13 มิ.ย. 2020 เวลา 14:09 • ปรัชญา
บทความพุทธศาสนาได้นำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับหลายคนที่เรียนรู้และเข้าใจในหลักธรรม
หากเมื่อใดที่เราสามารถฝึกสติให้เข้มแข็ง
จนสามารถเลิกคิดฟุ้งซ่านได้ตามที่ต้องการ
ธรรมมะสอนใจได้กล่าวเอาไว้
เมื่อนั้นใจเราก็จะสามารถฝึกฝนทักษะด้วยจิตใจ
ที่นิ่งและสงบสุขได้ไม่มีสิ่งใดมารบกวนจิตใจให้
ไขว้เขวเมื่อนั้นใจเราก็จะแข็งแกร่งมากขึ้น
เจได้กล่าวเอาไว้เช่นกัน
บทความต่อมามาถึงคำสั่งสอนของธรรมมะสอนใจกันยาวๆ และจะมีบทความตอนท้ายจากความคิดของผมจะสรุปอีกทีว่าบทความทั้งสองจะมีข้อ
คิดที่ดีแตกต่างกันออกไปอย่างไร
ธรรมมะสอนใจได้กล่าวว่า ชีวิตจะเบาสบายเหมือนขนนก สภาพจิตอาจอยู่ในลักษณะ ฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง
สามารถหยัดยืนอยู่ในโลกได้ อย่างชนิดที่ไม่ต้อง
ขึ้นต่อใครในทางความรู้สึกอีกเลย
ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน มีอย่างเดียวที่แน่นอน
นั่นคือ ความตาย.. ธรรมมะสอนใจได้กล่าวจบ
แต่เพียงเท่านี้... สาธุน่ะครับ
เจกล่าวต่อว่า ถ้าจะให้ชีวิตเบาสบายเหมือนขนนก
นั้นยังไงก็ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะชีวิตทุกคนเกิดมาล้วนแล้วมีแต่บาปบุญติดตัวกันมาและมาชดใช้กรรมในชาตินี้กันทั้งนั้นแล้วแต่กรรมใคร
จะหนักจะเบา ก็สุดแล้วแต่เวรกรรมที่ทำมา
คนที่สามารถยืนหยัดอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างที่ไม่ต้องการมีความรู้สึกกับใครนั้น ก็แสดงว่าเขาได้ปลงและตัดทางโลกได้อย่างเด็ดขาดแล้วอย่างแน่นอนและเลือกที่จะเดินทางสายกลางด้วยใจที่
ที่เป็นธรรมและเดินตามรอยพระพุทธเจ้าต่อไป
ดังนั้นชีวิตของคนเราไม่มีอะไรที่แน่นอน หมั่นทำ
ความดีสร้างบุญสร้างกุศลเอาไว้เยอะๆและทุกครั้งที่มีโอกาส ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำ เมื่อใด
ที่เราพลาดโอกาสนั้นด้วยความประมาทสู่ความ
ตายกระทันหัน คุณจะไม่มีวันได้กลับมาทำในสิ่ง
ที่คุณพลาดโอกาสนั้นไปแล้วอีกตลอดไป
เจได้กล่าวและสรุปบทความเรียบร้อยแล้วครับ
ภาพถ่ายโดยเจ ที่วัดบ้านบะฮี อ.พรรณานิคม
บทความแต่งขึ้นบางส่วน จาก เจ หนุ่มสกลคนอิสระ
บทความบางส่วนของ ธรรมมะสอนใจ
อ้างอิงจาก
โฆษณา