24 ก.ย. 2020 เวลา 23:38 • ท่องเที่ยว
ผมนั่งรถเมล์สองต่อจากบ้าน ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 20 นาที จึงถึงที่ทำงานใหม่ จริงๆถ้านั่งรถไฟไปจะเร็วกว่านิดหน่อย แต่แพงกว่ากันเท่าตัว ยอมนั่งเพลิน ๆ กับรถเมล์ดีกว่า ประหยัดไว้ก่อน ที่นี่ค่าครองชีพสูงมาก....ครับผมขอย้อนเล่าต่อกับชีวิตในการทำงานที่ใหม่ ต่อจากโพสต์ก่อนหน้านี่
ผมเข้าทำงาน ในตำแหน่ง Customer Service Assistant ในร้านอาหารที่อยู่ในมหาวิทยาลัย Sussex ซึ่งบริษัทที่ผมทำงานจะได้รับสัมปทาน ทั้งในมหาวิทยาลัย โรงเรียน โรงพยาบาล...เฉพาะในมหาวิทยาลัยที่ผมทำ มีทั่งหมด 17 ร้าน มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ห้องจัดเลี้ยง โดยกระจายไปตามจุดต่าง ๆ ทั่วทั้งมหาวิทยาลัย
ภาพจาก Sussex Food...ส่วนหนึ่งของอาหารที่เชฟ จะทำออกมาขายในแต่ละรอบ
ภาพจาพ Sussex Food : สถานที่ผมทำงานครับ จะอยู่หลังเคาเตอร์
เช้าวันแรกผมได้พบกับหัวหน้างาน ผมไปถึงก่อนเวลาพอสมควร หัวหน้าผมพาดูสถานที่ทำงาน และแนะนำให้รู้จักเพื่อนร่วมงาน ซึ่งมาจากหลากหลายประเทศ มีทั้งนักศึกษาที่เรียนอยู่ที่นี่ มาหางานPart time ทำ.... ในหน่วยที่ผมอยู่เรียกว่า Eat Centre เป็นหน่วยที่ใหญ่ที่สุด จะมีลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกเข้ามาใช้บริการ โดยวันนึงเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่า 5,000 คน ทางEat Centre จะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่8 โมงเช้าถึงสี่ทุ่ม โดยจะมีอาหารเช้า ให้เลือกมากมาย ทั้งที่ปรุงร้อนๆ หรือพวกเย็น เช่น ซีเรียลต่างๆ โยเกิตร์ ผลไม้สดและอบแห้ง ในตอนกลางวันจะมีสลัดบาร์ ตรงเคาเตอร์ที่ผมเสริฟท์ จะมีอาหารหลักประมาณ4-5 อย่าง และสามารถเลือกเครื่องเคียงได้ ขึ้นอยู่ว่าจะเป็นเมนูอะไร ช่วงบ่ายสามโมงครึ่ง ก็จะขายเป็นอาหารดินเนอร์ มีเมนูหลากหลายเช่นกัน ที่เพิ่มคือพิซซ่า จะมีเตาอบอยู่ด้านหลัง นอกจากนี้ด้านหลังยังเป็นครัวและเคาเตอร์ที่เราจะต้องคอย บอกเชฟตลอดเวลาเพื่อขอของเพิ่ม
ภาพจาก Sussex Food..คนซ้ายสุดคือเพื่อนร่วมงาน ที่ผมทำด้วยตั้งแต่วันแรกที่มา
ลืมบอกไปครับว่า ที่นี่ยังมีครัวเบเกอรี่ สำหรับทำเค้กกระจายไปยังร้านอื่นๆทั่วมหาวิทยาลัย เช่นเดียวกับแผนกแซนวิช มีสโต มีตู้กาแฟสด ตู้แช่ และของกินเล่นอีกมากมายไว้ให้บริการ ต้องยอมรับครับว่าเค้าทำออกมาได้ดีมาก มีมาตราฐาน เหมือนนั่งในร้านอาหารดีๆบ้านเรา
