18 ก.ค. 2020 เวลา 12:06
อย่าหาว่าพี่สอนเลยนะคะ 👩‍🏫 อยากกู้ กู้ได้ค่ะ แต่ถ้ากู้แล้วนายทุนใหญ่ได้ประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว น้องอยู่เฉยๆเถอะค่ะ 🙏
อย่างที่เห็นๆกัน โควิด-19 ทำให้ระบบเศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก และเผชิญกับความถดถอย
โดยเฉพาะประเทศไทย ที่ถึงแม้จะมีการจัดการโรคได้ดี แต่ด้านเศรษฐกิจ บอกได้เลยว่าโดนเต็มๆ
เป็นเพราะไทยพึ่งพารายได้จากต่างชาติค่อนข้างมาก ด้วย 70% ของ GDP มาจากการส่งออกและท่องเที่ยว
จึงไม่แปลกใจ ที่หลายๆคนจะคาดว่าเศรษฐกิจเราจะทดถอยที่สุดในกลุ่มประเทศระแวกนี้ และผลกระทบโดยตรงกลุ่มแรกคือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 12% ต่อ GDP และมีแรงงานอยู่ถึง 3-5ล้านคน
ล่าสุดสำนักงานประกันสังคมเปิดตัวเลขว่างงานในเดือน พ.ค.พุ่งไปที่ 2.7% จากเดือนเม.ย.ที่ 1.8% เทียบกับจุดพีคล่าสุดที่ 2.09% ในปี 2009
มองไปข้างหน้า ดูแล้วเศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้นตัวง่ายๆ คงต้องหวังพึ่งรัฐบาล ออกมาตรการปังๆ มาปั๊มหัวใจเหล่าพี่น้องที่โดนให้ออกจากงานช่วงนี้ก่อน
ล่าสุดเราเห็น ธรรมศาสตร์ เปิดจ้าง 1,000 งาน ให้เงินเดือน 9,000 บาทต่อเดือน สำหรับคนที่ได้รับผลกระทบโควิด-19//คิดเป็นประมาณวันละ 450 บาท(ทำงานประมาณ 20วันต่อเดือน)
เห็นนโยบายแบบนี้ อิฉันชอบมาก อยากให้รัฐบาลรับลูกต่อ แล้วออกนโยบาย "การันตีงาน" กับทุกคนที่ตกงาน เงินเดือนก็ตามค่าแรงขั้นต่ำเลย (ประมาณ 330 บาทต่อวัน)
ทำก็ทำให้คลอบคลุมทุกจังหวังเลย แต่อาจจะโฟกัสกลุ่มจังหวัดที่โดนผลกระทบมากสุดเช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ พังงา
โดยรัฐบาลก็จัดหางานให้ทำในหน่วยงานรัฐ หรือไม่ก็ตั้งงานขึ้นมาเลย ในกลุ่มงานที่อาจจะขาดแคลนช่วงนี้ อย่างงานสาธารณสุข โดยอาจจะให้ทำในงานที่ไม่ต้องใช้ทักษะมาก แต่เน้นใช้แรงงาน (จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเทรนนิ้งด้วย) หรือไม่ก็ให้ทำงานในเอกชน โดยรัฐช่วยภาคเอกชนจ่ายก็เป็นอีกทางเลือกนึงที่ทำได้
การการันตีงาน ดูแล้วน่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี และยิ่งอยู่ในช่วงที่เราต้องการให้คนออกมาจับจ่ายใช้สอย การทำแบบนี้ยิ่งจะกระตุ้นให้คนออกมาใช้เงินมากกว่าให้เงินไปเปล่าๆเสียอีก(แต่ไม่ใช่ว่าดอกเบี้ยสีทองไม่สนับสนุนการแจกเงินนะคะ เพราะก็สนับสนุนมาตั้งแต่แรก และเชื่อว่าเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีที่สุด และการการันตีงานเนี่ยแหละ เป็นสิ่งที่รัฐควรทำในเสต็ปต่อไป)
เพราะการว่างงานแล้วได้เงินชดเชย กับการได้เงินเพราะทำงานมันก็คนละอารมณ์เหมือนกันนะ นึกดูด้านอารมณ์คนฟุ้งซ่านอยู่บ้าน กับคนออกไปทำงานเจอสังคมสิ มันคนละฟีลลิ่งนะ
ด้านการจับจ่ายใช้สอย คิดดู ถ้ายังไม่มีงาน คนก็มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเมื่อจำเป็น กินมาม่างี้ในขณะที่ ถ้าได้งานก็จะยังพอจับจ่ายใช้สอยกินบุฟเฟ่ต์ได้บ้างอะไรบ้าง
และอย่าลืมว่า เครื่องยนต์หลักทางเศรษฐกิจจากภาคส่งออกเราโดนเต็มๆ เราต้องให้การใช้จ่ายภายในประเทศมาปั้มหัวใจแทน ถึงแม้ว่าจะยังไม่กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม แต่เราต้องรอด!
