7 พ.ย. 2020 เวลา 16:45 • ข่าว
BREAKING: Joe Biden ชนะเลือกตั้งแล้ว !!
8
ถือว่าค่อนข้างเกือบจะชัดเจนกันแล้วที่ Joe Biden กำลังได้รับชัยชนะในศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 นี้ เพราะเขาสามารถรวบรวมคะแนย Delegates ได้เกิน 270 คะแนนก่อน Donald Trump ในคืนนี้
2
โดยรัฐใหม่ที่ Biden เพิ่งได้รับผลคะแนนแซง Trump นั้นคือ เพนซิลเวเนีย ทำให้ได้รับคะแนน Delegates เพิ่มอีก 20 คะแนน กลายมาเป็น 284 คะแนนในทันที ทำให้ Biden มีสถานะเป็นผู้ชนะอย่างไม่เป็นทางการโดยอัตโนมัติ
2
ข้างล่างนี้คือบทวิเคราะห์นะครับ
2
อย่างไรก็ดี ถ้าย้อนมาดูที่คะแนนของวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จะเห็นว่าคะแนนของฝั่ง Democrat ไม่ได้ทิ้งห่างจากทางฝั่ง Republican มากเท่าที่ควร อย่างในส่วนของวุฒิสภา ส.ว. ที่พรรค Democrat มีอยู่ในมือตอนนี้ก็ยังมีไม่ถึง 51 คน ทำให้โอกาสที่จะคุมเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้มีน้อยลง
9
การไม่สามารถคุมเสียงข้างมากภายในสภาได้นั้นไม่ได้จะมีปัญหาแค่เรื่องการออกกฎหมายแล้วโดนพรรคฝ่ายตรงข้ามสกัดภายในกระบวนการบัญญัติกฎหมายแบบทั่วๆไปเพียงเท่านั้นนะครับ แต่การไม่ได้คุมเสียงข้างมากในสภาจะไปมีผลอีกทีตอนที่รัฐบาลชุดใหม่พยายามจะจัดตั้งคณะรัฐมนตรี
5
เพราะตามรัฐธรรมนูญของอเมริกาแล้ว บางตำแหน่งระดับสูงภายในหน่วยงานรัฐที่ประธานาธิบดีได้ออกคำสั่งแต่งตั้งนั้น จะต้องได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภาด้วยมติเสียงข้างมากก่อนถึงจะสามารถแต่งตั้งได้ พวกรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆอะไรพวกนี้เนี่ยต้องผ่านมติของพวก ส.ว. ทั้งสิ้น
3
ซึ่งถ้าหากพรรค Democrat ไม่สามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้ หรือได้ ส.ว. มาไว้ในมือได้ครบ 51 คนหรือมากกว่านี้ ก็จะถูก ส.ว. จากพรรค Republican พยายามสกัดตั้งแต่งานแรกๆ คือ การประชุมจัดตั้งคณะรัฐมนตรีกันเลย
4
** นอกจากการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีแล้วก็จะมีโอกาสที่ประธานาธิบดีอาจจะอยากแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุด (Supreme Court) และการร่างกฎหมายกู้เงินอะไรทำนองนั้นอีกที่อาจจะโดนฝั่ง Republican ซึ่งนำโดย Mitch McConnell พยายามรวบรวมเสียงข้างมากมาขัดขวางเอาได้
3
สำหรับประเด็นที่อยู่นอกเหนือจากเรื่องในสภา หรือ จำนวน ส.ว. แล้วก็ยังมีประเด็นเรื่องการบริหารงาน แน่นอนว่าในช่วงที่ Biden นั้นเป็นรัฐบาลอยู่ ไวรัส COVID-19 น่าจะยังไม่ได้หายไปจากโลก หรือกลายเป็นโรคท้องถิ่นไปได้ง่ายๆ เรื่องวัคซีนก็ดูจะยังไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างเท่าที่ควร
4