ภาพจากSyssex Food อาหารบางส่วนสำหรับมื้อกลางวัน
ผมตื่นเต้น ในใจลึกๆแอบมีความกังวลว่าจะเหมือนที่แรก ที่ออกมามั้ย แต่ให้กำลังใจตัวเองว่าเราทำได้ เราจะเรียนรู้งานและเอาความขยันเข้าสู้ ดูสิจะเป็นยังไง
"นี่แจ็คกี้ จะเป็นคนสอนงานให้เธอนะ" หัวหน้าผมชื่อเบ็คกี้ ยังอายุไม่ถึง30 น่าตาน่ารัก ชีพาผมมาที่เคาเตอร์ และแนะนำให้ผมรู้จักกับ แจ็คกี้ หญิงผิวสี อายุมากกว่าผม7ปี(อันนี้มาทราบตอนหลังนะครับ)😃 แว้บแรกที่เห็นแจ็คกี้ ผมค้อนข้างกังวลใจ เพราะชีดูไม่เป็นมิตรเอาซะเลย ไม่ยิ้ม พูดจาห้วนๆ ท่าทางนักเลง ไม่ยอมคน แต่ไม่กร้าวร้าว ....พอได้ทำความรู้จักกัน ชีไม่เป็นเหมือนที่ผมคิดไว้ ผมได้สัมผัสอีกมุมนึงของเธอ แจ็คกี้ดีกับผมมาก แนะนำงานทุกอย่าง เราคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เธอเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมา เสียงดัง ตลอดที่ทำงานด้วยกัน เราไม่เคยขัดกันเลย ช่วยเหลือกันตลอด...โชคดีของผม..วันแรกเป็นการเริ่มต้นที่ดี ส่วนกอนซาโล เพื่อนของผมที่แนะนำให้มา สมัครงานที่นี่ และเป็นรองหัวหน้า ก็ดีกับผมมากเช่นกันในแต่ละรอบ จะมีพนักงาน ราวๆ 20 -30 คน โดยประมาณ สลับหมุนเวียนกันไปครับ
ช่วงเช้าผ่านไปได้ดีในวันแรก มีงงๆบ้าง เพราะอาหารตรงหน้าค่อนข้างเยอะ หลัง11.30เราเริ่มทยอยเก็บอาหารเช้าและเตรียมเมื้อเที่ยง เป็นอะไรที่เยอะมากๆ ทั้งรายละเอียดของอาหาร และการตกแต่ง เราต้องอธิบายตลอด จนแนะนำให้กับลูกค้าได้เน้นย้ำเรื่องความสะอาด และคนที่แพ้อาหารบางประเภท เราต้องตอบคำถามและแจ้งถึงรายละเอียดส่วนประกอบของอาหารให้ได้... เราต้องจำอาหารให้ได้ว่าอาหารแต่ละประเภท ต้องไปกับเครื่องเคียงอะไร ลูกค้าสามารถเลือกได้ 2 อย่าง ถ้ามากกว่าต้องจ่ายเงินเพิ่ม ทุกครั้งพนักงานทุกคน ทุกแผนกจะต้องมาฟังเชฟ อธิบายถึงอาหารแต่ละประเภท ปริมาณที่ตัก การแต่งจาน ช่วงเที่ยงจะมีพนักงานมาเพิ่มค่อนข้างเยอะ จะยุ่งมากๆ จนไม่มีเวลาทำแม้แต่จะหยิบน้ำมาดื่ม
ภาพจากSussex Food...มื้อกลางวัน เชฟจะมาอธิบายอาหารให้ฟัง
ความสนุกมันอยู่ที่ตอนตักอาหาา เราต้องจำให้ได้ ลูกค้าจะขอ้ปลี่ยนโน่นนี่ เราต้องถามเชฟว่าได้มั้ย และถ้าได้เราต้องแจ้งกับแคชเชียด้วย เพราะราคาแต่ละอย่างกับเครื่องเคียงจะไม่เท่ากัน
