20 ก.ย. 2020 เวลา 06:32 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ECONOMY : หมดยุคน้ำมันโลกแล้วหรือยัง ? พลังงานแห่งศตวรรษที่ 21 คืออะไร ?
น้ำมันเชื้อเพลิง คือตัวขับเคลื่อนของศตวรรษที่ 20 ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ สงคราม เศรษฐกิจ และภูมิรัฐศาสตร์ แต่ขณะนี้โลกกำลังอยู่ระหว่างการผันเปลี่ยนเทคโนโลยีหลัก จากการใช้พลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานรูปแบบใหม่ที่มีความสะอาดมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา COVID-19 ได้เข้าทำลายเศรษฐกิจโลก ความต้องการน้ำมันจึงลดลงกว่า 1 ใน 5 และราคาก็ร่วงลง และตั้งแต่นั้นมา แม้จะมีการฟื้นตัวเกิดขึ้น แต่ก็เป็นไปอย่างกระวนกระวายใจ แต่การกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
ผู้ผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล ถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับช่องโหว่ของพวกเขาเอง ขณะที่ ExxonMobil ก็ถูกปลดจากค่าเฉลี่ยของดัชนี Dow Jones ที่ติดตามหุ้นของบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 30 แห่งในรอบ 7 ปีแม้ว่าจะเป็นสมาชิกมาตั้งแต่ปี 1928
นอกจากนี้ประเทศผู้ค้าน้ำมันหลักอย่างเช่น ซาอุดิอาระเบีย ก็ต้องการราคาน้ำมันที่ระดับ 70-80 $/บาร์เรลเพื่อให้งบประมาณของประเทศมีความสมดุล แต่น้ำมันทุกวันนี้มีราคาราว 40 $/บาร์เรลเท่านั้น
2
ในอดีตกาล เคยมีเหตุการณ์ที่ราคาน้ำมันตกต่ำมาก่อน แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เพราะในขณะที่สาธารณชน รัฐบาล และนักลงทุนถูกกระตุ้นให้ใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในอุตสาหกรรมพลังงานไปสู่สิ่งที่มีความสะอาดมากขึ้น ซึ่งกำลังได้รับแรงผลักดันจากทั่วโลก และตลาดทุนเองก็มีการเปลี่ยนแปลง
2
หุ้นในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น 45% ในปีนี้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่อยู่ใกล้ระดับ 0% นักการเมืองจึงสนับสนุนแผนโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว (Green-infrastructure plans) โดย Joe Biden ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตของอเมริกาได้เสนอการทุ่มเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อลดทอนการปล่อยคาร์บอนของอุตสาหกรรมภายในประเทศ
สหภาพยุโรป (EU) จัดสรรงบประมาณ 30% ของแผนฟื้นฟู COVID-19 มูลค่า 8.8 แสนล้านดอลลาร์สำหรับมาตรการด้านสภาพภูมิอากาศ และ Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปได้ใช้การแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาในสัปดาห์นี้ของเธอ เพื่อยืนยันถึงความต้องการที่ EU จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 55% จากในช่วงปี 1990 ในทศวรรษหน้านี้
ผู้นำทั่วโลกได้แสดงออกถึงความต้องการที่จะทำให้ระบบพลังงานในศตวรรษที่ 21 ดีกว่าในยุคน้ำมัน ซึ่งคำว่าดีในที่นี้หมายถึง ดีต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม มีเสถียรภาพทางการเมืองมากขึ้น และมีความผันผวนทางเศรษฐกิจน้อยลง
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นมีความเสี่ยงสูง และหากไม่เป็นระเบียบ ก็อาจเพิ่มความไม่มั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศผู้ค้าพลังงานปิโตรเคมี รวมถึงการควบคุม Green Supply Chains ในจีนอย่างเข้มข้นก็เป็นปัจจัยสำคัญของตลาดพลังงานในยุคใหม่ และเหตุการณ์ที่อันตรายยิ่งกว่าคาดการณ์นั้นอาจเกิดขึ้นช้าเกินไปจนเราเผลอ
ปัจจุบัน เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นแหล่งพลังงานของโลกสูงสุดถึง 85% แต่ระบบนี้มีความสกปรก โดยอุตสาหกรรมพลังงานคิดเป็นถึง 2 ใน 3 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลก มลพิษจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลคร่าชีวิตผู้คนกว่า 4 ล้านคนในทุกปี ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ ๆ ของโลกที่ในประเทศตลาดเกิดขึ้นใหม่