ซึ่งการช่วยเหลือของรัฐในช่วงวิกฤตนี้ รัฐเองคงไม่พ้นที่จะต้องกู้เพิ่ม ละถึงแม้ว่ารัฐกู้มาจนปริ่มเกณฑ์วินัยทางการคลังที่ตั้งไว้ 60% ต่อ GDP แล้วก็ตาม แต่อย่าหาว่าพี่สอนเลยนะคะ😆 กู้ทะลุ 60% ไปเลยค่ะ เพราะอะไรนะหรอ
ไอ้ตัวเลข 60% มาจากไหน เพราะอะไร? มีใครรู้ไหม และจากที่เคยได้มีโอกาสคุยกับ อดีตรัฐมนตรีคลัง คนที่ตั้ง 60% เนี่ยแหละ เค้าบอกเองเลยว่า เค้าตั้งมาแบบไม่มีหลักเกณฑ์อะไร ไม่ได้ตั้งบนทฤษฎีอะไรด้วยซ้ำ เพราะงั้นถ้าจะเกิน 60% มันไม่ได้จะเป็นจะตายอะไรขนาดนั้น และใช่ค่ะ กู้มากมันไม่ใช่เรื่องดี แต่ลองมองรอบๆตัวก่อนนะคะ คนเริ่มตกงานกันรัวๆ, 70%ของเศรษฐกิจไทย โดนกระทืบมากขนาดนี้ คุณพี่จะมากรี้ส ดิ้นพล่านเพราะว่ารัฐจะกู้เกิน 60% มันบ่ได้นะแม่!
และด้วยสถานการณ์ที่ระทึกแบบนี้ ถ้าอยากมอนิเตอร์ แนะนำให้ดูพวก Debt service ratio หรือก็คือดูดอกเบี้ยที่รัฐจ่ายๆในแต่ละปี เปรียบเทียบกับขนาดเศรษฐกิจแทน
ซึ่งประเทศไทยก็มี Debt service to GNI ที่ต่ำที่ 3.85% และเคยพุ่งไปเกือบ 20% ช่วงวิกฤตต้มแซ่บเสือตัวที่5 ปี40
และด้วยดอกเบี้ยที่ต่ำขนาดนี้ ถ้ามันต้องกู้ ก็กู้มาเถอะค่ะ กู้มาทำอะไรที่ช่วยเหลือประชาชนจริงๆ มาการันตีงานทำเนี่ย มันได้บุญนะคะ//บาปบุญก็มา😅
เพราะคิดดูนะ ไอ้เรื่องการันตีแบบทางเลือกสุดท้ายเนี่ย รัฐก็ทำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะการการันตีเงินฝาก การันตีการศึกษา การันตีเงินให้กู้สำหรับ(กองBSF, Soft loan) ก็คือการันตีให้คนหรือบริษัทที่เดือดร้อนจริงๆ แล้วการันตีงานสำหรับคนที่เดือดร้อน ทำไมจะทำไม่ได้ละ
และการที่แนะนำให้รัฐกู้เพิ่มมากขึ้นแบบนี้ใช่ว่าจะไม่มีทฤษฎีรองรับ เพราะมันก็คือการใช้นโยบายแนวๆ MMT(Modern Monetary theory) ที่อิฉันเคยเขียนถึงช่วงต้นปีเนี่ยแหละ
เพราะงั้น ไอ้ตัวเลข60% เนี่ย แม่ๆ ก็เพลาๆกันบ้างเน้ออออ จะเกินอะไรไปก็ใจร่มๆ 🙏😆
แต่ก็นั้นแหละ สุดท้ายคงจะมาอยู่ที่อีกประเด็นนึงว่าถ้ากู้มาแล้ว ผลสุดท้ายคนได้ประโยชน์คือนายทุนใหญ่ต่างๆ การลงทุนโปรเจคสัมปทานต่างๆ ประโยชน์มันก็อยู่ที่จุดๆนึง สู้ให้รัฐไปลงทุนให้กับกลุ่ม SME หรือทำนโยบายการันตีงาน ไม่ดีกว่าหรอ ประโยชน์ได้สำหรับคนซวยจริงๆ ซึ่งจะทำให้เศรฐกิจฟื้นและโตอย่างแข็งแรง ไม่ใช่เติบโตจากจุดบนแต่ตรงกลางกับล่างกลวงไม่เหลืออะไร🙄
ปล.
-รัฐสนับสนุน SME ไปเลยช่วงนี้ โดยการลงทุนเป็นเจ้าของส่วนนึงไปเลยของ SME ประหนึ่งเป็น Venture capital
-นโยบาย Soft loans และ BSF เป็นนโยบายที่สำคัญในช่วงแรกก็จริง แต่ผลประโยชน์ คนกลางๆกับล่างๆ ยังได้ไม่ทั่วถึง
เพิ่มเติม
-มีคนส่งมาแจ้งเพิ่มว่านิด้าก็เปิดรับสมัครงาน
โฆษณา