30 เม.ย. 2020 เวลา 01:48 • ไลฟ์สไตล์
จอร์เจียไม่จอแจ (5): กินดื่มกันวัน Wild Wine
🍷ว่ากันด้วยเรื่องดื่มกิน
ว่ากันว่าจอร์เจียเป็นประเทศที่เป็นจุดกำเนิดไวน์ของโลก มีหลักฐานทางโบราณคดีพบว่ามีการผลิตไวน์ในดินแดนนี้มากว่า8000ปีแล้ว เป็นการหมักองุ่นลงในไหรูปไข่ที่ทำมาจากดินเหนียว เรียกเป็นภาษาจอร์เจียว่า qvevri ออกเสียงประมาณเควรี่ อะไรประมาณนั้น เอาไปฝังลงในดินแล้วเก็บในห้อบเก็บไวน์ (สามารถไปหาชมวิธีการทำไวน์แบบจอร์เจียดั้งเดิมได้ ตามยูทูป ) และวิธีการทำไวน์แบบดั้งเดิมนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกเรียบร้อยแล้ว
อีกเรื่องหนึ่งของการเรียนรู้จักกับวัฒนธรรมท้องถิ่น นอกจากชมตลาดแล้ว การกินดื่มอาหารและเครื่องดื่มของท้องถิ่นก็เป็นอีกทางที่ควรทำ เนื่องจากประเทศนี้เป็นเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่เก่าแก่ของโลก เราก็ไม่ควรจะพลาด และพบว่าไวน์ที่นี่ราคาถูกกว่าน้ำ เราก็จัดกันไปแทบทุกวัน
เช้าวันแรกที่มาถึง ฝนตกปรอยๆตั้งแต่เช้า แต่เราที่เพิ่งมาถึงก็ยังไม่มีอะไรกิน หลังจากเอนหลังกันเล็กน้อยก็มี คนอาสาออกไปซื้อน้ำและของกินกลับมา ก็เป็นของง่ายๆ โยเกิร์ต ขนมปัง ไข่ ไส้กรอก ฯลฯ แต่เนื่องจากรู้ว่าไวน์ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแหล่งที่ผลิตไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่างที่ว่าไว้แล้วข้างต้น ก็เลยจัดมาชิมลางก่อน 1 ขวด อากาศหนาวๆอย่างนี้ (อุณหภูมิ 6 องศา ) ก็อย่าไปเสียเวลาจัดไปพร้อมอาหารเช้ากันเลย ปรากฎว่า รสชาติดีมาก พอมาดูราคาเพียงแค่ 8.50 ราลีเท่านั้น คูณ 12 เอาเองนะ ราคาแบบนี้ไม่กินก็เรียกว่าเสียเวลามาแหละนะ ว่าแต่ ที่เปิดขวดของอพาร์ตเมนต์ดูเก๋ไก๋อยากได้ไว้ในครอบครองเสียจริง หมายตาเอาไว้ว่า 1 ในของที่จะช้อปน่าจะเป็นที่เปิดไวน์
นั่งกันในห้องจนบ่าย แม้ฝนจะยังตกปรอยๆอยู่ แต่เราจะมาอ้อยอิ่งกันต่อไปคงไม่ได้ ก็จะขออกไปชมเมือง แต่ก็ต้องไปหาอะไรกินก่อน พอดีเจอน้องขาย hop city tour เลยเข้าไปสอบถามเรื่องซิตี้ ทัวร์ และขอคำแนะนำว่าร้านไหนอร่อย น้องแนะนำว่าร้านนี้ In the Shadow of Metakhi (พูดถึงไปบ้างแล้วในตอนแรก)แล้วก็มาสั่งอาหารมาทานกัน จัดว่าเป็นมื้อแรกจริงจังของทริปนี้
อาหารที่สั่งวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นอาหารประจำชาติของเจอร์เจียร์ ว่า Kachapuri เป็นแป้งคล้ายแป้งพิซซ่า มีไส้ข้างในซึ่งมี 2แบบคือใส้ชีส และ ใส้เนื้อ ถาดแรก เป็นใส้เนื้อวัวผสมเนื้อหมู ส่วนจานข้างล่างใส้ชีส อีกอย่างที่ทุกคนบอกว่ามาจอร์เจียแล้วตเองกินคือ Khinkali อาหารพื้นเมืองของจอร์เจียร์ รูปร่างหน้าตาเหมือนเสี่ยวหลงเปา วิธีกินคือถือจุกไว้ค่อยกัดด้านล่างดูดน้ำออกแล้วค่อยกิน ในนี้ใส้ในเป็นเนื้อวัวผสมหมูสับ
และแล้วก็ถามหาไวน์ บริกรแนะนำว่าไวน์ตัวนี้อร่อย ตั้งชื่อสะท้อนให้เห็นเลยว่าเป็นเป็นไวน์จอร์เจียที่ผลิตตามแบบจอร์เจียดั้งเดิมชื่อ Qvevris คือไหดินเหนียว เวลาจะซื้อไวน์ที่จอร์เจีย เขาก็จะถามว่าจะเอาแบบผลิตแบบจอร์เจียดั้งเดิม หรือผลิตแบบยุโรปเทคโนโลยี ซึ่งพบว่าไวน์ที่ผลิตแบบจอร์เจียเทคนิคนั้นเหมาะสมแก่การดื่มอยู่ที่จอร์เจียเท่านั้น ไม่ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ เพราะว่าซื้อไวน์ตัวเดียวกันที่ดื่มประจำในจอร์เจียร์ซึ่งรสชาติดีมากกลับมาดื่มที่ไทย ปรากฏว่ารสชาติได้เปลี่ยนแปลงไปสิ้นแล้ว ไม่อร่อยดังเดิมเหมือนคนละตัวกัน ไวน์เทคนิคยุโรปก็อาจเปลี่ยนแปลงเช่นกันถ้าอุณหภูมิเปลี่ยนแต่ก็ไม่มากเท่า เราจึงมีไวน์ดีๆจากประเทศต่างๆดื่มได้ในไทย ส่วนไวน์ตัวนี้กับร้านค่อนข้างหรูประมาณหนึ่งสนนราคาอยู่ที่ 26 ราลี เราก็ต้องจัดไปอย่าให้เสีย (×12 หากต้องการคิดเป็นเงินบาท)
