19 เม.ย. 2020 เวลา 11:17
*วัฒนธรรม* หรือ *ปรัชญาการใช้ชีวิต* คือตัวแปรสำคัญในการเอาชนะไวรัสโคโรน่า โควิด ๑๙ ของจีน:
อเมริกาตอนนี้ ติดเชื้อไป ๖๑๐,๒๓๔ คน ตาย ๒๕,๘๓๙ คน จะไม่มีชาติไหนไล่ตามมะกันทันด้วยจำนวนคนติดเชื้อหรือตายหรอกครับ ผมจึงเลิกสนใจตัวเลขแล้ว ข้อสำคัญ ขณะนี้ มีชาวมะกันพากันออกมาต่อต้านนโยบายอยู่บ้านเพื่อชาติกันหลายรัฐเพราะมองว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ ไม่สนใจมาตรการป้องกันการขยายตัวของคนติดเชื้อไวรัสนี้กันแล้ว
ชาวเอเซียอย่างไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ ไม่มีปัญหากับนโยบายอยู่บ้านเพื่อชาติ เพราะเราชินกับองค์ความรู้ทางมนุษยศาสตร์คือปรัชญาพุทธ เต๋าและขงจื้อ
พุทธแบ่งออกเป็น ๒ อย่างคือ ๑.สอนฆราวาสด้วยหลักคิหิปฏิบัติหรืออาคาริยวินัย สร้างครอบครัวให้ดี มีศีลหรือระเบียบวินัยเคร่งครัด (วินโย จ สุสิกฺขิโต) รู้จักเก็บออมเงิน รู้จักเคารพผู้อาวุโส พ่อ แม่ ลูก ผู้ปกครอง ฯลฯ ต่างมีหน้าที่และรู้หน้าที่ของตัว ๒.สอนผู้ออกบวชด้วยคำสอนที่เรียกว่าอนาคาริยวินัย กล่าวคือการเน้นปลีกตัวอยู่วิเวก เร่งเจริญสมถะและวิปัสสนาเพื่อหลุดพ้นจากทุกข์โดยเร็ว
คล้ายคลึงกับลัทธิเต๋าและขงจื้อในจีน ลัทธิเต๋าสอนให้อยู่กับธรรมชาติ ส่วนลัทธิขงจื้อสอนให้อยู่ในสังคมอย่างมีระเบียบวินัยและเคารพวัฒนธรรมประเพณี เคารพผู้ใหญ่และบรรพชน รู้จักหน้าที่ของตนเองและเชื่อฟังผู้ปกครอง
ตอนแรกๆ เมื่อพระพุทธศาสนาเข้าไปสู่เมืองจีน สาวกลัทธิเต๋าและขงจื้อพยายามทำลายพระพุทธศาสนา แต่ตอนหลังเมื่อศึกษารายละเอียดแล้วพบว่าพระพุทธศาสนาเข้ากันได้กับทั้งลัทธิเต๋าและขงจื้อ คำสอนพระพุทธเจ้าที่สอนฆราวาสด้วยหลักคิหิปฏิบัติหรืออาคาริยวินัยสอดคล้องกับคำสอนของขงจื้อ ส่วนคำสอนแก่ผู้ออกบวชให้เน้นปลีกวิเวกด้วยการเจริญสมถะและวิปัสสนาเพื่อหลุดพ้นจากทุกข์ เหมือนแนวทางของลัทธิเต๋าซึ่งสอนให้อยู่กับธรรมชาติ
ชาวพุทธ เต๋าและขงจื้อจึงอยู่ด้วยกันอย่างสมานฉันท์ในสังคมจีนเรื่อยมา แม้ปัจจุบันนี้ สีจิ้นผิงก็ใช้ปรัชญาพุทธ เต๋าและขงจื้อในการต่อสู้กับวัฒนธรรมทุนนิยมเสรี ซึ่งเป็นวัฒนธรรมตามใจความอยากเต็มที่แบบสังคมมะกัน
พอเกิดปัญหาโรคระบาด รัฐบาลให้อยู่บ้านและมีระเบียบวินัยมากขึ้น คนเอเซียก็รู้สึกธรรมดา เพราะคุ้นเคยกับปรัชญาพุทธหรือเต๋าและขงจื้ออยู่แล้ว
ยิ่งคนที่นั่งสมาธิเป็นประจำ เจอมาตรการล็อคดาวน์ของรัฐบาลก็ยิ่งชอบเพราะจะได้มีเวลานั่งสมาธินานๆ และบ่อยขึ้น
แต่สังคมทุนนิยมเสรีแบบมะกันและยุโรปไม่ชินกับการปลีกตัวอยู่เงียบๆ ครับ หลังจากโดนรัฐบาลใช้นโยบาย Lockdown หรือ Social distancing ไปสักพัก จึงเกิดปรากฏการณ์ว่า
๑.คนมีคู่หรืออยู่ด้วยกันก่อนแต่งก็ชวนกันมีเพศสัมพันธ์บ่อยขึ้นจนถุงยางหมดไปจากร้านค้า
๒.ชาวบ้านออกมาประท้วงรัฐบาล หลังจากตำรวจใช้นโยบายล็อคดาวน์ สั่งห้ามจัดปาร์ตี้ใหญ่ๆ ภายในบ้าน เกาะกลุ่มกันในที่สาธารณะ ห้ามปิกนิกเป็นกลุ่มใหญ่ ห้ามจัดปาร์ตี้ที่ชายหาด ห้ามไปออกกำลังกายกันเป็นกลุ่มที่สวนสาธารณะ ฯลฯ
ชาวอเมริกันและชาวยุโรปจำนวนมากรับไม่ได้เพราะชีวิตเคยอยู่อย่างอิสระเสรี จะทำอะไรก็ทำ ไม่มีกฎระเบียบมาก พากันออกมาประท้วงหนักยิ่งขึ้น เป็นข่าวที่โน่นที่นี่ประจำ จนรอน พอลต้องนำมามาคุยกันในรายการและเป็นข่าวข้างล่าง
สังเกตรัฐบาลอเมริกาสิครับ จะรุกรานประเทศไหนก็รุกราน แม้จะมี กฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติเป็นระเบียบก็ไม่ทำตาม บุกยึดและไล่รัฐบาลที่ตนไม่ชอบได้อย่างเสรี
เมื่อวัฒนธรรมเป็นปัญหาแบบนี้ จำนวนคนติดเชื้อและตายในอเมริกาจะลดได้หรือครับ?
@ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
๑๙ เมษายน ๒๕๖๓

