19 ส.ค. 2020 เวลา 04:19 • สุขภาพ
ห่างหายจาก BD ไปนานพอดูสำหรับการเขียนบทความ เนื่องจากมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นระหว่างนี้ จะพยายามกลับมาเขียนบทความ ทยอยลงเรื่อยๆ นะครับ
เรื่องแรกที่ทำให้ภารกิจค่อนข้างพะรุงพะรังคือ ผมตัดสินใจต่อปริญญาโท ด้วยวัยที่ใกล้เลข 5 เข้าไปทุกที และการทำงานปกติของสายงานก่อสร้างตั้งแต่เรียนจบมา ไม่เคยทำงานที่ไหนที่อนุญาตให้หยุดเสาร์อาทิตย์ได้เลย ยกเว้นครั้งหนึ่งเคยต้องมาประจำสำนักงานใหญ่ ที่เมืองหลวงอันศิวิไลซ์แห่งนี้ เนื่องจากบริษัทต้นสังกัดประมูลงานได้งานค่อนข้างใหญ่ เอ่ยชื่อโครงการไปคงพอทราบ ผมว่าคงไม่สลักสำคัญอะไรว่าผมเคยทำงานที่ไหนนะครับ ระหว่างที่ทำงานที่สำนักงานใหญ่ ตามนโยบายให้ทำงานวันเสาร์ครึ่งวัน จึงได้หยุดใกล้เคียงกับเพื่อนฝูงบ้าง ซึ่ง ณ เวลานั้น ผมเสพติดการปั่นจักรยานมาก
ประกอบกับมีแรงบันดาลใจให้อยากสำเร็จกับทริปซึ่งถือได้ว่าคนจักรยานหลายๆ คนใฝ่ฝันจะไปทริปนี้และปั่นจนจบให้ได้ คือ ทริป กรุงเทพ-หัวหิน ที่จัดราวๆ ปลายมกราคม - ต้นกุมภาพันธ์ของทุกปี (ตอนนี้ไม่มีทริปดังกล่าวแล้ว คงมีปัญหาภายในของผู้จัดงานหลายอย่างซึ่งผมไม่ทราบรายละเอียด) ทำให้อย่างน้อยทุกวันอาทิตย์ก็ต้องจับจักรยานออกไปปั่นกับเพื่อน วันดี คืนดี ก็ปั่นจากบ้านที่พักมาที่สำนักงานใหญ่ อาศัยห้องของรุ่นน้องที่ทำงานอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเข้างาน และถือโอกาสฝากจักรยานไว้ด้วย เลิกงานก็ปั่นกลับ วันไหนหยุดก็ต้องไปปั่นส่วนใหญ่ เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะจบทริปนี้ให้ได้ ซึ่งครั้งแรกผมไปได้ไกลแค่ บางจะเกร็ง ขาก็เกร็งเป็นตะคริวมาเลย จึงตั้งใจต้องซ้อมเพื่อจบแบบสวยหรูให้ได้สักครั้ง ถ้ามีใครสนใจหรือไม่สนใจก็ไม่เป็นไร ผมอาจเอามาเขียนสักที
กลับมาเรื่องเรียนต่อ คือ ตั้งใจไว้ตั้งแต่เรียนจบว่า อยากเรียนต่อปริญญาโท แต่งานที่ทำส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด ตอนที่ไซต์อยู่แถวชลบุรี ก็กลับ กทม. ช่วงเย็นวันเสาร์ เช้าวันอาทิตย์ก็ขับรถไปทำงาน วนเวียนอยู่หลายปี สุดท้ายตอนที่เปลี่ยนมาทำงานที่ปัจจุบัน ก็ยังหยุดได้สัปดาห์ละวันเหมือนเดิม แต่ เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ก็ตัดสินใจเด็ดขาดว่า คงต้องลงเรียนเสียที มิฉะนั้น คงไม่ได้เรียนเป็นแน่แท้ ว่าแล้วก็ไปสมัครกับน้องที่ออฟฟิศอีกคน ซึ่งต้องเรียนวันอาทิตย์ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ไปเลิกเอา 3 ทุ่ม ตามตารางที่กำหนดไว้ ขึ้นอยู่กับอาจารย์ ซึ่งบางท่านก็เลิกก่อน 3 ทุ่ม เช้าวันจันทร์ผมก็กลับเป็นมนุษย์เงินเดือนตามเดิม
ช่วงแรกก็ยังพอไหว เพราะหลักสุตรที่ผมลงไว้เป็น block course คือเรียนทีละวิชา เรียนจบ ก็สอบ, สองวิชาแรกยังพอทำเนา เพราะเป็นวิชาปรับพื้นฐาน มีเกรดแค่ผ่านกับไม่ผ่าน ไม่ผ่านก็ไปสอบซ่อม พอวิชาถัดไปเริ่มเป็นวิชาที่มีเกรด แถมมีรายงานทั้งเดี่ยวและกลุ่ม ทีนี้ก็บันเทิงเลย