นอกจากนี้ น้ำมันยังสร้างความไม่มั่นคงทางการเมืองมาตลอด ซึ่งเป็นเวลาหลาย 10 ปีแล้วที่กลุ่มประเทศผู้ค้าน้ำมันหลักอย่างเช่น เวเนซุเอลา และซาอุดีอาระเบีย กลับมีแรงจูงใจน้อยมากในการพัฒนาเศรษฐกิจของพวกเขา ดังนั้นจึงได้จมปลักอยู่กับเรื่องของการเมืองและการเล่นพรรคเล่นพวกภายในประเทศ
และเพื่อให้มั่นใจว่า Supply ทางด้านพลังงานของโลกจะมีความมั่นคงกว่าเดิม ปัจจุบันประเทศมหาอำนาจของโลกจึงต้องแย่งชิงที่จะมีอิทธิพลต่อประเทศผู้ค้าน้ำมันทั่วโลกไปไม่น้อยในตะวันออกกลาง ซึ่งอเมริกาเองก็มีกำลังพลประมาณ 60,000 นายประจำการอยู่
1
จากข้อเท็จจริงในอดีตที่ได้กล่าวมา สรุปได้ว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลนั้นทำให้เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจ ตลาดน้ำมันถูกล้อมรอบด้วยการค้าที่ไม่แน่นอน และการกระจุกตัวอยู่แต่ในประเทศใหญ่ ๆ ของคลังน้ำมันสำรองของโลก ทำให้ Supply ณ ปัจจุบันเสี่ยงต่อการสั่นสะเทือนทางภูมิรัฐศาสตร์ และน่าแปลกใจเล็กน้อยที่ราคาน้ำมันลดลงกว่า 30% มาเรื่อย ๆ ในช่วง 6 เดือนเป็นจำนวน 62 ครั้งนับตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา
ภาพของระบบพลังงานใหม่กำลังเกิดขึ้น และด้วยการดำเนินการที่ชัดเจน คาดว่าต่อจากนี้ไปพลังงานหมุนเวียนอย่างเช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมอาจเพิ่มขึ้นจาก 5% ของ Supply ในวันนี้เป็น 25% ในปี 2035 และเกือบ 50% ในปี 2050 ขณะที่าการใช้น้ำมันและถ่านหินจะลดลง และก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นพลังงานที่สะอาดกว่าจะกลายมาเป็นศูนย์กลางของตลาดแทน
ในท้ายที่สุดแล้ว สถาปัตยกรรมนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาล โดยพลังงานที่สำคัญที่สุดสำหรับโลกอนาคตก็คือ "พลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดก๊าชคาร์บอน" ซึ่งจะหลีกเลี่ยงความสับสนวุ่นวายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ พลังงานสะอาดยังช่วยลดภัยแล้งที่รุนแรง ความอดอยาก เหตุการณ์น้ำท่วม และการเคลื่อนตัวของมวล และเมื่อสามารถพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ไปสู่ระดับหนึ่งได้แล้วก็ควรจะมีเสถียรภาพทางการเมืองมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจาก Supply จะมีความหลากหลายทั้งทางภูมิศาสตร์และทางเทคโนโลยี
กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในปัจจุบัน จะต้องพยายามปฏิรูปตัวเองไปสู่พลังงานที่สะอาดขึ้น ขณะที่รัฐบาลของพวกเขาเริ่มพึ่งพาการเก็บภาษีประชาชนของตนเองเนื่องจากรายได้ที่ลดลง
ส่วนประเทศผู้บริโภค ซึ่งครั้งหนึ่งเคยแสวงหาความมั่นคงทางด้านพลังงาน โดยการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองของผู้ผลิตน้ำมัน แต่ปัจจุบันดูเหมือนจะมองไปที่กฎระเบียบที่สมเหตุสมผลมากขึ้นในอุตสาหกรรมพลังงานของตนเอง
ยิ่งไปกว่านั้น ระบบพลังงานของศตวรรษที่ 21 จะมีความผันผวนทางเศรษฐกิจน้อยลง ยกตัวอย่างเช่น ในอนาคตราคาไฟฟ้าจะไม่ได้ถูกกำหนดโดยหน่วยงานใหญ่เพียงไม่กี่ราย แต่จะเกิดจากการแข่งขันและการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างค่อยเป็นค่อยไป
แม้ว่าจะมีระบบพลังงานที่ดีขึ้น แต่ภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงที่มีการจัดการที่ไม่ดีก็ยังปรากฏให้เห็นอยู่ ความเสี่ยง 2 ประการที่โดดเด่นคือ
(1.) ระบอบเผด็จการอาจได้รับอิทธิพลเหนือระบบพลังงานโลกชั่วคราว เนื่องจากมีอำนาจเหนือกว่าในการสร้างส่วนประกอบที่สำคัญและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยปัจจุบันบริษัทของจีนมีสัดส่วนการผลิตโมดูลแผงโซลาร์เซลล์สูงถึง 72% ของโลก รวมถึงแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนอีก 69% และกังหันลมอีก 45%
นอกจากนี้ยังควบคุมการกลั่นแร่ธาตุที่สำคัญต่อพลังงานสะอาดอย่างเช่น โคบอลต์และลิเธียม ดังนั้นสาธารณรัฐประชาชนจีนอาจกลายเป็น "อิเล็กโทรสเตท (Electrostates)" หรือประเทศชั้นนำด้านพลังงานสะอาดของโลก
ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทของจีนได้ประกาศการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและระบบส่งกำลังของรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการทดสอบโรงงานนิวเคลียร์ในปากีสถานและปัจจุบันกำลังพิจารณาการกักตุนโคบอลต์ทั่วโลก
อำนาจและอิทธิพลของจีน ขึ้นอยู่กับว่าประเทศเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่เป็นคู่แข่งสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วแค่ไหน ซึ่งปัจจุบันยุโรปเป็นที่ตั้งของผู้พัฒนาฟาร์มกังหันลมและฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ยักษ์ใหญ่ โดย Orsted, Enel และ Iberdrola กำลังสร้างโครงการดังกล่าวในทั่วโลก
บริษัทในยุโรป ถือเป็นอีก 1 ผู้นำในการแข่งขันเพื่อลดการปล่อยมลพิษออกสู่ชั้นบรรยากาศของโลกด้วยเช่นกัน ส่วนแนวทางของอเมริกานั้นได้รับผลประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีหินน้ำมันและก๊าซ (Shale oil and gas) ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ณ ปัจจุบัน
และจากการต่อต้านของพรรครีพับลิกันต่อมาตรการลดการปล่อยคาร์บอน หากอเมริกาจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเช่น การขึ้นภาษีคาร์บอน และการปรับโครงสร้างพื้นฐานใหม่นั้น ตลาดทุน ห้องปฏิบัติการพลังงานแห่งชาติ และมหาวิทยาลัย จะเป็นแหล่งขับเคลื่อนพลังงานสะอาดที่น่าเกรงขาม
World Maker's ViewPoint : จริง ๆ แล้วคำว่าระบอบเผด็จการปกครองนั้น สิ่งที่น่าเป็นห่วงเห็นจะมีเพียงอย่างเดียวก็คือ หากตัวผู้นำระบอบไม่สามารถปกครองได้ด้วยความเป็นธรรมแล้วล่ะก็ การพังทลายลงจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
(2.) ความเสี่ยงขนาดใหญ่อื่น ๆ อย่างเช่นการเปลี่ยนแปลงของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ซึ่งมีขนาดคิดเป็น 8% ของ GDP โลกและจะส่งผลกระทบครอบคลุมวิถีชีวิตของประชากรเกือบ 900 ล้านคน
ในขณะที่ Demand น้ำมันลดน้อยลง พวกเขาจะต้องเผชิญกับการต่อสู้เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ซึ่งจะชนะได้โดยการที่ประเทศของตนเองมีราคาน้ำมันดิบถูกที่สุดและมีความสะอาดที่สุด
นอกจากนี้พวกเขายังต้องต่อสู้กับความเร่งด่วนของการปฏิรูปทางเศรษฐกิจและการเมืองที่รุนแรงขึ้น รวมถึงรายได้ที่ลดน้อยลง โดยในปี 2020 นี้รายได้ของรัฐบาลซาอุดิอาระเบียลดลง 49% ในไตรมาสที่ 2 และแน่นอนว่าไม่กี่ทศวรรษต่อจากนี้ยังที่เต็มไปด้วยอันตรายอีกมากมายที่รออยู่ข้างหน้า
เมื่อต้องเผชิญกับอันตรายเหล่านี้ สิ่งล่อใจต่างที่จะช่วยให้พวกเขาปรับตัวได้ง่ายขึ้นก็คือ "การเปลี่ยนแปลงให้ช้าลง" แต่อย่างไรก็ตาม นั่นจะนำมาซึ่งผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ
ตามที่รายงานพิเศษของ The Economist ได้อธิบายเอาไว้ว่าการลงทุนที่ถูกตั้งเป้าหมายไว้ในก่อนหน้านี้นั้น ขาดสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการรักษาอุณหภูมิของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2°C ซึ่งยังถือว่ามากไปกับระดับ 1.5°C ที่จำเป็นในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และการเมืองทั่วโลก
ความวุ่นวายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากอุตสาหกรรมพลังงานก็คือ การลงทุนรายปีในด้านกำลังการผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ จะต้องมีมูลค่าประมาณ 7.5 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับที่มากกว่าการลงทุนในปัจจุบันถึง 3 เท่า
และหากการเปลี่ยนไปสู่พลังงานหมุนเวียนที่ปราศจากเชื้อเพลิงฟอสซิลกำลังเร่งตัวขึ้นอย่างที่ควรจะเป็นจริง ๆ ก็จะทำให้เกิดความปั่นป่วนทางภูมิรัฐศาสตร์มากยิ่งขึ้น
เพราะฉะนั้น โดยสรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ ก็คือ
"การย้ายไปสู่ลำดับพลังงานใหม่ที่มีความสะอาดมากขึ้นนั้นมีความสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มันจะเกิดขึ้นและดำเนินไปด้วยความวุ่นวาย"
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่
อยากลงทุน อยากมีเงินเก็บอย่างจริงจัง แต่ไม่มีพื้นฐาน World Maker มีคอร์สเรียนดี ๆ มาแนะนำให้ครับ รายละเอียดคลิกเลย !!
โฆษณา