หมายเหตุ กฎเกณฑ์ กติกาและมารยาท:

๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน

๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อแรกนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์

๓.โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย (อย่าใช้ 'จารย์หรือจาร (แทนอาจารย์), อัลลัย (แทน อะไร), ทำมัย (แทน ทำไม), สนจัย (แทน สนใจ), อะเคร์ (แทน โอเค), ทะมาย (แทน ทำไม), ก้อ (แทน ก็), ม่ายด้าย (แทน ไม่ได้), ยังงัย (แทน ยังไง), จิงจัย (แทน จริงใจ), หัวจัย (แทน หัวใจ), ครัช (แทน ครับ), อะรัย (แทน อะไร), เป็นรัย (แทน เป็นไร), ปัย (แทน ไป) , คัย (แทน ใคร), ฝรรดี (แทน ฝันดี), เด๋ว (แทน เดี๋ยว), จิง (แทน จริง) เขาใช้กันมาผิดๆ อย่าใช้ตามครับ

๔.ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* จะลบออกทุกครั้งที่เห็น

๕.ผู้ที่สะกดผิดบ่อยครั้งหรือใช้คำหยาบบ่อยครั้ง จะบล็อคอย่างถาวร

๖.คนที่ใหม่ต่อการเมืองระหว่างประเทศ ควรจะอ่านข่าวจากเพจนี้ย้อนหลังไป ๓ เดือนเป็นอย่างน้อยก่อนจะวิจารณ์ใดๆ

๗.อย่าด่วนเชื่อในสิ่งที่ผมเขียนให้อ่าน แต่จงใช้ข้อมูลที่ผมเขียนปูทางไปค้นคว้าหาข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมแล้วสรุปด้วยตนเองว่าจริงหรือไม่จริง
หมายเหตุ: บทความนี้เขียนวันที่ ๑๕ เมษายนที่ผ่านมา แต่เขียนลง FB ซึ่งกำลังถูกบล็อคอยู่ คนเห็นไม่มาก จึงนำมาเผยแพร่ที่นี่อีกครั้งหนึ่ง
โฆษณา