19 ก.ย. 2020 เวลา 07:36
วิธีตั้งเป้าหมาย Part 1
ให้ดูจากคนที่ประสบความสำเร็จพวกเขาจะมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ เราคงจะรู้ว่าถ้าเส้นทางที่จะทำให้ไปสู่ฝันได้นั้นไปที่ไหน อย่างไร ก็จะพิชิตความฝันนั้นได้ เหมือนมี google map เมื่อรู้ว่าไปที่ไหนแล้วก็จะมาเลือกว่าจะไปด้วยวิธีใด
ผู้คนส่วนใหญ่มักเสือกพาหนะก่อนมันก็เลยไปไม่ถึงเสียที
dream--> goal
Begin with the end in mind
เริ่มต้นจากจุดจบ ให้ลองจินตนาการถึงตัวเองตอนบั้นปลายของชีวิต แล้วมองย้อนกลับมาปัจจุบันเช่น ตอนนี้อายุ30 คิดว่าจะตายตอน 70 เราอยากเห็นตัวเอง70ปีเป็นแบบไหน อยากมี30 สภาพไหน อยากมีอะไร อยากให้คนรอบข้างที่รักมีอะไรบ้าง อยากอยู่ที่ไหน ลูกเรียนที่ไหน ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ถ้าป่วยจะอยู๋โรงพยาบาลไหน เป็นต้น
อีกคำถามที่จะช่วยตั้งเป้าหมายในชีวิต คือ ถ้าสมมุติเราต้องจากโลกไปจริงๆ เราอยากให้คนอื่นจดจำเราแบบไหน ถ้าเป็นแบบธรรมดาเช่น ตอน40-50ปีฉันทำงานประจำ จันทร์ ถึงศุกร์ หยุดเสาร์ อาทิตย์ ถ้าเราลองนึกภาพใครหลายๆคนที่เสียชีวิตแต่เรายังนึกถึงเขาอยู่ เช่น สตีฟ จอบส์, อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าจะเป็นที่จดจำและมีคุณค่าสิ่งหนึ่งคือมีเป้าหมายในชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คนฝรั่งมีคำคมที่ว่า ถ้ามีหลุมฝังศพคุณอยากให้เขียนว่าอะไร "เป็นที่รักของคน","สร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับคนมากมาย","มหาเศรษฐีใจบุญ"
ต้องเข้าใจก่อนว่าความสำเร็จในหน้าที่การงานกับความสำเร็จในชีวิตนั้นแตกต่างกัน เราอาจสำเร็จในหน้าที่การงานแต่บางที่ในชีวิตล้มเหลวเห็นได้เยอะมากในสังคมตอนนี้
ความสำเร็จในชีวิต
มีเงิน มีเวลา มีความรักที่ดี มีอิสระ สุขภาพดี ท่องเที่ยวที่ๆอยากไป ช่วยเหลือผู้ยากไร้ ช่วยเหลือโลก
มีฝันที่ยอดเยี่ยม อย่างเช่น สตีฟ จอบส์ บอกว่า ฉันอยากทำให้จักรวาลสั่นสักเล็กน้อย (Make a dent in the Universe) แสดงว่าถ้าเราอยากจะมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมก็ต้องมีฝันที่ยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่
ฝันที่ดีควรมีอะไรบ้าง
มี3อย่าง 3ระดับ
1.Intrinsic
เป็นแรงจูงใจในการขับเคลื่อนความฝันภายนอกในระดับต่ำ คือเป็นแรงจูงใจพวกสิ่งของ เช่น เงินทอง รถสปอร์ต บ้าน
2.Extrinsic
เป็นแรงจูงใจในการขับเคลื่อนจากภายใน โดยจะไม่มีเงินมาเกี่ยวข้องเลย ซึ่งเป็นแรงขับที่สำคัญมากๆ ถ้าเราอยากเก่งขึ้น เติบโตมากขึ้น อยากพัฒนาขึ้น
3.Prosocial
เป็นแรงจูงใจในการขับเคลื่อนจากสังคม แวดล้อมรอบๆตัวเรา ซึ่งคนที่สำเร็จส่วนใหญ่จะใช้สังคมเป็นตัวขับเคลื่อน
สรุปคือถ้าอยากขับเคลื่อนความฝันก็ต้องมีสามสิ่งนี้ช่วยพาไปให้ถึงฝัน ถ้ามีแรงจูงใจระดับต่ำเพียงอย่างเดียวพอเดินทางไปสักพักเราอาจรู้สึกกำลังหลงทางอยู่ ที่วันหนึ่งเราทำสำเร็จแล้วมีบ้าน รถแล้วเราก็ไม่มีเป้าหมายอื่น ความฝันอื่นต่อ เราก็จะรู้สึกขี้เกียจไปเลย
ตัวอย่างคนที่มีครบทั้ง 3 อย่าง เช่น
บิล เกตส์ เป็นคนที่เก่ง ร่ำรวยที่สุดในโลกยาวนานหลายปี มองว่าเขาไม่ต้องทำอะไรก็ได้แล้วใช้เงินทั้งชาติก็ไม่หมด แต่เขาก็ยังทำอยู่ทำมากกว่าหลายๆคนด้วยซ้ำ ยังช่วยเหลือผู้คน บริจาคเงินปีละพันล้านเหรียญให้กับมูลนิธิต่างๆ ซึ่งเขามีทุกระดับของแรงขับเคลื่อนที่ดี โดยเฉพาะ Prosocial คนร่ำรวยบางคนที่ไม่ได้ทำสิ่งนี้ก็อาจเป็นโรคซึมเศร้าไปเลยก็มี
คุณต้องเขียนความฝันออกมาให้ได้
ติดตามตอนต่อไป
การเปลี่ยนแปลงความฝันมาเป็นเป้าหมาย
โฆษณา