23 มิ.ย. 2020 เวลา 04:35
"ใครเอาเนยเเข็งของฉันไป" นิทานสร้างแรงบันดาลใจและข้อคิดดีๆ เมื่อชีวิตต้องพบเจอกับการเปลี่ยนแปลง การปรับเปลี่ยนความคิดและทัศนคติเพื่อความอยู่รอด โดยที่เราจะทำอะไรก็ได้ ถ้าไม่มีความกลัว
นิทานเรื่องนี้ มีตัวละครอยู่ 4 ตัว คือ หนู 2 ตัว ชื่อ สนิฟฟ์ กับ สเคอร์รี่
และมนุษย์แคระอีก 2 คน ชื่อ เฮ็ม กับ ฮอว์ ทั้งสี่ต้องเข้าไปค้นหาเนยเเข็งในเขาวงกตเพื่อกินเป็นอาหาร
โดยที่หนูสนิฟฟ์และสเคอร์รี่ จะพากันออกวิ่งหาเนยแข็ง ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นหนูเท่านั้น ใช้จมูกดมกลิ่นเนย สำรวจเส้นทางไปเรื่อยๆ เจอทางตันก็ลองไปเส้นทางใหม่ ไม่คิดเยอะ ไม่กลัว ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
ส่วนมนุษย์แคระเฮ็ม กับ ฮอว์นั้น จะคิดกลยุทธ์ และใช้ความรู้ออกค้นหาเนยแข็งด้วยวิธีที่สลับซับซ้อนยิ่งกว่า เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว เนยแข็งเปรียบเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต และในที่สุดทั้งสี่ก็ได้พบกับแหล่งเนยแข็งก้อนโต ที่ดูเหมือนว่าจะสามารถกินอยู่ได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่ต้องออกตระเวนค้นหาอีก
1
จนอยู่มาวันหนึ่งที่อยู่ๆเนยแข็งก็หายไป หมดไม่เหลือให้เห็นอีก สำหรับหนูสนิฟฟ์และสเคอรี่ ก็ไม่ได้ตกใจอะไรมาก พวกเขาไม่รีรอ รีบออกค้นหาเนยแข็งก้อนใหม่ทันที อย่างไม่ย่อท้อ จนได้พบกับเนยเเข็งก้อนใหม่ที่ดีและใหญ่กว่าเดิม
แต่มนุษย์แคระเฮ็ม กับ ฮอว์เอาแต่บ่น ยอมรับความจริงไม่ได้ ไม่อยากออกไปหาเนยแข็งก้อนใหม่เพราะกลัวที่จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคอีก เอาแต่เรียกร้องหาความเป็นธรรม และได้ตะโกนออกมาว่า " ใครเอาเนยเเข็งของฉันไป " และในทุกๆวัน พวกเขายังคงกลับไปที่เดิมเพราะคาดหวังว่าเนยแข็งจะกลับมาหาพวกเขาอีก
หลังจากที่ต้องเผชิญอยู่กับสถานการณ์เดิมทุกๆวัน และเนยเเข็งก็ไม่กลับมา จนร่างกายอ่อนเพลียลง ฮอว์เริ่มคิดได้ว่าถ้าเราไม่ลงมือทำอะไรเลย ต้องอดตายแน่ๆ จึงได้ตัดสินใจออกเดินทางตามหาเนยแข็งก้อนใหม่เพียงลำพัง ทั้งๆที่ยังมีความกลัวอยู่เหมือนเดิม และไม่รู้ว่าการผจญภัยครั้งนี้ต้องไปเผชิญกับอะไรบ้าง ฮอร์ได้สร้างกำลังใจให้ตัวเองด้วยการจินตนาการว่า ตัวเองนั่งอยู่บนกองเนยแข็งรูปสามเหลี่ยมที่เขาโปรดปราน ยิ่งจินตนาการก็ยิ่งเพิ่มพลังให้เขามีแรงออกตามหาเนยแข็งมากขึ้นเท่านั้น ส่วนเฮ็มยังคงยึดติดอยู่กับเนยแข็งก้อนเก่า ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง
จนในที่สุดฮอว์ก็ได้พบกับเนยแข็งก้อนใหม่ และก็เริ่มภูมิใจในตัวเองมากขึ้น ในขณะที่ความกลัวก็ลดน้อยลงด้วยเช่นกัน พร้อมกับสัจธรรมชีวิตที่เขาค้นพบด้วยตัวเองหลายๆอย่าง และได้เขียนติดกำแพงเป็นระยะๆไว้ว่า " ถ้าคุณไม่เปลี่ยนแปลง คุณอาจจะสูญพันธุ์" ฮอว์กินอยู่อย่างสุขสบายกับเนยแข็งก้อนใหม่ และยังคงคาดหวังว่า เพื่อนรักเฮ็มจะคิดได้แล้วตามมา ตามรายแทงที่เข้าได้บอกทางไว้ให้คิด
แชร์ข้อคิดที่ผู้เขียนได้จากเรื่องนี้
เมื่อการเปลี่ยนแปลงมาถึง เราควรเริ่มทำความเข้าใจ ปรับตัว และคิดหาวิธีทางแก้ปัญหา มากกว่า เสียเวลานั่งบ่นคร่ำครวญถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว
การเปลี่ยนแปลง คือ จุดเริ่มต้นของความกลัว แต่ในขณะเดียวกันความกลัวก็คือแรงผลักดันให้เราเริ่มคิดทำสิ่งใหม่ๆ ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าด้วยเช่นกัน
เพราะความกลัว คือ " สัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอด"
ทันทีที่เราลงมือทำ ความกลัวก็จะลดน้อยลง เปลี่ยนเป็นความมั่นใจแทน
และ "เราจะทำอะไรก็ได้ ถ้าไม่มีความกลัว"
บางทีการคิดมาก วางแผนมากเกินไปกับทุกๆเรื่องในชีวิต ก็นำไปสู่ความคาดหวังที่สูงเกินไป จนไม่ได้เผื่อใจไว้ให้กับความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
การวาดภาพเป้าหมายไว้ชัดเจน จะทำให้เรามีแรงต่อสู้ อดทน เพียรพยายามอย่างไม่ย่อท้อ นำไปสู่ความสำเร็จในที่สุด
1
มาถึงตรงนี้อินดี้เชื่อว่า ผู้อ่านทุกท่านคงได้ข้อคิดต่างๆมากมายแตกต่างกันไปจากเรื่องนี้ ขอให้ทุกๆท่านมีพลังกาย พลังใจที่ดี รับมือและต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างมีสติ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเป็นกำลังใจให้กันค่ะ
สรุปและเล่าตามความเข้าใจของผู้เขียน
อ้างอิงจาก : หนังสือ "Who Moved My Cheese?"
ใครเอาเนยแข็งของฉันไป เขียนโดย Spencer Johnson, M.D.
IndiizStory🌷🍃
23.06.2020
โฆษณา