้วิธีการต่อสู้แบบซุ่มโจมตี หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทุกรูปแบบถ้าหากไม่จำเป็นจริงๆ
2 ศัตรูของศัตรู ก็คือมิตรของเรา
ฝรั่งเศสกับสเปนไม่ชอบขี้หน้าอังกฤษ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเคยรบแพ้มา ช่วงระหว่างสงคราม เบนจามิน แฟลงคลินเป็นตัวแทนอาณานิคมไปเจรจาขอความช่วยเหลือจากฝรั่งเศสและสเปนแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์บางประการ เช่น ถ้าอเมริกาได้รับเอกราชจะเปิดทำการค้าขายกับสองชาตินี้ ก่อนหน้าที่จะเกิดสงคราม อังกฤษบังคับให้ชาวอาณานิคมซื้อสินค้าจากอังกฤษเท่านั้น
อยากจะเอ่ยถึงเบนจามิน แฟรงคลินสักนิดนึง เคยเห็นภาพนักวิทยาศาสตร์ปล่อยว่าวขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วมีฟ้าผ่ามั้ยครับ นั่นแหละครับ คนเดียวกัน แฟรงคลินไม่ใช่เป็นแค่นักวิทยาศาสตร์หรือนักการทูต แต่เป็นคนเก่งรอบด้านแบบลีโอนาโด ดาวินชี่
กลับมาที่เจรจากันต่อ ฝรั่งเศสกับสเปนตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือ โดยสเปนให้การเหลือช่วยอย่างลับๆ เช่น ส่งอาวุธ ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นมาให้ ส่วนฝรั่งเศสนี่ช่วยแบบออกหน้าออกตาถึงขั้นส่งทหารมาร่วมรบด้วยเลย
สมัยนั้นฝรั่งเศสกับอเมริกาสนิทสนมกันมากนะครับ ตอนครบรอบ 100 ปีที่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ ฝรั่งเศสยังส่งเทพีเสรีภาพมาให้เป็นของขวัญแก่ชาวอเมริกาเลย
3 อเมริกามีผู้นำกองทัพที่เก่งกาจ
ผู้บัญชาการการรบของอเมริกาคือจอร์ช วอชิงตัน ดำรงตำแหน่งผู้บัญชากองกำลังแห่งทวีป วอชิงตันร่วมรบอยู่แนวหน้าเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กำลังพล และกลยุทธ์ที่วอชิงตันใช้หลายครั้งได้ผล ยิ่งสร้างความฮึกเหิมให้กับกองทัพ
พอสิ้นสุดสงครามจอร์ช วอชิงตันกลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงติดตามเหตุการณ์ปฏิวัติอเมริกาอย่างใกล้ชิด พระองค์ชื่นชอบจอร์ช วอชิงตันมากถึงขนาดเอาไปตั้งเป็นชื่อลูกชายว่า พระองค์เจ้าจอร์ช วอชิงตัน
4 ความประมาทของอังกฤษ
อย่างที่เคยบอกไปครับ อังกฤษคือมหาอำนาจ ส่วนอเมริกาคือดินแดนอาณานิคม กองทัพอเมริกาแทบไม่มีทหารอาชีพ ที่มีส่วนใหญ่ก็คือประชาชนที่ได้รับการฝึกฝนการใช้อาวุธ ทำให้อังกฤษประมาท
5 อังกฤษจ้างทหารรับจ้างมาปราบชาวอาณานิคม
อังกฤษจ้างทหารรับจ้างเยอรมันหรือเฮซเซียนมาจัดการชาวอาณานิคม ทหารรับจ้างรบเพื่อเงิน ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันหรือรักชาติเท่าทหารจริงๆ พอเข้าตาจนก็เลือกที่จะถอยหนีหรือไม่ก็ยอมแพ้ ต่างจากชาวอาณานิคมที่สู้สุดใจจนได้รับชัยชนะ
หลังสิ้นสุดสงครามต้องมีการลงนามยอมรับความพ่ายแพ้และทำข้อตกลงต่างๆ แต่รัฐบาลอังกฤษงอแงไม่ยอมลงนาม เพราะคิดว่าวันนึงข้างหน้าข้าจะมาทวงคืน อังกฤษโดนกดดันทั้งจากนานาชาติและประชาชนในประเทศ
โดนนานาชาติกดดันยังพอเข้าใจได้อยู่ เพราะการที่อาณานิคมปลดแอกจากอังกฤษ ประเทศในยุโรปย่อมได้ประโยชน์ แต่สงสัยมั้ยครับว่าทำไมประชาชนในประเทศตัวเองถึงได้กดดันด้วย?
เหตุผลก็คือช่วงสงครามการค้าชะงักงัน พ่อค้าประชาชนที่ทำการค้ากับอเมริกาได้รับความเดือดร้อน คนในประเทศเลยบอกให้รับๆไปเถอะ จะได้จบๆ แล้วกลับมาค้าขายกันต่อ รัฐบาลอังกฤษจึงจำใจยอมรับ
พอเป็นประเทศแล้วก็ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นสวยงาม กว่าจะเป็นประเทศอย่างทุกวันนี้อเมริกาต้องผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านบททดสอบมามากมาย มีการทำสงครามเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ มีไปกดขี่ประเทศอื่นหรือไม่ก็โดนประเทศอื่นกดขี่
และที่สำคัญ มีสงครามที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา แล้วดันไม่ใช่สงครามที่ไปรบกับประเทศอื่น แต่เป็นสงครามที่ชาวอเมริกาจับอาวุธขึ้นมาประหัตประหารกันเอง ซึ่งเราจะได้รู้กันในตอนต่อๆไป
เราจะพักเรื่องอเมริกาบ้าง ตอนหน้าเราจะข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกกลับไปที่ทวีปยุโรป ไปยังประเทศที่ครั้งหนึ่งเคยมีคนเปรียบเทียบว่า “จามที ไม่สบายกันทั้งยุโรป”
ปล.ธงชาติผืนแรกของสหรัฐฯมีดาวทั้งหมด 13 ดวง แต่ละดวงก็มาจาก 13 อาณานิคมยุคบุกเบิก พอมีรัฐเพิ่มขึ้นก็จะมีดาวเพิ่มขึ้น ปัจจุบันอเมริกามี 50 รัฐ ก็มีดาว 50 ดวงบนธงชาติ ดวงล่าสุดมาจากรัฐฮาวาย แต่ไม่ว่าจะมีดาวเพิ่มเข้ามาอีกกี่ดวง ธงชาติสหรัฐฯก็ยังมี 13 ริ้วเท่าเดิมตลอดไป เพื่อเป็นเกียรติแก่ 13 อาณานิคมยุคก่อตั้ง
https://www.facebook.com/ประวัติศาสตร์ย่อยง่าย-106175641010027/
บันทึก
1
3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ว่าด้วยเรื่องสหรัฐอเมริกา
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย