25 มี.ค. 2021 เวลา 10:24 • ครอบครัว & เด็ก
เพื่อนสนิท
(หนึ่งในบทความซีรีส์"วันพ่อ"ที่ร่างไว้แต่ยังไม่เคยโพสต์ คัดมาจากบันทึกจดด้วยลายมือ..ส่วนตัวนิดนะคะ)
1
☘️สองวันก่อนขับรถไปรับลูกกลับจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้านตามคิวหรือวิก (เรียกแบบวันเงินออกของสาวโรงงาน) มีเหตุประจวบเหมาะมาพบพร้อมกันหลายสิ่ง
📍หนึ่ง แม่นัดคุณหมอฟันเพื่อตรวจและให้คำปรึกษาเรื่องฟันของลูกซึ่งเริ่มมีฟันเต็มช่องปาก และใช้พื้นที่มากกว่าช่องปาก ฟันลูกจึงเริ่มเก อาจจะต้องถอนฟันบางซี่ออกและดัดฟัน กลายเป็นทันสมัยไปอีก(ทำไมสมัยแม่และพ่อเป็นเด็กไม่ค่อยเห็นมีใครมีปัญหาแบบนี้เลย หรือมีแต่ปล่อยไป)
📍สอง แม่มีงานต้องเขียนอีกบานตะไทแปลว่าอีกมาก(กกก อีกสักสิบล้านตัว)
📍สาม จะมีวันหยุดสามวันติด รถที่มุ่งหน้าออกนอกเมืองกรุงจะต้องมากแน่ ๆ
📍สี่ มีขบวนประชาชนมาถวายพระพรฯ(บันทึกนี้เขียนในอดีตค่ะ..วันพ่อหลายปีก่อนโน้น)
2
📍ห้า..แม่จึงริอ่านขับรถแทรกออกเลนขวา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขับตามคันข้างหน้าเนียน ๆ ไป ซึ่งเป็นการขับรถผิดกฏจราจร ในใจประหวั่นพรั่นพรึงอยู่ และที่สุดก็โดนดีจนได้ คือโดนคุณตำรวจให้สัญญาณมือโบกให้เลี้ยวกลับรถตามกฏจราจร ไม่จับปรับเลยก็ถือว่าใจดีมากแล้ว รถติดมหาศาลด้วยแหละค่ะ
📍หก แม่ไม่รู้จักทางเส้นอื่น *แม่เป็นของแม่แบบนี้ นอกเหนือจากเส้นทางหลัก ที่ใช้เดินทางอยู่ทุกวัน เป็นเส้นทางเดิมแล้วล่ะก็ เส้นทางอื่นนั้นแม่ไม่กล้าขับเพราะไม่รู้จัก และไม่เคยคิดจะลุกขึ้นหาญกล้าทำความรู้จักกับมันสักหน่อย
 
ส่วนนี้เป็นเรื่องจริง ทุก ๆ วัน แม่จะตื่นเช้ามาก เมื่อตื่นแล้วก็จะขับรถคันเก่งเข้าที่มาทำงานแต่เช้ามืด(ตีห้า) นั่งทำงานในหน่วยจนหกโมงเย็น บ่อยครั้งล่วงเข้าไปสองหรือสามทุ่มค่อยกลับบ้าน โดยขับรถบนเส้นทางเดิมมาตลอด ไม่เคยลองใช้เส้นทางอื่น ๆ เลย สมัยอยู่ที่ทำงานเก่าในต่างจังหวัดกว่าจะรู้ว่า ถนนเส้นนี้ชื่อนี้ ถนนเส้นนั้นชื่อนั้นก็เล่นเอาปวดหัว ขับหลงทางในเมือง และวนไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ..แล้วคนอย่างแม่น่ะหรือ จะกล้ามาลองหาเส้นทางใหม่ในเมืองกรุง
2
วันนั้น(ที่กำลังเล่าอยู่น่ะค่ะ)ลูกนั่งรถได้นิ่งมากตลอดเวลาสามชั่วโมงกว่า ไม่มีทีท่าว่าเดือดร้อน ไม่มีเสียงจึ๊กจั๊ก ไม่บ่นโวยวาย แม่เองยังบ่นไปหลายคำ "ไม่น่าเลย" อันหมายถึงว่า..ไม่น่ามีสิ่งต้องทำพร้อมกันหลายอย่างในวันนี้ วันที่แม่คาดแล้วว่า รถจะติด.. ไม่น่าเลยไม่น่าขับรถผิดกฏจราจรทำให้เสียเวลามากขึ้นไปอีก..ไม่น่าเลยเอารถออกจากที่ทำงานช้าไปหน่อย เจอชั่วโมงเร่งด่วน..ไม่น่าเลยทำไมเราไม่คิดหาเส้นทางอื่น ๆ ไว้บ้าง.. และอีกสองสามไม่น่าเลย..
1
ขณะขับรถและบ่น..ไม่น่า ๆ ไปด้วยนั้น แม่นั่งฟังเเผ่นวีซีดีธรรมของท่านพุทธทาสอยู่ด้วยนะ เป็นแผ่นที่ฟังประจำ..
ตถตา มันเป็นเช่นนั้นเอง
..
1
เมื่อเห็นลูกเงียบ นิ่ง เพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์จนจบเล่ม
แม่จึงเงียบสงบและคิด "สิ่งใดหนอ อะไรหนอ ใครหนอ ที่บ่มลูกมาแบบนี้" เหตุการณ์นั่งนิ่งของลูกทำให้แม่เริ่มรู้ว่าลูกชายของแม่ เริ่มโตขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว เติบโตมาจากการเลี้ยงดูของพ่อและแม่ และจากไปเติบโตต่อภายใต้กฏระเบียบของโรงเรียนประจำฯ สองแห่ง ไกลบ้านต่างแดน โรงเรียนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ คุณครูด้วยน่าจะมีอิทธิพล เพราะเป็นที่ที่ลูกใช้ชีวิตเป็นส่วนใหญ่อยู่คนเดียวเกือบสามสี่ปีเต็ม
..
1
เมื่อใกล้บ้าน อีกราวสิบนาทีเห็นจะได้แม่จึงถามลูกว่า
"ลูกครับ ใครคือเพื่อนสนิทของลูกนะ" ลูกตอบแม่ทันทีโดยยังไม่ได้ปิดหนังสือที่คงเหลืออีกสักหน่อยว่า
"พ่อไง"
..
"หรือลูก"
"แล้ว แม่ล่ะ"
"แม่ก็เป็น เพื่อนสนิทของเพื่อนสนิทของลูกไง"
3
<3 <3 <3 <3 <3
ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาถึงบรรทัดนี้ จะบอกว่า เพราะประโยคสุดท้ายของลูก ทำให้แม่ซึ่งกดเพลง”คู่เคียง” ของปู่จ๋านลองไมค์ มาฟังนั้น(ตามคำแนะนำของคุณมด)..ถึงกับน้ำตาซึมจากคำร้องของเพลง..ตรงนี้ค่ะ
..
ต่อให้สองหูจะไม่ได้ยินเสียง
ต่อให้สองตาเรามันจะพร่ามัว
ต่อให้เหี่ยวเฉากันไปทั้งตัว
ใยจึงต้องกลัวความไม่จีรัง
..
3
เพื่อนสนิทของลูก..คือพ่อ
เพื่อนสนิทของเพื่อนสนิทของลูก..คือแม่
โฆษณา