จะหวังพึ่งวัคซีนจีนหรือรัสเซียที่ทำเสร็จไวๆ ทางฝั่งสหรัฐอเมริกาก็ไม่ได้มีความไว้ใจ หรือตื้นเขินเพียงพอที่จะกล้าเสี่ยงกับวัคซีนของทางฝั่งจีน ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงที่กระแสการต่อต้านจีน (Sinophobia) ภายในสหรัฐอเมริกามันยังตลบอบอวลอยู่ในขณะนี้
1
หากไวรัสมันกลับมาระบาดระลอกใหญ่อีกจนถึงขั้นต้องมีการประกาศล็อคดาวน์เหมือนในแถบยุโรป และอังกฤษอีก (ตอนนี้ในหลายๆพื้นที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว โอกาสที่ไวรัสจะกลับมาแพร่ระบาดอีกก็มีเพิ่มขึ้น) จะมีอะไรการันตีหรือรับรองว่าสหรัฐอเมริกาภายใต้การบริหารงานของ Biden จะสามารถควบคุมสถานการณ์ไวรัสได้
3
ที่ผมบอกว่า Biden อาจจะคุมสถานการณ์ของไวรัสไว้ไม่ได้นี้ไม่ได้หมายถึงว่า Biden จะละเลย หรือทำอะไรผิดพลาดจนเกิดการลุกลามนะครับ แต่อยากให้ลองย้อนกลับไปดูผลคะแนนการโหวตที่ประชาชนอเมริกาโหวตให้ Trump จากการเลือกตั้งครั้งนี้
2
Trump คะแนนโหวตทะลุ 70,000,000 เสียงไปแล้วนะครับ แปลได้แบบหยาบๆว่าคะแนนนิยมของเขานั้นเพิ่มขึ้นมาจากช่วงปี 2016-2017 มาก (เกือบๆ 8,000,000 เสียง) การจะเคลมว่า Biden ชนะเพราะ "คนทั้งสหรัฐอเมริกาเบื่อ Trump แล้ว" นั้นจึงไม่ควรเกิดขึ้น
2
Trump ในปีนี้จึงยังถือว่าค่อนข้างมีอิทธิพลต่อชาวอเมริกามากอยู่ คนในสังคมก็ยังรักและเชื่อมั่นในแบรนด์ Donald Trump กันอยู่ การยังเชื่อมั่นใน Trump นี้จะส่งผลอย่างมากตอนรัฐบาล Biden ทำการบริหารจัดการภัยเรื่องโรคระบาดในปี 2021
1
ให้นึกดูนะครับ ถ้าไวรัสระบาดอีก แค่ Donald Trump ทวีตข้อความเชิญชวนให้คนอเมริกาทั่วประเทศถอดหน้ากาก หรือ รณรงค์ให้ไม่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน แล้วออกไปสูดอากาศข้างนอกบ่อยๆจากนั้นอ้างเหตุผลเรื่อง 'เสรีภาพ' ในระหว่างที่รัฐบาล Biden พยายามจะควบคุมโรคระบาดอยู่ ก็เป็นปัญหาระดับวิกฤติกันแล้วครับ
1
อย่าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้นะครับ เราเห็นกันแล้ว ในช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมานี้ Donald Trump ไม่ใส่หน้ากากจนติดไวรัส COVID-19 ไป คนอเมริกาก็ยังเชื่อใน Trump อยู่ แถมยังมีช่องว่างให้ Trump เอาเรื่องตัวเองไม่ใส่หน้ากากแล้วรอดตายจากไวรัส ไปข่ม Biden ที่ยอมกักตัวอยู่ในบ้าน และใส่หน้ากากตลอดเวลาด้วย (ด้วยการล้อเลียนว่าเพราะ Biden อ่อนแอ)
3
เอาง่ายๆไม่ต้องถึงขั้นเรื่องไวรัส COVID-19 ระบาดอีกรอบหรอก ดูจากเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี้ก็ได้ วันพฤหัสมั้ง Trump เขาทวีตข้อความแบบปลุกปั่นว่าตัวเขาเองนั้นโดนโกงเลือกตั้งในรัฐมิชิแกน แล้วพยายามเรียกร้องให้หยุดนับคะแนน แค่นี้เอง แฟนคลับและกลุ่มมวลชนที่สนับสนุน Donald Trump ก็ถือปืนลงมาเดินบนถนนเตรียมจะก่อม็อบปิดศูนย์นับคะแนนบัตรเลือกตั้งหลายๆแห่งกันแล้ว