หลังจากนั้น ทุกๆวันก่อนจะได้ไปไหนต่อไหนกัน ก็เริ่มต้นด้วยการพูดคุยและกินอาหารเช้าที่จัดหากันเองที่ อพาร์ตเมนต์ บางวันก็กินนิดๆหน่อยๆ แต่บางวันก็จัดเต็ม แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือเรามีไวน์ ดื่มกันทุกมื้อ อย่างเช่นวันก่อนที่เราจะไปตลาด ในระหว่างปรึกษาหารือกันว่าจะไปไหนกันดี ปรากฏว่า เราได้มีไวน์จากตอนเย็นเมื่อวานจากร้านไวน์ 2ขวด ขวดนึงทั่วไปราคา 10 ลารี อีกขวด limited edition ราคา 30 ราลีเป็นเทคนิคยุโรป ก็เอามานั่งชิมกันอีกว่าจริงๆแล้วขวดไหนจะดีกว่ากันกว่าจะออกจากบ้านได้ก็จะ 11โมงอยู่เดิน เดินตลาดเสร็จก็หาอาหารกลางวันกินก็มีไวน์อีกแต่ ก็แอบมีเบียร์มาแซมเล็กๆ ขากลับซื้อไก่ย่างจากร้านชของชาวอาร์เมเนียมาเป็นมื้อเย็น แต่นอนต้องมีไวน์อีกเช่นเคย
ตัวองุ่นที่เป็นที่นิยมและถือว่าเป็นนิยมและมีแหล่งกำเนิดที่จอร์เจียสำหรับไวน์แดงคือ Seperavi ซึ่งจะไม่อออกหวานมากนัก ไวน์ที่นี่ที่มีขายกันในตลาดมักเป็นไวน์ออกหวานแม้จะบอกว่า semi-dry ก็ยังหวานหน่อยๆ body ไม่ค่อยหนัก วันหนึ่งเมื่อเดินทางออกไปนอกเมืองจอร์จี้ คนขับรถบอกว่าที่บ้านผลิตไวน์ ประเดิมก่อนการเดินทางด้วยการนำไวน์มาให้หนึ่งขวด ซึ่งก็เป็นไวน์ทีผลิตด้วยเทคนิคจอร์เจียดั้งเดิมและตัวองุ่นก็เป็น Seperavi เช่นกัน
นอกจากไวน์แล้ว จริงๆน้ำผลไม้ที่น่ากินที่สุดของที่นี่คือ ทับทิม ซึ่งสดมากๆ แบบที่ไม่เคยได้กินที่ไหนมาก่อน ทุกครั้งที่คิดจะกินน้ำผลไม้ก็กินทับทิมสดนั่นแหละ แต่ว่า ทับทิมแก้วละ 10-20 ลารี แต่ไวน์อยู่ในราคา 8-25 ลารีเท่านั้น แล้วฉันควรจะเลือกอะไรกันหนอ
จะว่าไปที่จอร์เจีย เป็นอีกประเทศที่เราไม่ได้ลำบากใจเรื่องอาหารเพราะมีรสชาติดีพอสมควร กลมกล่อมนอกจากคาจะปูรี รูปทรงเรือโนอาห์ ข้างในอุดมไปด้วยชีส ข้างบนโปะด้วยไข่แดง ตอนจะกินก็จะตัดไข่แดงให้เป็นลาวาไหลเยิ้มไปทั่วเรือ แล้วตัดหัวตัดท้ายคราวนี้ก็กินตามอัธยาศัยแล้วก็ยังมีเนื้อ มีปลาอย่างดี เช่นปลาเทราต์ที่ไทยค่อนข้างแพงแต้ล่ที่นี่ถูกกว่าประมาณครึ่งหนึ่งย่างก็ได้ ทอดก็ได้ล้วนอร่อยทั้งสิ้น
ข้อดีของประเทศ จอร์เจีย (และอาร์เมเนียที่จะพูดถึงในบทต่อไป) คือมีผักสดมากเป็นผัก ออร์แกนิค แถมราคาถูก เพิ่มเติมคือมี cheese ที่รสชาติดีๆให้เลือกมากมาย สามารถซื้อพวกผักและชีสมาทำสลัดกินเองได้ หรือแม้ว่าจะสั่งกินในร้านอาหารดีๆราคาก็ไม่่แพง
(ภาพด้านบน มื้อกลางวันที่เมืองกลางหุบเขาที่มีหิมะล้อมรอบ บาบีคิว ต่างๆ ประกอบด้วยเนื้อลูกวัว เนื้อหมู ไก่ ปลาเทร๊าท์ แกะ จานนี้ Go well with wine และน้ำทับทิมที่คั้นกันสดๆ)
ท้งท้ายไว้ด้วยภาพอาหารและเครื่องดื่ม ตอนต่อไปเราจะออกเดินทางไปอาร์เมเนียกัน จ้างให้จอร์จี้ เจ้าเก่าขับรถไปส่ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามด้วยใจระทึกโดยพลัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา