14 ก.ค. 2020 เวลา 04:20 • สุขภาพ
Travel Bubble .......กำลังจะตีเมืองไทยแตก
ประเทศไทยมีมาตรการปิดล๊อคน่านฟ้า ห้ามเครื่องบินจากต่างประเทศบินเข้าสู่น่านฟ้าของไทย ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2563 นั่นเป็นมาตรการสำคัญที่ทำให้การควบคุมการระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ลักษณะการติดเชื้อส่วนใหญ่ของไทย ล้วนแต่เป็นการนำเชื้อเข้ามาจากต่างประเทศสู่คนในประเทศ จนเกิดCluster สนามมวยลุมพินี สถานบันเทิงย่านทองหล่อและกลุ่มกิจกรรมทางศาสนา
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ประเทศไทยต้องเดินมาถึงจุดที่เกิดการล๊อคดาวน์ประเทศ มีมาตรการต่างๆ ทำให้ธุรกิจหลายอย่างต้องปิดกิจการชั่วคราว ประชาชนหลายแสนคนได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ กิจการร้านค้ากว่า 4 พันแห่งต้องปิดกิจการ......
หลังจากที่คนไทยทุกคนได้ร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจอดทนช่วยเหลือกันจนไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศ >14 วัน สถานการณ์การระบาดภายในประเทศก็ดีขึ้นเรื่อยๆ สามารถเริ่มผ่อนคลายมาตรการได้มากขึ้น คนไทยเริ่มใจชื้น กล้าที่จะออกมาใช้ชีวิตแบบ New normal เศรษฐกิจทำท่าจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น
รัฐบาลก็เริ่มออกมาตรการผ่อนคลายความเข้มงวดของการปิดน่านฟ้า โดยการออกมาตรการ Travel Bubble เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาประเทศไทยได้ภายใต้เงื่อนไข้ที่กำหนด หวังว่าธุรกิจหลายธุรกิจจะได้เริ่มดำเนินการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งออกให้ดีดังเดิมให้ได้
Travel Bubble คือ การเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสองประเทศที่สามารถจัดการเรื่องโรค COVID-19 ได้ดีเท่าๆ กัน โดยพิจารณาจากสถานการณ์การระบาดในประเทศนั้น มีการผ่อนคลายการควบคุมโรคแล้วหรือไม่ มีการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศอยู่หรือไม่ และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีต่อกัน
กลุ่มที่จะเปิดโอกาสให้เข้ามาไทยประเทศไทยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มแรก เป็นคณะทูต คณะกงสุล
- กลุ่มที่ 2 คนไทยที่เดินทางกลับประเทศและเข้าสู่สถานที่กักกันของรัฐ
- กลุ่มที่ 3 กลุ่มนักธุรกิจชาวต่างชาติที่เข้ามาเฉพาะด้านเศรษฐกิจและสังคม
แต่ละแล้วสิ่งที่เราร่วมแรงร่วมใจ ใส่แมสก์ ล้างมือ เช็คอินไทยชนะ กำลังจะหมดคุณค่าลง เพราะการติดเชื้อภายในประเทศกำลังจะกลับมา......
ถามว่ากลับมาได้อย่างไร ????
เมื่อวานนี้มีรายงานข่าวจากสื่อภายในประเทศหลายแห่งว่า มีการติดเชื้อจากทหารอียิปต์ที่มาแวะพักในประเทศไทยก่อนไปทำกิจกรรมทางการทหารที่ประเทศจีน โดยไม่ได้กักกันตัวหรือ State quarantine ตามมาตรการของรัฐ เพราะถือว่าเป็นแขกของประเทศ
ทหารผู้นี้ยังนำเชื้อไปแพร่ตามสถานที่ต่างๆหลายแห่ง ทั้งโรงแรมในจังหวัดระยอง ห้างสรรพสินค้า ส่งผลกระทบให้กับโรงแรมและห้างร้านต่างในในจังหวัดระยองเป็นอย่างมาก
นั่นหมายความว่าพื้นที่จังหวัดระยอง ต้องเฝ้าระวัง รวมถึงอาจต้องกักกันตัวอีกอย่างน้อย 14 วัน มีประชาชนชาวระยองที่ตกเป็นกลุ่มเสี่ยงต้องกักกันตัวอีก 394 คน..........
นั่นยังไม่พอ.... เมื่อบรรดาคณะฑูตจากซูดาน เดินทางเข้าประเทศไทยตามคำเชิญของรัฐบาล เช่นเดียวกันคือไม่ต้องกักกันตัวแต่อย่างใด
และแล้วในบรรดาคณะฑูตจากซูดานพบเด็กหญิงวัย 9 ขวบติดเชื้อโควิด แถมผู้โดยสารบนเครื่องยังตรวจพบเชื้อเพิ่มอีก 12 คน มีผู้ที่ต้องเฝ้าระวังรวม 245 คน
แถมคณะนี้ยังเดินทางไปหลายแห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครเช่น สถานีรถไฟฟ้านานา อโศก พร้อมพงษ์ ตลาดคลองเตย มหาวิทยาลัยกรุงเทพอินเตอร์ ห้างเอ็มควอเทียร์และเอ็มโพเรียม
แน่นอนว่าพื้นที่กระจายมากขนาดนี้การเฝ้าระวังและตรวจคัดกรองทั้งหมด ทำได้ยากมากๆ
ได้แต่ภาวนาว่าการที่คนไทยใส่แมสก์ เว้นระยะห่างมาตลอด จะไม่สูญเปล่าจากการเดิมหมากผิดพลาดของรัฐบาล
ขออย่าให้มีการระบาด Wave 2 ในไทยเถิด........
โฆษณา