22 พ.ค. 2020 เวลา 07:14 • ข่าว
อดีตทหารอเมริกันกับภารกิจช่วยเหลือ
บิ๊กบอสนิสสันหนีข้ามโลก 🌍🌏
“คาร์ลอส กอสน์” คือชื่อที่หลายคนคุ้นหู เพราะเขาเคยเป็นข่าวใหญ่ระดับโลกเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา
กอนส์น คืออดีตประธานบริหารบริษัท NISSAN ผู้ที่ทางการญี่ปุ่นต้องการตัวมากที่สุด เนื่องจากเขาได้แจ้งรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริง 5 พันล้านเยน (เลี่ยงภาษี) อีกทั้งมีเรื่องความประพฤติที่ไม่ชอบมาพากลหลายเรื่อง รวมถึงการยักยอกเงินบริษัทไปใช้ส่วนตัว
คาร์ลอส กอส์น อดีตซีอีโอนิสสัน
เขาถูกจับกุมในปี 2018 แต่ก็ได้รับประกันตัวออกมาภายใต้เงื่อนไขที่ว่า “ห้ามเดินทางออกนอกญี่ปุ่น”
และแล้วในวันที่ 30 ธันวาคม 2019 เขาก็หนีไปโผล่ที่เลบานอน 🇱🇧 ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพ่อแม่เขา ทั้ง ๆ ที่พาสปอร์ตทั้งสามเล่มของเขา (เลบานอน, ฝรั่งเศส, บราซิล) ยังอยู่ที่ญี่ปุ่น
1
มีการคาดเดาทฤษฎีการหลบหนีของเขาต่าง ๆ นานา บ้างก็ว่าเขาใช้วิธีสุดดั้งเดิม อย่างการแสดงพาสปอร์ตปลอม บ้างก็ว่าเขาซ่อนตัวในกล่องดนตรี เนื่องจากในวันนั้นมีกลุ่มนักดนตรีมาจัดแสดงเป็นการส่วนตัวที่บ้านพักของเขา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาไปถึงเลบานอนแล้ว เขาก็จัดแถลงข่าวโดนอ้างว่าเขาหนีออกมาเพราะถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง รวมถึงหนีระบบที่อยุติธรรมของญี่ปุ่นที่ตัดสินให้จำเลยมีความผิดไว้ก่อน
การนำตัวคาร์ลอส กอส์น กลับมาดำเนินคดีที่ญี่ปุ่น ดูแทบจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจาก
▪️ ญี่ปุ่นกับเลบานอนไม่มีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
▪️ เลบานอนคงจะไม่เนรเทศบุคคลที่มีสัญชาติของตัวเอง
แต่ทางการญี่ปุ่นก็ยังคงยืนยันที่จะนำตัวเขากลับมาดำเนินคดีให้จงได้! 👊🏻👊🏻
.
.
ล่าสุด วันที่ 20 พฤษภาคม 2020 ทางการสหรัฐฯ จับกุมชายสองคน ซึ่งก็คือ “ไมเคิล เทย์เลอร์” วัย 59 ปี อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ Green Baret และ “ปีเตอร์” วัย 26 ปี ลูกชายของเขา ฐานมีส่วนในการช่วยเหลือนักธุรกิจจอมอื้อฉาวหลบหนี
ทางอัยการญี่ปุ่นเป็นผู้ออกหมายจับเมื่อเดือนมกราคม พร้อมกับบุคคลที่สามนามว่า “จอร์จ อันโทน ซาเย็ค”
รายละเอียดเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการช่วยกอส์นหลบหนีนั้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่อัยการญี่ปุ่นเปิดเผยว่าสองพ่อลูกอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ณ ขณะนั้น และช่วยให้กอน์สผ่านจุดตรวจจนหนีได้สำเร็จ
แม้จะอยู่ภายใต้การสังเกตการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง แต่เชื่อกันว่าคาร์ลอส กอส์น หลบหนีจากบ้านพักในกรุงโตเกียวในช่วงเวลาปะมาณ 14.30 ของวันที่ 29 ธันวาคม และไปพบกับชายสองคนที่โรงแรมใกล้เคียง
จากนั้นทั้งสามหน่อก็นั่งรถไฟความเร็วสูงจากโตเกียวไปโอซากา จนกระทั่งถึงโรงแรมใกล้กับสนามบินนานาชาติคันไซ ช่วงหลัง 2 ทุ่ม
1
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ชายสองคนก็ออกจากโรงแรมโดยหอบสัมภาระสีดำขนาดใหญ่ติดตัวออกไปด้วย ซึ่งสัมภาระดังกล่าวไม่ได้รับการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร และไม่ผ่านการ x-ray (เพราะมันใหญ่เกินกว่าจะเข้าเครื่อง x-ray)
เครื่องบินออกจากสนามบินคันไซประมาณ 11.10 นาฬิกา และลงจอดที่สนามบินอิสตันบูล อตาร์เติร์ก, ประเทศตุรกี 🇹🇷 ในเวลา ตี 5.26 ของวันที่ 30 ธันวาคม
แล้วหลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวก็มารับเขาไปยังกรุงเบรุต, เลบานอน
ถ้าหากว่ามีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจากสหรัฐฯ ไปยังญี่ปุ่น คาดว่าสองพ่อลูกอาจจะต้องโทษจำคุก 4 ปี ฐานมีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกให้อาชญากรตัวเป้งหลบหนีได้สำเร็จ
.
.
ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2020 อัยการในตุรกีได้ตั้งข้อหาบุคคล 7 ราย ฐานมีส่วนรู้เห็นในการหลบหลีของกอส์น ซึ่งก็รวมถึงนักบิน 4 ราย, พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 2 ราย, และผู้บริหารสายการบิน 1 ราย
แปะลิงก์จ้าาาาาาาา 🤩
1
โฆษณา