29 เม.ย. 2020 เวลา 01:29 • ธุรกิจ
“เห็นคุณค่าของสิ่งที่มี”
อาจารย์ เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เคยพูดถึงนักธุรกิจคนหนึ่ง เขาเป็นคนขยันทำงาน ทำทั้งวัน ไม่มีวันหยุดแม้เสาร์อาทิตย์ ประสบความสำเร็จ มีเงินเก็บมากมาย ซื้อบ้านตามจังหวัดต่างๆที่ไปทำธุรกิจ 10 หลัง ที่เชียงราย เชียงใหม่ขอนแก่น หัวหิน ภูเก็ต แม้กระทั่งสุไหงโกลก สร้างอย่างดี หวังว่าจะได้มาพักร้อน แต่ 1:00 น 1:00 น ก็ไม่ได้ไปพักเท่าไรไม่ต้องพูดถึงว่าพักครบทุกหลังหรือเปล่า คนที่ได้พักคือลูกจ้างที่จ้างมาเฝ้าบ้าน วันหนึ่งเขาก็คิดมาได้ว่าลูกจ้างนี้อยู่บ้านเขาอย่างสุขสบายท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามอากาศก็ดี ส่วนเขาเองเป็นเจ้าของบ้านต้องทำงานหนัก แทบไม่ได้พัก ไม่ได้ผ่อนเลย อยู่กรุงเทพฯก็เจอรถติด เดินทางวันหนึ่งก็ 24 ชั่วโมง บ้านที่อยู่ก็เล็ก แค่ไม่ถึงครึ่งของบ้านที่เขาสร้างไว้ ก็เกิดความสงสัยว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนี้เจ้าของพระบ้าน ต้องทำงานหนัก ส่วนลูกจ้างอยู่สบาย ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติอากาศสดชื่นบริสุทธิ์
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
แล้ววันหนึ่งนักธุรกิจคนนี้ป่วย เป็นมะเร็ง ต้องใช้แสงฉีดคีโม จนกระทั่งร่างกายย่ำแย่ ต้องอยู่โรงพยาบาล คนก็ไม่ค่อยมาเยี่ยมเท่าไร วันแรกๆก็มีคนมาเยี่ยม วันต่อไปก็ค่อยๆหายไป ญาติ ทั้งที่เขากำลังจะตาย ก็ไม่มีเวลามาเยี่ยมบอกว่าไม่ว่าง เขานึกว่าสงสัยว่ารอให้เขาตายเหรอถึงจะว่าง แล้ววันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาที่โรงพยาบาลเกิดได้คิดขึ้นมาว่า ตาสว่างก็ได้ว่า คนเราชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรมากหรอก แค่ต้องการสิ่งที่เป็นพื้นฐานของชีวิต กินอาหารไม่รู้สึกฝืดคอเจ็บคอ เดินเข้าห้องน้ำไม่ต้องมีคนประคอง หรือเวลานอนก็นอนได้เต็มแผ่นหลัง ไม่ต้องระมัดระวังจะถูกแผล หรือเจ็บปวดจนร้องโอดโอย ชีวิตคนเราต้องการแค่นี้ แต่ไม่เคยนึกเลยว่า จริง ๆคนเราต้องการแค่นี้ ตอนที่ประสบความสำเร็จก็หาเงินหาทอง แต่พอมีเงินแล้ว ก็ไม่ได้ช่วยอะไร มาได้คิดเอาตอนที่ป่วยหนัก ใกล้จะตาย
แต่สุดท้ายปรากฏว่า รอด ไม่ตาย หลังจากที่เห็นสัจธรรมก็เลยรู้ว่าชีวิตต้องไม่ได้ต้องการอะไรมากแค่ให้สุขสบายก็พอ พอหายป่วยชีวิตเปลี่ยนเลย เลิกชีวิตนักธุรกิจ ไม่เสียเวลาไปกับการหาเงินหาทองจนไม่มีเวลาพักผ่อน รู้เลยว่าชีวิตคนเราต้องการสิ่งที่เป็นพื้นฐาน กินอิ่มนอนอุ่น ก็เลยไปอยู่ต่างจังหวัด ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ทำเกษตรอินทรีย์ก็มีความสุข แล้วเขาก็บอกว่า ความเจ็บป่วยทำให้เขาได้เห็นธรรม ถ้าไม่เจ็บป่วยก็คงหลงอยู่กับการหาเงินหาทองโดยที่ไม่มีความสุขเท่าไร พอป่วยเข้า ทำให้รู้เลยว่าชีวิตต้องการอะไร อะไรคือสิ่งที่ชีวิตต้องการจริง ๆ เขาพูดน่าสนใจว่า ชีวิตต้องใช้ให้ง่าย เข้าไว้ ไม่เช่นนั้นจะไม่เหลือเวลาให้ความสุขกับตัวเองเลย นี่เขาโชคดีที่มีโอกาสหายป่วย มีโอกาสใช้ชีวิตที่ทำให้เกิดความสุขอย่างแท้จริง