6
ทั้งๆที่ Trump ไม่ได้เรียกร้องหรือออกคำสั่งอะไรเลย มวลชนก็ออกมาตะโกนประท้วงด้วยประโยคแนวๆว่า "หยุดขโมยคะแนนจาก Donald Trump ได้แล้ว" หรือไม่ก็ "หยุดโกงเลือกตั้งได้แล้ว" กันเป็นแถว Trump มีอิทธิพลทางความคิดกับคนเหล่านี้ และคนอเมริกาในกลุ่ม 70,000,000 กว่าคนที่เลือกโหวตเขามากนะครับ
2
UPDATE: อีกเรื่องหนึ่ง คือ ตามที่ผมได้เขียนเอาไว้ในวันก่อนๆ ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของมรดกทางการเมืองที่ Donald Trump ทิ้งเอาไว้ให้สหรัฐอเมริกาก็คือ ความแตกแยก และทัศนคติด้านลบในเชิงเหยียดเชื้อชาติ เหยียดคนต่างชาติ
3
Trump ได้เปิดเผยให้เห็นว่าแนวคิดแบบหลักนิยมคนผิวขาว (white supremacism) นั้นยังเป็นแนวคิดที่ไม่ได้ล้าสมัยในยุคปัจจุบัน คนอเมริกาจำนวนมากจึงมีความกล้าที่จะแสดงทัศนคติดังกล่าวออกมามากขึ้น ดังจะเห็นได้จากคนรุ่น Gen X และ Baby Boomer หลายๆคนที่ออกมาทำท่าทีรังเกียจคนจีน รังเกียจคนดำ หรือรังเกียจคนต่างชาติ ตะโกนด่า ตะโกนไล่เป็นหมูเป็นหมาได้อย่างเปิดเผยมากขึ้น
4
** ประเด็นนี้อาจจะยังไม่ได้สร้างผลกระทบที่เป็นรูปธรรมจนถึงขั้นรับรู้สึกได้มากขนาดนั้น แต่คาดว่าน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะก่อให้้เกิดปัญหาตามมาภายในระหว่างที่ Biden เป็นรัฐบาลได้ในอนาคต เช่น ในกรณีที่ Biden มีนโยบายที่เปิดกว้างรับชาวต่างชาติ หรือเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวขึ้นมา ก็อาจจะมีคนกลุ่มที่สนับสนุน Trump ออกมาป่วน หรือก่อกวนคัดค้านนโยบายดังกล่าวอย่างรุนแรงได้
3
เรื่อง ทายาททางการเมืองของ Joe Biden ก็เช่นกัน อย่าลืมว่า Biden นี้อายุจะ 80 ปีแล้ว แก่กว่า Trump อยู่ 3-4 ปี ผมไม่คิดว่า Biden จะสามารถอยู่ต่อหรือเล่นการเมืองต่อได้จนถึงปี 2024 ข้างหน้า อย่าว่าแต่สมัยที่ 2 เลย Biden จะสามารถอยู่ได้จนจบครบเทอม 1 นี้หรือเปล่าก็ไม่แน่
2
ตอนนี้ก็มีแค่ Kamala Harris แคนดิเดทรองประธานาธิบดีเท่านั้นที่พอจะสามารถขึ้นมาเป็นตัวแทนหรือทายาททางการเมืองของ Biden ต่อได้ แต่ก็ต้องรอดูกันอีกทีอยู่ดี ว่า Harris นั้นจะมีบารมีทางการเมือง หรือมีบทบาทเป็นที่รู้จักได้พอที่ฐานเสียงของพรรค Democrat ทั้งหมดจะยอมรับได้ไหมในอนาคตหรือพรรค Democrat จะต้องหาคนอื่นมาแทนอีก
3
ปล. เรื่องประเด็นทางกฎหมาย และการเล่นเกมยื้อด้วยกลไกทางกฎหมายผมขออนุญาตไม่กล่าวถึงนะครับ เนื่องจากเป็นประเด็นที่เพจอื่นๆ หรือสำนักข่าวหลายๆแห่งได้กล่าวถึงกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขอเน้นไปที่ประเด็นที่ยังไม่ค่อยมีคนพูดถึงเป็นหลักเพื่อประหยัดเวลาผู้อ่าน
2
โฆษณา