7 ก.ย. 2020 เวลา 09:29 • ความคิดเห็น
คุณสมบัติ มืออาชีพพันธุ์ A
ความฉลาด ความสามารถในการแก้
A-Adversity quotient คือ ความฉลาดในการแก้ไขปัญหา การมีทัศนคติที่ถูกต้องต่อปัญหา และ อุปสรรค
บทความที่แล้วผมได้หยิบเรื่องของคุณสมบัติคนพันธุ์ A มาพูดถึง วันนี้ผมขอพูดถึง A ตัวแรกในมุมมองของผมแบบละเอียดขึ้นมาอีกหน่อยครับ
จริง ๆ แล้ว ผมคิดว่าในทุกเรื่องของชีวิตไม่มีเรื่องไหนเกิดขึ้นได้โดยไม่มีอุปสรรค ชีวิตการทำงานก็เช่นเดียวกัน ปัญหาและ อุปสรรคในโลกของการทำงานนั้นมีเข้ามาตลอดเวลา อยู่ที่มุมมองของเรามากกว่าว่าเรา มีมุมมอง หรือ ทัศนคติต่อปัญหาและอุปสรรคนั้นอย่างไร มองว่ามันเป็นเรื่องที่ท้าทาย หรือ มองว่าเป็นเรื่องที่หนักหนากำลังบั่นทอนใจ จนทำให้เราท้อถอยหรือเปล่า? ยิ่งในขณะนี้ที่เศรษฐกิจมีความผันผวนจากวิกฤติต่าง ๆ ปัญหา และ อุปสรรคก็ย่อมมีมากขึ้นไปด้วย A-Adversity quotient หรือ A ตัวแรกนี้ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่ทุกคนควรมีติดตัวเอาไว้ เพราะเมื่อ ทัศนคติเป็นบวกแล้ว วิธีคิด และมุมมองของเราจะเป็นบวกตามเสมอ แม้ว่าจะต้องเจอกับเรื่องราวด้านลบขนาดไหนก็ตาม
แล้ว ทัศนคติที่ถูกต้องต่อปัญหาและอุปสรรค หรือ การมองมุมบวกต้องมองยังไง? มาถึงตรงนี้ ทำให้ผมระลึกถึงในหลวง ร.9 ผู้ทรงเป็นต้นแบบ พระราชกรณียกิจของพระองค์เป็นแบบอย่างให้เราดำเนินในการตามรอยเบื้องพระยุคลบาทได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าหลายท่านในที่นี้ น่าจะเคยได้ยินกันมาแล้ว สำหรับห้องทรงงานของร.9 ที่มีขนาดเพียงแค่ไม่กี่ตารางเมตร แต่ทุกตารางเมตรเต็มไปด้วยแผนที่ของประเทศที่ติดอยู่ตามผนังห้อง มีแผนที่ของพื้นที่หมู่บ้าน แม่น้ำ ภูเขา ป่าไม้ อย่างละเอียดอีกหลายแผ่น เพียงเพราะต้องการทราบว่าพสกนิกรชาวไทยของพระองค์มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร? ขาดตกบกพร่องอะไร? และ พระองค์ต้องปรับปรุง แก้ไข พัฒนาจุดไหนบ้าง? ที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของชาวไทยทั้งประเทศดีขึ้น และ เพื่อพสกนิกรชาวไทยจะได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ขนาดพระองค์มีปัญหาสุขภาพก็อย่างโรคพระหทัยเต้นผิดปกติ ที่มาจากการได้รับเชื้อ “ไมโครพลาสม่า” จากการเสด็จฯ ไปที่สะเมิง ที่อยู่ไม่ไกลตัวเมืองเชียงใหม่แต่เป็นพื้นที่ชนบทป่าเขา จากการทรงงานอย่างหนักเพื่อประชาชน แม้ว่าพระองค์จะสามารถเลือกที่จะไม่ทรงงานหนักขนาดนี้ก็ได้ แต่พระองค์ก็ทรงเลือกที่จะทำเพื่อพวกเราชาวไทยทุกคน อุปสรรคในการทรงงานจะมากมายเพียงใด พื้นที่ชนบทจะอยู่ห่างไกลขนาดไหน? พระองค์ก็ทรงแน่วแน่ที่จะเดินทางไปเพื่อให้เห็นกับพระเนตรว่า พสกนิกรชาวไทยของพระองค์นั้นกินดีอยู่ดีหรือไม่?
มากกว่านั้น ผมซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ จากการได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ได้กราบบังคมทูลถามร.9ว่า “เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่?” แต่คำตอบที่ได้รับกลับมานั้นคือ “ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้น คือ บ้านเมือง คือ ความสุขของคนไทยทั่วประเทศ" ประโยคสั้น ๆ นี้กลับทำให้ผมตื้นตันใจแบบมหาศาล พระองค์ทรงสอนและให้หลักในการทำงานแก่พวกเราถึง ความเพียรและความอดทน ว่า “การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทน เสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือ ความอดทน คือ ไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อบางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันครึทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่า การทำให้ดีไม่ครึ ต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตน “ แม้ว่าผมจะไม่สามารถทำได้ถึงขนาดที่พระองค์ทรงทำเพื่อประชาชนชาวไทย แต่ผมเองได้นำแนวคิด และ คำสอนของพระองค์มาเป็นแรงผลักดันในวันที่อ่อนล้า ให้ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคใด ๆ ที่เข้ามาเลย
 
จะว่าไปแล้ว A ตัวแรกนี้ก็เกี่ยวข้องกับ ทฤษฎี Growth Mindset ที่ผมเคยเขียนไว้ ว่าการคิด และ มองในมุมบวก
คือ การฝึกให้เราแก้ปัญหาเมื่อเกิดปัญหา เชื่อมั่นในตัวเองว่าเราทำมันได้ เราเอาชนะมันได้ เราจะก้าวข้ามมันไปได้ และขอบคุณปัญหา / อุปสรรคที่เข้ามา เพราะ มันสอนให้เราได้มีโอกาสเรียนรู้ และ เติบโตขึ้นไปอีกขั้นของชีวิต เหมือนเราปีนเขาสูง ที่ต้องวางแผนและฟันฝ่าอุปสรรคไปทีละขั้น เพื่อไปถึงยอดเขา ไปฉลองและชมความงามบนยอดเขา
ท้ายนี้ผมขอให้กำลังใจทุกท่านที่กำลังท้อถอยกับปัญหาหรืออุปสรรคที่เข้ามา เอาชนะฟันฝ่ามันไปให้ได้ด้วยทัศนคติถูกต้องต่อปัญหา และ อุปสรรค หรือ A ตัวแรก A-Adversity quotient นะครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา