10 ธ.ค. 2020 เวลา 13:35 • หุ้น & เศรษฐกิจ
นักลงทุนหุ้น 5 ประเภท ฉบับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ดีกรีนักลงทุนระดับตำนานของไทย
ถ้าหากคุณกำลังคิดจะเริ่มต้นลงทุนในหุ้นอย่างจริงจัง หรือเริ่มลงทุนไปแล้วสักพัก ถ้ามีเพื่อนมาถามคุณว่า คุณใช้เทคนิคอะไร แนวไหน…ในการลงทุนหุ้น….แล้วแบบไหนมันดีที่สุด… คุณจะให้ตอบเขาว่าอย่างไร….
จริงๆแล้วการลงทุนไม่มีเทคนิคหรือแนวทางการลงทุนแบบตายตัว แต่วันผมจะนำเทคนิคการลงทุนฉบับของนักลงทุนหุ้นพอร์ตระดับหลายพันล้านอย่าง ดร.นิเวศน์ ท่านได้เขียนไว้ในหนังสือเล่มที่มีชื่อว่า “ชนะอย่าง”เต่า คุณสามารถไปหาซื้ออ่านได้เลยนะครับหนังสือท่านดีทุกเล่ม
ดร.นิเวศได้แบ่งเทคนิคการลงทุนหุ้นของคน 5 กลุ่ม หรือประเภทของนักลงทุน
มาเริ่มกันที่กลุ่มแรกเลย ซึ่งก็คือ พวกเล่นตามข่าว
คนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียวในตลาดหุ้น การเล่นหุ้นตามข่าวก็คือ จะซื้อหรือขายหุ้นตามข่าวในตลาดหุ้น หรือข่าวภาพรวมเศรษฐกิจ หรือข่าวบริษัทจดทะเบียน เช่นว่า ช่วงนี้กำลังประสบปัญหากับโรคระบาด โควิด-19
แน่นอนว่า คนกลุ่มนี้จะโฟกัสไปกิจการหุ้น ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่าต้องโดนผลกระทบอย่างมาก จึงพาแห่ขายหุ้นกันอย่างกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ และถ้าหากรู้ว่ากำลังจะมีการผลิตวัคซีนสำหรับรักษาโรคโควิด-19ได้สำเร็จ คนก็จะแห่กลับไปซื้อหุ้น หรือเน้นไปซื้อหุ้นที่กำลังจะฟื้นตัวหากสถานการณ์คลี่คลาย อะไรทำนองนี้
╔═══════════════════════╗
ชมในรูปแบบ คลิป video
╚═══════════════════════╝
พูดง่ายๆว่า ส่วนใหญ่เวลาข่าวดีเขาก็แห่ไปซื้อ ข่าวร้ายเขาก็แห่กันไปขาย แหล่งข้อมูลจากกลุ่มเหล่านี้ที่มักใช้ประกอบการตัดสินใจก็คือ หนังสือพิมพ์หุ้นรายวัย รายการข่าวหุ้นต่างๆ นอกจากข่าวกรองแล้ว บางพวกยังไปติดตามข่าวที่เรียกว่า ข่าววงใน ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะวงในได้ยังไง ขนาดคุณไม่รู้จักผู้บริหารบริษัทนั้น เป็นการส่วนตัวเลย แล้วมันจะเป็นข่าววงในไปได้อย่างไร….กว่าข่าวจะมาถึงหูคุณมันก็ไม่น่าจะต่างจากข่าววงนอกนะ หรือข่าวหลอกเม่าให้บินเข้ากองไฟ
แน่นอนว่ากลุ่มนี้ลงทุนแบบไปไวมาไว ทำกำไรสั้นๆ หรือเรียกได้ว่า เป็นนักเกร็งกำไรตัวยงนั่นเอง หรือเวลาที่มีข่าวมาว่า ธุรกิจบริษัทนี้จะเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ หรือเปลี่ยนผู้บริหารหรืออะไรก็แล้วแต่
เขาก็นำข้อมูลเหล่านี้มาประกอบการตัดสินใจซื้อขายหุ้นทันที
แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่เล่นหุ้นแบบนี้ และสิ่งที่อยากให้คุณทราบก็คือ คนที่ประสบความสำเร็จในหุ้น และรวยด้วยหุ้นจริงๆ กลับเป็นคนส่วนน้อย ถ้าคุณชอบเสี่ยงชอบลุ้นวิธีนี้อาจเหมาะกับคุณ แต่อาจจะไม่ได้กำไรอย่างยั่งยืน เพราะข่าวนั้นมันไม่จริงทุกอย่างก็จบต้องลุ้นตลอดเวลา
กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มเล่นหุ้นตามกระแสบวกพื้นฐาน
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ลงทุนหุ่นโดยอิงอยู่กับ 2 อย่างซึ่งก็คือ พื้นฐานของกิจการที่มีแนวโน้มจะมีกำไรมากขึ้น และธุรกิจกำลังเป็นกระแส แล้วหุ้นพวกนี้เวลาอยู่ในช่วงที่มีสตอรี่ดีๆ คุณจะพบว่าเหล่านักวิเคราะห์ทุกค่าย ต่างแนะนำให้ซื้อทุกคนแม้ว่าราคามันจะสูง บางที p/e เกือบ 60 เท่า ก็ยังแนะนำให้ซื้อ จริงๆแล้วคนที่ลงทุนแบบนี้ก็มีคนทำกำไรได้เยอะจริงๆก็มี แต่ถ้ามันไม่ใช่ธุรกิจที่จะทำกำไรได้จริงราคามันก็จะร่วงชนิดที่ว่า เผาเป็นเลยแหละ
กลุ่มที่สาม คือ พวกคนที่ใช้เทคนิเคิล
นักลงทุนกลุ่มลงทุนโดยอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิค กล่าวคือ ใช้กราฟราคาปิดหุ้นและใช้อินดิเคเตอร์ต่างๆเข้ามาช่วยในการวิเคราห์ จับจังหวะราคา ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ใช้สถิติของราคาปิดของหลายๆวันมา พอตเป็นกราฟแล้วก็วิเคราะห์แนวโน้มว่าควรซื้อหรือขาย อะไรทำนองนี้ ฟังดูเหมือนง่ายมากๆ เพราะบางคนซื้อเช้าขายบ่าย ซื้อวันนี้อีกสองวันก็ขาย หรือถ้ายาวหน่อยก็ไม่น่าจะเกินเดือน
จริงๆแล้ว ที่เทคนิคการลงทุนแบบเทคนิเคิลยังพอใช้ได้ในปัจจุบันและเป็นที่นิยม ก็เพราะคนจำนวนมากก็ใช้กราฟที่หน้าตาเหมือนๆกัน เวลามองกราฟเดียวกันอาจทำให้เกิดการตัดสินใจไปในทิศทางเดียวกันมันเลยดูเหมือนได้ผล ออกแนวจิตวิทยาฝูงชนที่คนหมู่มากลากไป อย่าลืมว่าคนส่วนมากไม่ได้ประสบความสำเร็จจากหุ้นมีเพียงคนส่วนน้อย เพราะเป็นแบบนี้ ถ้าใครสามารถอ่านเกมออกก่อน ก็จะทำกำไร แต่ถ้าใครลุกช้าก็จ่ายรอบวง มันก็เป็น money gameดีๆนี่แหละ
เพราะซื้อขายสั้นขนาดนั้น พื้นฐานกิจการแทบไม่มีผลอะไรเลยในการลงทุน คุณว่าจริงไหมหละ สินค้ายังขนไม่ถึงหน้าประตูโรงงานเลย คุณกลับชิงขายหุ้นไปแล้ว……
กลุ่มที่ สี่ กลุ่ม VI หรือ Value Investment
นักลงทุนกลุ่มนี้เน้นลงทุนโดยวิเคราะห์พื้นฐานของกิจการด้วยตนเอง ข้อมูลที่ได้รับหรือฟังจากนักวิเคราะห์ จะไม่มีผลในการซื้อของคนกลุ่มนี้ เพราะข้อมูลเหล่านั้นเป็นเพียงส่วนที่นำมาใช้ประกอบการตัดสินใจก็เท่านั้นเอง และการลงทุนในแนวทางนี้ค่อนข้างเป็นการลงทุนระยะยาว จนกว่าหุ้นหรือบริษัทนั้นๆ มีแนวโน้มว่า จะไม่ใช่กิจการที่ดีอีกต่อไป พวกเขาก็จะตัดสินใจขายทันที
เนื่องจากนักลงทุนในกลุ่มนี้จะลงทุนโดยเน้นมูลค่า ซึ่งก็คือ การซื้อหุ้นในราคาที่มีส่วนลด และมีการประเมินราคาหุ้นก่อนซื้อทุกครั้ง เหมือนเราจะไปทำธุรกิจ ซึ่งจะต่างจากแบบอื่นที่เมื่อเกิดวิกฤติ อย่างเช่นโควิด-19 ในปี 2563 นี้ ทำให้หุ้นตกอย่างหนัก นี่จะเป็นโอกาสเข้าซื้อหุ้นที่ดีมากๆของนักลงทุนกลุ่มนี้ ซื้อเรียกว่า ได้ช็อปหุ้นถูกๆกันถ้วนหน้า ซึ่งต่างจากนักลงทุนกลุ่มอื่นที่ต่างขายหุ้นทิ้งเมื่อมันราคาตกหนัก
เหล่าบรรดาเซียนหุ้นระดับโลกที่เป็นไอดอลของหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็น เบนจมินเกรแฮม และวอร์เรนบัฟเฟตต์ ก็เป็นนักลงทุนสไตร์ Value Investment รวมถึงดร.นิเวศน์ ด้วยนั่นเอง
เทคนิคสุดท้ายก็คือ การลงทุนแบบ Passive
นักลงทุนกลุ่มนี้จะลงทุนในกิจการที่มีความมั่นคงเน้นหุ้นระยะยาวมากๆ กิจการต้องใหญ่ แต่ด้วยความใหญ่ของกิจการที่มีข้อดีคือมั่นคง แต่โอกาสเติบโตของกิจการกลับช้า ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้เขาจะซื้อหุ้นเพื่อเน้นกินปันผลเป็นหลัก เพราะมันรู้สึกสบายใจมากกว่าการซื้อหุ้นขนาดกลางขนาด เล็ก
 
หุ้นขนาดใหญ่มันจะเติบโตไปตามสภาวะของเศรษกิจโดยรวม เช่นหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม หุ้นธนาคาร หุ่นพลังงาน หุ้นค้าปลีก เป็นต้น
หรือไม่นักลงทุนกลุ่มนี้อาจไปลงทุนในดัชนีหุ้นโดยซื้อผ่านกองทุนรวมก็ได้ แล้วก็ให้มันค่อยๆสร้างผลตอบแทนไปเรื่อยๆไม่รีบร้อน
สรุปว่า ไม่มีแนวทางการลงทุนแบบไหนดีที่สุด เพราะมันขึ้นกับ ช่วงเวลาสภาวะหุ้น อุปนิสัยของตัวบุคคล ระยะเวลาการลงทุน จิตวิทยาการลงทุน
ใครมีส่วนไหนมากก็เลือกแนวทางที่เหมาะกับตัวเองได้ จะให้คนที่ชอบการพนันชอบเสี่ยงๆแถมยังใจร้อน ไปถือหุ้นระยาว หรือจะให้คนใจเย็นมีเหตุมีผล ไม่ชอบการพนันไปลงทุนในแบบเสี่ยงๆเร็วๆคงไม่ถูกจริตนัก
สภาวะในตลาดหุ้นแต่ละช่วง บางเทคนิคก็อาจใช้ได้ผลดี หรืออีกแนวทางอาจใช้ได้ผลน้อย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องลงทุนในสิ่งที่เป็นความรู้ก่อน และเมื่อคุณมีความรู้แล้ว จึงนำเงินไปลงทุนในสิ่งที่คุณเข้าใจที่สุด
1
╔═══════════════════════╗
ชมในรูปแบบ คลิป video
╚═══════════════════════╝
ฝากติดตามในช่องทาง YOUTUBE ด้วยนะครับ
ช่องทางการติดต่อ/ติดตาม
👉Facebook :
👉blockdit:
👉 เว็บไซต์:
👉 ไลน์
👉 Youtube
เข้ากลุ่ม👉 ก้าวที่ดีขึ้น​ พัฒนาตนเอง​ การเงินและทุกๆด้าน ฟรีเพื่อรับความรู้ใหม่ๆ
โฆษณา