นักธุรกิจจำนวนมากทำงานหนัก แล้วพอป่วยก็มารู้ว่า ที่ใช้ชีวิตไปนั้นผิดพลาด รู้อย่างนี้ไม่ใช้ชีวิตอย่างนั้นดีกว่า คำว่า “รู้อย่างนี้” เป็นความรู้ที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อสายเสียแล้ว เป็นความรู้ราคาแพงมาก แล้วพอรู้แล้ว ก็รู้สึกเจ็บปวด เอาความรู้ที่ไปใช้ไม่ได้ เพราะมันสายไปเสียแล้ว แต่นักธุรกิจคนนี้ยังโชคดีรู้ อย่างนี้ไม่ใช้ชีวิตแบบที่เคยใช้ เขามีโอกาสรอดตาย ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย บ้านที่เคยซื้อเอาไว้ 10 หลังก็ขายหมด ละทิ้งความฟุ่มเฟือย ความวุ่นวายรวมทั้งละทิ้งเกียรติยศชื่อเสียง จากการเป็นนักธุรกิจชื่อดังมาเป็นคนธรรมดา แต่มีความสุข เรียกว่าเป็นเพราะเจ็บป่วยจึงเห็นธรรม ถ้าไม่เจอทุกข์ก็ไม่เห็นธรรม ยังดีที่เขากินอะไรได้แม้เจ็บคอ เดินเหินไม่สะดวกบ้าง แต่มีอย่างหนึ่งที่เขาลืมไปก็คือหายใจได้สบาย ถึงแม้ว่าจะเป็นมะเร็ง ตอนนี้มีเศรษฐีจำนวนมาก แม้แต่หายใจก็ยังหายใจลำบากเพราะป่วยด้วยโรคโควิด มีเศรษฐีคนหนึ่งเป็นชาวโปรตุเกสเพิ่งตายไป ก่อนตาย ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ อากาศฟรี แต่ว่าต้องดิ้นรน กว่าจะหายใจได้แต่ละเฮือกๆ ตอนนั้นเขาคงคิดอย่างเดียวว่าขอให้หายใจได้ปกติก็พอแล้ว เงินทองก็ไม่มีความหมาย แต่ว่าเขาก็ไม่มีโอกาสหายใจได้ปกติเพราะว่าเขาตายเสียก่อน
พวกเราฟังเรื่องราวของเศรษฐีเหล่านี้ ก็กลับมาดูเราเองว่า เรายังหายใจได้ตามปกติ สบาย อะไรก็ไม่เจ็บคอ เดินเหินก็สะดวก ไม่ต้องมีใครมาพยุง เวลานอนก็นอนเต็มแผ่นหลังได้ แค่นี้ก็มีความสุขได้ นี่คือเศรษฐีจำนวนมากต้องการ แต่ว่าหาไม่ได้ เงินก็ซื้อไม่ได้ แต่พวกเรามีอย่างนี้ทุกคนแล้วก็ยังหายใจได้ กินอิ่มนอนอุ่น กินอะไรก็ไม่เจ็บคอ เดินเหินไปไหนมาไหนได้ จะนอนก็นอนเต็มแผ่นหลังได้ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว และนี่คือสิ่งที่เศรษฐีจำนวนมากต้องการ แต่ว่าหาได้ ควรจะรู้สึกขอบคุณที่ฉันยังมีความสุขอยู่ได้ ไม่ใช่เอาแต่โอดโอย ทำไมชีวิตน่าเบื่อแบบนี้ เหงาเหลือเกิน ฉันอยากออกไปข้างนอกอยู่แล้ว มันเซ็ง มันเบื่อ ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไมต้องมาเจอแบบนี้ ถ้าคิดแบบนี้ก็เป็นการซ้ำเติมตัวเอง ลืมมองไปว่า ตอนนี้เรามีสิ่งดีๆมากมายที่เศรษฐีพันล้านหมื่นล้านปรารถนาโหยหา แต่ว่าไม่สามารถที่จะหามาได้ เรามีความสุขอย่างที่เขาต้องการอยู่แล้ว แล้วเราจะไปทุกข์ทำไม ลองคิดอย่างนี้ดูเสียบ้าง แต่คนเรามักจะมองข้ามสิ่งที่ดีๆ ชอบบ่นโวยวายตัดพ้อต่อว่าชะตากรรมทั้ง ๆที่ยังกินอิ่มนอนอุ่นยังมีลมหายใจได้สบายๆไม่เจ็บไม่ป่วย คือความสุขที่มีแล้วเรามองข้ามไป
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
บรรยายก่อนอาหารเช้า ที่วัดป่าสุคะโต วันที่ 28 เมษายน 2563
Cr: ถอดเสียงเป็นข้อเขียน Nonglak Trongselsat
:เพจ วัดป่าสุคะโต
โฆษณา