เรื่องที่สองคือพ่อผมซึ่งอายุเจ็ดสิบกว่าปี เกิดอุบัติเหตุ ตกจากเขื่อนกันตลิ่งหน้าบ้าน อธิบายนิดหนึ่งนะครับ ว่าบ้านผมอยู่ติดกับคลอง ซึ่งปกติแล้วเวลาผ่านไปสักพัก แรงของน้ำที่ไหลผ่าน ก็จะกัดเซาะชายตลิ่งไปเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อสักหลายปีก่อนนั้น สมัยผมยังเด็กคงไม่เป็นไร เราอาศัยอาบน้ำในคลองนี่แหละ ไปไหนก็พายเรือกันไป แต่พอความเจริญเข้ามา ทางราชการก็ทำถนนเลียบคลองหน้าบ้านเพื่อความสะดวกสบายในการสัญจรด้วยรถยนต์ ถ้าไม่ทำเขื่อนไว้ คงต้องซ่อมถนนกันบ่อยแน่นอน จึงทำเป็นเขื่อนกันตลิ่งไว้ แต่พ่อผมด้วยความที่เห็นมีต้นกล้วยอยู่ใกล้ๆ เขื่อน จึงปีนขึ้นไปหมายใจว่าจะตัดกล้วย แต่เกิดพลาดร่วงลงไปแล้วไปโดนตัวเขื่อน ผลปรากฏว่า กระดูกซี่โครงหักไป 4 ซี่
ผมกับน้องสาวรวมถึงคุณภรรยาก็ต้องผลัดกันพาไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกลจากบ้าน แต่น้องสาวทำงานที่นั่น ก็จะสะดวกเรื่องการเดินทางพอสมควร เช่น ตอนเช้าก่อนผมไปทำงานก็แวะไปส่งพ่อก่อน แล้วให้น้องสาวดูแลต่อจนกลับมาส่งที่บ้าน ช่วงเวลาที่ไม่ไปโรงพยาบาล ก็ต้องผลัดกับน้องชายนอนเป็นเพื่อนที่บ้านพ่อ เพราะหัวใจพ่อผมยังวัยรุ่น จึงไม่สามารถนอนเฉยๆ ตามที่หมอสั่งได้ กลางคืนหรือพอปลอดคนก็ต้องลุกจากเตียงเดินไปเดินมาซะหน่อย สุดท้ายถึงกับต้องขู่กันว่า ถ้าไม่นอนเฉยๆ บ้างจะพาไปนอนที่โรงพยาบาล ซึ่งก่อนจะที่หายก็ต้องพาไปนอนจริง ราวๆ 3 คืน เพราะเกิดอักเสบที่แผล สิริรวมเวลาที่ต้องดูพ่อราวๆ 5 เดือน
เรื่องสุดท้าย ที่ทำให้ยุ่งพอควรแต่ผมรู้สึกว่ามีความสุขที่สุดที่ต้องยุ่งเรื่องนี้ เรื่องนี้เกิดหลังที่ผมไปสมัครเรียนต่อราวๆ 3 เดือน คุณภรรยาก็ว่า งั้นลงเรียนด้วยดีกว่าคงจะเป็นห่วงว่าผมทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์แถมต้องมาเรียนเต็มวันกว่าๆ ในวันอาทิตย์อีก ผมเดาว่างั้นนะ คงไม่ใช่ห่วงว่าจะมีสาวๆ ที่ไหนมาแอบชอบผมหรอก :-)
คิดได้ก็ไปสมัครซะที่เดียวกัน เรียนวันอาทิตย์ด้วยกัน เวลาเรียนก็ไปด้วยกัน กลับก็กลับพร้อมกันซะเลย ยื่นเรื่องไปเรียบร้อยพร้อมกับจ่ายเงินจองเรียบร้อย พอประกาศให้ไปสอบสัมภาษณ์ดัน มีเจ้าต้วน้อยซะได้
ใช่ครับ ฟังไม่ผิด ผมอายุสี่สิบกลางๆ ภรรยา สี่สิบปีพอดี มีลูกได้ ทั้งๆ ที่หมดหวังมาหลายปี เพื่อนฝูงญาติมิตรผู้ใหญ่ที่เคารพหลายท่าน เคยแสดงความห่วงใยและให้ข้อมูลเรื่องการมีบุตรยาก ทั้งแบบสมัยใหม่และกึ่งๆไสยศาสตร์ พวกยาหม้ออะไรนี่ก็มี ซึ่งไม่เคยไปทำสักอย่าง เนื่องจากแบบสมัยใหม่ตามที่ได้ข้อมูลมาต้องไปพร้อมกันทั้งสามีภรรยา แต่ไม่เคยสักครั้งที่จะว่างพร้อมกันเสียที จนหมดหวังไปนานแล้ว อยู่ๆ ก็มาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทีนี้ตาเฒ่ากับยายแก่ก็ต้องมานั่งหาความรู้เรื่องเลี้ยงลูก แถมด้วยการไปหาหมอแบบที่ปีนี้ผมหมดวันลาไปเรียบร้อย
สถานะตอนนี้ภรรยาผมคลอดเรียบร้อยได้ลูกชาย สมอย่างที่ตัวผมอยากได้เสียที แม้ว่าคุณภรรยาอยากได้ลูกสาวมากกว่า แต่ตอนนี้ ตอนกลางคืนนั่งหอม + เรียก "ลูกชายแม่" ทุกคืน หลังจากนี้คงพยายามจะมาอัพเดตเรื่อยๆ เนื่องจากผมเป็นแฟนพี่โจ้ "เขียนไว้ให้เธอ" ที่จะเขียนบทความให้ลูกสาวไว้อ่าน ผมก็(พยายามอย่างมากที่ีจะ)ตั้งใจเขียนบทความทิ้งไว้เผื่อลูกชายผมจะมาอ่านสักวัน
โฆษณา