มีแคชเชียอยู่2คนที่ทำมานานมาก ตั้งแต่เปิด เป็นคนอังกฤษทั้งคู่ แต่คนที่ผมจะขอกล่าวถึงคือเว็นดี้ ผมได้ยินชื่อนี้ตั้งแต่เช้าจากแจ็คกี้ ถึงความร้ายกาจของป้าแก ขี้ฟ้อง ขี้เม้าท์ ใครทำอะไรไม่เคยถูกใจนาง เราก็พอจะเห็นล่ะ นางจะมองเด็กใหม่อย่างผมด้วยหางตา ยิ้มให้ก็ทำหน้าเชิด ๆ ใส่เรา ยิ้มกลับมาแบบเฟคๆ แต่ก็ช่างแก เราทำอะไรก็ให้รอบคอบจะได้ไม่มีปัญหา
การจะเป็นแคชเชียร์ที่นี่ต้องได้รับการอบรม คนที่เข้าตาจะได้ประจำจุดจ่ายเงิน ซึ่งมีทั้งหมด4 เครื่อง ผมบอกกับตัวเองเลยว่า จะต้องทำให้ได้ เราผ่านงานด้านธนาคารมาตั้ง8 ปี เคยดูแลด้านการเงินมาก็หลายที่ .....แต่ผมก็เข้าใจนะครับ ว่าการทำงานต่างประเทศ ผมต้องพิสูจน์ให้เค้ามั่นใจถึงความสามารถของเรา เค้าถึงจะเปิดรับ และมอบโอกาสให้กับเรา
ลืมบอกไปครับว่า การประสานงานกับเชฟก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ ถ้าเชฟไม่ไว้ใจเรา เค้าก็จะไม่เลือกเราให้ทำหน้าที่นี้ ซึ่งตัวผมเองต้องพิสูจน์และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเชฟ และเพื่อนร่วมงานด้วย ไม่ใช่แค่เสริฟท์อาหารอย่างเดียว เราต้องคอยดูความเรียบร้อยหน้าเคาเตอร์ ตลอดจนอาหารทั้งหมดที่พร่องไป ต้องรีบแจ้งเพื่อเชฟจะได้เตรียมสำรองไว้ให้. บอกช้าไปของหมดปรุงไม่ทันจะโดนหนัก...ผมบอกตัวเองต้องทำให้ได้อักเช่นเคย
ภาพจาก Sussex Food
ผมไม่เคยเห็นคนมาเข้าแถวซื้ออาหารเยอะขนาดนี้ หลายพันคนในช่วงกลางวัน มาพร้อมๆกันหมด เรียกว่าตักอาหารกันมือไม่ได้หยุดเลยทีเดียว แจ็กกี้ ค่อยสังเกตุการทำงาน และแนะนำผมเท่าที่เวลาตอนนั้นจะเอื้ออำนวย...สนุกครับแม้จะเหนื่อย เป็นการทำงานวันแรกที่มีวามสุขมาก เมื่อเทียบกับที่แรกที่ออกมา เพื่อนร่วมงานเยอะมาก หลากหลายกันไป
พนักงานมีานี่จะได้ทานอาหารฟรีหนึ่งมื้อ เครื่องดื่มร้อนวันละ2แก้ว โชคดีครับ ไม่ต้องเสียเงินค่าอาหารกลางวัน...ผมได้เรียนรู้งานเยอะเลยครับตั้งแต่วันแรก...และได้รับคำชมจากผู้จัดการและผู้บริหารที่มาสังเกตุการทำงานของเราในวันแรกด้วย😀😀
ลืมบอกไปครับหน่วยที่ผมอยู่จะมีออฟฟิศ ของผู้บริหารระดับสูงอยู่ด้วย ดังนั้นจะทำอะไร ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ...การทำงานวันแรกของผมจบลงพร้อมกับความสุข จะหนักแค่ไหนเราก็ทนได้ ขอให้เจอเพื่อนร่วมงานที่ดี หัวหน้าดี ไม่เอาเปรียบกัน ผมก็พร้อมลุยได้เสมอ
ขอจบเรื่องราวไว้แค่นี้ก่อนนะครับ ไว้คราวหน้าผมจะมาเล่าให้ฟังต่อว่าเป็นยัง ทำไปแล้วยังเหมือนกับวันแรกมั้ย ต้องเจออะไรบ้าง มีทั้งสุข เศร้าครับ..ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ
โฆษณา